ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการ เล่นโซเชียล กลายเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกันที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ปัจจุบันไปแล้ว ในแต่ละวันเราใช้เวลาเสพ Content บนโลกออนไลน์กันเยอะมาก ยิ่งในช่วงยุคโควิด 19 ที่คนอยู่แต่บ้าน จึงมีปฏิสัมพันธ์กันในโลกออนไลน์มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตเราทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เช่น การที่เราเห็นคนอื่นมีชีวิตดีบนโลกออนไลน์แล้วอิจฉา หรือการที่ใน Social Media ปัจจุบันกำลังเต็มไปด้วยความ Toxic จากตรรกะต่าง ๆ ที่ผิดเพี้ยน และในบทความนี้ MenDetails จึงอยากชวนมาสังเกตพฤติกรรมตัวเองว่าตอนนี้เรามีอาการแบบนี้หรือไม่ เพราะมันอาจเป็นผลมาจากการเสพ Content และการอยู่บนโลกออนไลน์มากเกินไป และเราควรรีบปรับพฤติกรรมด่วนก่อนจะเป็นคนไม่น่าคบ
การ เล่นโซเชียล ในปัจจุบัน
อย่างที่เราได้บอกไปว่าในโลกปัจจุบันการจะตัดขาดจากโลกออนไลน์และ Social Media ต่าง ๆ เลยเป็นไปได้ยากมาก เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของมนุษย์ไปแล้ว ในแต่ละวันเราใช้ช่องทางเหล่านี้เพื่อสื่อสารทั้งเรื่องทั่วไป ไปจนถึงเรื่องการงาน และการติดตามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ในแง่หนึ่งมันทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น รวดเร็วขึ้น ทำให้เราไม่พลาดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราสนใจบนโลกนี้
แต่เมื่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นของที่ทุกคนต้องใช้ และการเข้าถึงมันกลายเป็นหนึ่งในเรื่องพื้นฐาน ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถใช้งานได้ และจากเป็นแค่ผู้เสพ เราทุกคนก็คือผู้สร้าง Content ในโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน ทำให้โลกออนไลน์หมุนอย่างรวดเร็ว และในหลาย ๆ ครั้ง Content ที่อยู่ในโลกออนไลน์ก็ไม่ได้รับการตรวจสอบที่ถูกต้องทำให้เราเห็นการแชร์ข้อมูลผิด ๆ การสร้างกระแสแปลก ๆ ทำอะไรแปลก ๆ เพื่อให้ไวรัล มียอดดู ยอดแชร์เยอะ ไปจนถึงการถกเถียงกันในโลกออนไลน์ที่บางครั้งเราจะเห็นตรรกะแปลก ๆ ไปจนถึงการ “ล่าแม่มด” ที่ชาวเน็ตปัจจุบันชอบทำ กลายเป็นดาบสองคมให้กับผู้ที่ใช้งานโลกออนไลน์
ภายใต้การเสพ Content ที่สั้นลง และมีหลากหลายอารมณ์นั้นส่งผลอะไร
ในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างในโลกออนไลน์หมุนไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเทรนด์ที่คนเราต้องการเสพอะไรสั้น ๆ ง่าย ๆ เพื่อให้เสพได้เยอะ ๆ ทำให้ความยาวของ Content ต่าง ๆ สั้นลงเรื่อย ๆ และคนรุ่นใหม่หลาย ๆ คนก็เลือกที่จะอ่านหรือดูอะไรที่มีความยาวในระดับหนึ่งน้อยลง เกิดเป็นประโยคที่ชาวเน็ตพูดกันขำ ๆ อย่าง “ยาวไปไม่อ่าน” หรือ “อยากให้อ่านเกิด 7 บรรทัด” เป็นต้น แต่คำพูดแซวขำ ๆ พวกนี้เป็นความจริงเกี่ยวกับการเสพ Content ออนไลน์ของคนทั้งโลกที่ตรงอย่างน่าเจ็บใจ
และการเสพ Content สั้น ๆ ง่าย ๆ นี่เองที่เริ่มส่งผลย้อนกลับมายังตัวผู้เสพ เพราะการเสพ Content สั้น ๆ แล้วเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ความสามารถในการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ๆ ลดลงอย่างมาก ทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่อยู่ในโลกออนไลน์นาน ๆ มีอาการสมาธิสั้น หรือแม้แต่ในผู้ใหญ่เองก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน สังเกตได้ว่าคนที่เสพ Content สั้น ๆ ง่าย ๆ เหล่านี้หากต้องอ่านหรือดูอะไรยาว ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ หนังสือ ไปจนถึง Content ในโลกออนไลน์ที่มีข้อความยาว ๆ หรือคลิปใน Youtube ยาว ๆ จะไม่สามารถจดจ่อได้นาน เพราะตัวเองชินกับการเสพ Content สั้น ๆ ไปแล้ว หรือไม่พวกเขาก็จะใช้วิธีฟังสปอย อ่านสปอยแทนการเสพ Content จริง ๆ นอกจากนี้อาจยังทำให้ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ประมวลผลข้อมูลลดลง เพราะสมองชินแต่กับการย่อย Content ง่าย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เมื่อต้องมาเสพ Content ที่ลึกซึ้งทำให้สมองปฏิเสธที่จะรับและเลือกที่จะไม่อ่าน ไม่ฟัง ไม่ดู
