Cr. https://media.mercedes-benz.com/
Man and machine วลีนี้น่าจะบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ชายรักความเร็วหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับแบรนด์รถสมรรถนะสูงแบรนด์หนึ่งที่มีจุดเริ่มต้นจากชายที่หลงใหลในการปรับแต่งเครื่องยนต์และการแข่งรถ เกิดเป็นทีมแข่งที่สามารถไล่ล่าความสำเร็จได้เป็นกอบเป็นกำ ก่อนจะนำดีเอ็นเอจากสนามแข่งมาพัฒนาและปรับแต่งรถเดิมโรงงานให้กลายร่างเป็นรถสมรรถนะสูงที่มากับพละกำลังและประสิทธิภาพอันเหนือชั้นเพื่อให้ผู้ขับขี่ทั่วไปได้สัมผัสถึงความสนุกแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เรากำลังพูดถึง Mercedes-AMG สุดยอดแบรนด์รถแรงในฝันที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 56 ปี เชื่อว่าคุณก็คือคนหนึ่งที่หลงใหลในรถยนต์แบรนด์นี้เช่นกัน ดังนั้น MenDetails ขอเชิญท่านผู้อ่านมารู้จักเรื่องราวและ ประวัติ Mercedes-AMG ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดยนตรกรรมสมรรถนะสูงจากเยอรมันให้มากขึ้นกันครับ
ตำนานความแรงที่เริ่มต้นจากชาย 2 คน
Cr. https://media.mercedes-benz.com/
ความยิ่งใหญ่ของ AMG เริ่มต้นขึ้นในช่วงยุค 60 โดย Hans Warner Aufrecht และ Erhard Melcher ทั้งสองเป็นวิศวกรของ Daimler-Benz ที่คลั่งไคล้การปรับแต่งเครื่องยนต์และการแข่งรถชนิดเข้าเส้น ขณะที่พวกเขากำลังวุ่นอยู่กับการปรับแต่งเครื่องยนต์ของรถแข่ง Mercedes 300 SE จู่ ๆ บริษัทแม่กลับประกาศวางมือกับทุกกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตลงเอาดื้อ ๆ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ใส่ใจและเดินหน้าทำสิ่งที่หลงใหลต่อ นำมาสู่การเข้าร่วมแข่งขันรายการ German Touring Car Championship ในปี 1965 พร้อมกับสามารถคว้าชัยชนะได้ถึง 10 สนามทั้งที่เพิ่งลงแข่งเป็นปีแรก ความสำเร็จนี้สร้างชื่อให้กับ Aufrecht และ Melcher ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการเพิ่มประสิทธิภาพรถยนต์ Mercedes-Benz
อย่างไรก็ตาม แค่ชื่อเสียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอสำหรับ Aufrecht เขามีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า คือ ต้องการสร้างรถสมรรถนะสูงที่ให้ความรู้สึกแบบรถแข่งแต่สามารถขับขี่บนถนนทั่วไปได้ ปลายปี 1967 เขาลาออกจาก Daimler-Benz และได้ชวนเพื่อนซี้ Melcher มาตั้งบริษัท Aufrecht Melcher Großaspach รับออกแบบและปรับแต่งเครื่องยนต์สำหรับรถแข่งและรถบ้านที่ต้องการความสนุกเร้าใจกว่าปกติ ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของ AMG ซึ่งเป็นตัวย่อของชื่อบริษัทนั่นเอง โดย A กับ M คือตัวย่อนามสกุลของสองผู้ก่อตั้งส่วน G เป็นชื่อเมืองบ้านเกิดของ Aufrecht ขณะเดียวกันเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งโดย AMG ก็เริ่มได้รับความนิยมในหมู่ทีมแข่งท้องถิ่นของเยอรมันจากพละกำลังและสมรรถนะที่มันผลิตออกมา
สู่จุดสูงสุดในการแข่งขัน
Cr. https://media.mercedes-benz.com/
ในระหว่างที่รับออกแบบและปรับแต่งเครื่องยนต์ให้กับทีมแข่งอื่น ๆ AMG ก็มีทีมแข่งและลงแข่งขันเองด้วยในหลาย ๆ รายการ ความสำเร็จแรกเกิดขึ้นในปี 1971 โดยรถแข่ง Mercedes-AMG 300 SEL 6.8 ชื่อเล่น “The Red Pig” ที่แบกตัวถังขนาดใหญ่และน้ำหนัก 1.7 ตันวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ในการแข่งขัน 24 Hours of Spa ประเทศเบลเยียม ความสำเร็จครั้งนั้นเป็นการแจ้งเกิด AMG เต็มตัว พร้อมกับชื่อเสียงที่เริ่มเป็นที่พูดถึงไปทั่ววงการมอเตอร์สปอร์ตในเวลานั้น
หลังจากชัยชนะครั้งแรก ความสำเร็จของ AMG ก็เกิดขึ้นอีกมากมายตลอดช่วงยุค 70 ทั้งด้านมอเตอร์สปอร์ตและการปรับแต่งรถ Mercedes-Benz รุ่นต่าง ๆ บริษัทเริ่มลูกค้ามากขึ้นและเติบโตไปพร้อมกับจำนวนทีมงานที่มากขึ้นจนกลายเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์สมรรถนะสูงเต็มตัว
Cr. https://media.mercedes-benz.com/
ในปี 1986 เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ถูกปรับแต่งขึ้นใหม่และติดตั้งไว้ในรถ E-Class Coupe ซึ่งรถคันนี้ถูกเรียกว่า The Hammer มันมากับความสุดยอดทั้งด้านรูปลักษณ์และขุมกำลังจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในรถยนต์ AMG ที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้
ปลายยุค 80 Daimler-Benz และ AMG กลับมาร่วมงานด้านมอเตอร์สปอร์ตด้วยกันอีกครั้งพร้อมกับเรื่องราวความสำเร็จของ Mercedes-AMG 190 E ที่คว้าชัยชนะรายการ DTM ได้ทั้งหมด 50 สนามระหว่างปี 1988 ถึง 1993 นี่คืออีกหนึ่งตัวแข่งระดับตำนานที่ตอกย้ำความยอดเยี่ยมของ AMG ให้กลายเป็นทีมแข่งและผู้ผลิตรถสมรรถนะสูงอันดับต้น ๆ ของวงการมอเตอร์สปอร์ต
จากสนามแข่งสู่ท้องถนน
Cr. https://media.mercedes-benz.com/
จากความสำเร็จด้านมอเตอร์สปอร์ตในช่วงยุค 80 ประกอบกับความต้องการและการยอมรับของลูกค้าที่มีมากขึ้น ในปี 1990 AMG ได้ตกลงเข้าร่วมกิจการกับ Daimler-Benz อย่างเป็นทางการ ทำให้รถยนต์ บริการ และสินค้าทั้งหมดของ AMG สามารถวางขายและให้บริการผ่านโชว์รูมของ Mercedes-Benz ทั่วโลกได้ ทั้งสองบริษัททำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการพัฒนารถสมรรถนะสูง ผลงานแรกที่ออกมาคือ Mercedes-Benz C 36 AMG ปี 1993 ตามด้วยรถอีกหลายรุ่นครอบคลุมทั้งตัวถังซีดานและคูเป้ในหลาย ๆ คลาส รวมไปถึงกลุ่มรถเอสยูวีในยุคนั้นอย่าง G-Class และ ML-Class
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 1999 เมื่อ Hans Werner Aufrecht โอนหุ้นกว่า 51% ให้กับ DaimlerChrysler บริษัทได้รีแบรนด์ใหม่เป็น Mercedes-AMG แผนกพัฒนาเครื่องยนต์รถแข่งและทีมแข่งมอเตอร์สปอร์ตถูกโอนย้ายไปยัง HWA GmbH ที่ Aufrecht ก่อตั้งขึ้นใหม่ จนกระทั่งปี 2005 DaimlerChrysler ก็ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100% ทำให้ Mercedes-AMG กลายเป็นแบรนด์ในเครือ Mercedes-Benz Group มาจนถึงปัจจุบัน
ดีเอ็นเอจากสนามแข่งถ่ายทอดสู่ปัจจุบัน