นอกจาก Content ที่สั้นลงแล้ว แต่ละ Content ที่เราเสพกันในแต่ละวัน ยังมีความหลากหลายทางด้านอารมณ์อย่างน่าตกใจ ในช่วงหนึ่งเราอาจกำลังนั่งอ่านอะไรตลก ๆ คลายเครียด แต่แล้วเมื่อเลื่อน Feed ลงมาอีกนิดกลับเจอประเด็นดราม่าสุดร้อนแรงที่เราอ่านแล้วอิน มีอารมณ์ร่วมไปด้วย พอเลื่อนลงมาอีกนิดกลับเจอประเด็นที่ทำให้เรารู้สึกซึม เศร้า Content ที่หลากหลายอารมณ์เหล่านี้เมื่อเราใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์มาก จะอารมณ์ที่แปรปรวนอย่างนี้ทุกวัน ก็จะส่งผลให้เราอารมณ์สวิงขึ้นลงได้เช่นกันครับ เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวซึม เดี๋ยวโกรธ ซึ่งการที่อารมณ์เราสวิงอย่างรวดเร็วแบบนี้ไม่ใช่ผลดีต่อคนรอบข้างและสุขภาพจิตเราแน่นอนครับ
เราเปลี่ยนกระแสไม่ได้ แต่เราปรับพฤติกรรมตัวเองได้
แต่ในเมื่อเทรนด์โลกปัจจุบันของการเสพ Content เป็นเช่นนี้ และ Platform Social Media ใหญ่ ๆ ก็เปลี่ยนไปในทิศทางนั้นกันหมด เราจะเปลี่ยนเทรนด์โลกคงไม่ได้ แต่เรายังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเพื่อไม่ให้จิตใจของเรารับภาระหนักเกินไปได้ครับ
หากใครที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่อารมณ์สวิงขึ้นลงบ่อย ๆ เวลาเสพ Content ต่าง ๆ ไปจนถึงข่าว และข้อมูลในโลกออนไลน์ นี่อาจเป็นผลที่การใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์นานเกินไปส่งผลต่อสุขภาพจิตเราครับ หากเราเริ่มรู้สึกเช่นนั้นให้เราหยุดใช้ Social Media แล้วทำอะไรอย่างอื่นแทน หรือไปเสพอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกันแทน เพื่อปรับอารมณ์ของเราไม่ให้ขึ้นลงจนเกินไป นี่รวมถึงหากเรารู้สึกว่าการเล่น Social Media มากเกินไปแล้วเห็นชีวิตของคนอื่น ๆ ดีไปหมดจนเราเสียความมั่นใจในตัวเองด้วยเช่นกันนะครับ เพราะในโลกออนไลน์ ใคร ๆ ก็อยากดูเป็นคนที่มีชีวิตดี การที่เราเห็นอะไรแบบนั้นมาก ๆ อาจทำให้เราอิจฉาไม่ก็เสียความมั่นใจที่ตัวเองไม่มีอย่างที่คนอื่น ๆ มีได้ครับ
นอกจากนี้แม้เทรนด์การทำ Content สั้น ๆ ง่าย ๆ กำลังมา แต่ Content ยาว ๆ ก็ยังมีอยู่อีกจำนวนมาก เราจึงควรเสพ Content อะไรที่มันยาว ๆ บ้างเพื่อไม่ให้ระยะเวลาการจดจ่อของสมองน้อยลง และให้สมองได้ใช้ความคิดในการวิเคราะห์ ทำความเข้าใจข้อมูลที่มีความซับซ้อนด้วย นี่ไม่ได้พูดถึงแค่สิ่งที่อยู่บนโลกออนไลน์ ได้การอ่านหนังสือสักเล่มหรือการดูภาพยนตร์ดี ๆ สักเรื่องก็ช่วยได้เช่นกันครับ เพราะสิ่งเหล่านี้มีความยาวพอสมควร เราต้องใช้เวลานานในการจดจ่ออยู่กับมัน
แต่ถ้าหากว่ารู้สึกว่าการใช้ Social Media กำลังทำทำให้เรารู้สึกแย่มาก ๆ การงดเล่น Social Media ไปสักช่วงเวลาหนึ่งก็พอจะช่วยได้ครับ ไม่ต้องรับรู้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ แล้วใช้ชีิวิตแบบออฟไลน์ดูบ้าง ที่เขาเรียกกันว่า Social Detox เพื่อปรับสภาพจิตใจให้เราให้ดีขึ้นเพื่อกลับมาใช้งาน Social Media ได้อีกครั้ง ก็เป็นเทรนด์ที่แม้แต่คนดังเองก็ชอบใช้ครับ เพราะมันไม่คุ้มกันที่เราจะเล่น Social Media เพื่อให้เสียสุขภาพจิต เพื่อให้ไม่มั่นใจในตัวเอง หรือทำให้เราไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกความจริง
การเสพสื่อและโลกออนไลน์ในปัจจุบันมีเทรนด์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ Platform ต่าง ๆ ปรับตัวเพื่อดึงคนเข้ามามากที่สุด ถือเป็นเรื่องดีที่มีการแข่งขันทำให้เกิดการสร้าง Content ใหม่ ๆ ช่องทางใหม่ ๆ ทั้งในเรื่องของการสื่อสารระหว่างคนทั่วไป ไปจนถึงการทำการตลาด การโปรโมตของแบรนด์สินค้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น แต่มันก็มาพร้อมกับข้อเสียที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของเรา
เราไม่ได้บอกว่า Social Media เป็นอันตราย ควรเลิกเล่น เพราะตอนนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว แต่ให้เราคอยสังเกตตัวเองอยู่เสมอ เสพ Content ต่าง ๆ อย่างมีสติ และไม่อยู่ในโลกออนไลน์นานเกินไปครับ จริงอยู่ว่าเราอาจจะพลาดข่าวสารบางอย่าง แต่เพื่อสุขภาพจิตของเรา เราไม่ต้องรู้ทุกอย่างก็ได้ เพราะบางเรื่องมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเราเท่าไหร่ จริงไหมครับ?