Cr. https://media.mercedes-benz.com/
Mercedes-AMG ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีความแรงทั้งในและนอกสนามแข่ง ปัจจุบันมีรถสมรรถนะสูงของ AMG อยู่ในทุกคลาสทุกรูปแบบตัวถังตั้งแต่แฮทช์แบ็กถึงเอสยูวีรวมกันกว่า 50 รุ่น โดยมากับพละกำลังเริ่มต้นตั้งแต่ 367 แรงม้า ไปจนถึงระดับ 700 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีตระกูล Mercedes-AMG GT ซึ่งเป็นรถสปอร์ต Pure AMG รุ่นที่สองที่พัฒนาขึ้นโดยไม่ได้ใช้พื้นฐานจากรถ Mercedes-Benz รุ่นใด รวมถึง Mercedes-AMG ONE ไฮเปอร์คาร์ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด 1,049 แรงม้าที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีจากรถ Formular 1 เป็นตัวท็อปสุดของแบรนด์ในตอนนี้
ด้านมอเตอร์สปอร์ตในปัจจุบัน Mercedes-AMG ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน DTM จากสุดยอดตัวแข่งหลายรุ่นที่สร้างชื่อเอาไว้มากมาย อาทิ SLS AMG GT3, Mercedes-AMG GT3 และล่าสุดกับ Mercedes-AMG GT4 เช่นเดียวกับ Formula 1 ที่ได้เข้าร่วมมาตั้งแต่ปี 2012 ในชื่อ Mercedes-AMG Petronas F1 Team โดยมีนักสองขับชื่อดังอย่าง Lewis Hamilton และ George Russell กำลังไล่ล่าแชมป์อยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ AMG ยังเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์รถFormular 1 ให้กับหลาย ๆ ทีม รวมถึงรับหน้าที่เป็นรถ Safety Car และ Medical Car ของการแข่งขัน Formula 1 ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1996 อีกด้วย
ก้าวต่อไปสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้า
Cr. https://media.mercedes-benz.com/
Mercedes-AMG เป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถสมรรถนะสูงที่กำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้า แน่นอนว่ามันเป็นความท้าทายอย่างสูงในการนำเอาจิตวิญญาณและดีเอ็นจากสนามแข่งดั้งเดิมที่เคยมีแต่รถยนต์เครื่องสันดาปภายในมาพัฒนาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ผลลัพธ์ของความพยายามปรากฏออกมาเป็น Mercedes-AMG EQE และ EQS รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มากับพละกำลังและประสิทธิภาพการขับขี่ระดับสูงที่ไม่สูญเสียตัวตน เทคโนโลยีจากสนามแข่งถูกปรับให้เข้ากับระบบขับเคลื่อนแบบไม่ปล่อยมลพิษ เกิดเป็นความสนุกอีกรูปแบบที่ตื่นเต้นเร้าใจไม่แพ้รถน้ำมัน นี่คือจุดเริ่มต้นของ AMG ยุคใหม่ที่จะมากับแรงแต่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หลังจากนี้ก็น่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้าแรง ๆ จาก AMG ตามออกมาเรื่อย ๆ รอติดตามได้เลยครับ
Cr. https://media.mercedes-benz.com/
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวและ ประวัติ Mercedes-AMG ตลอดระยะเวลา 56 ปีที่ผ่านมา ความน่าหลงใหลของตรา AMG ที่ติดอยู่บนฝากระโปรงไม่ใช่แค่เพียงรูปลักษณ์สุดเร้าใจ แต่มันคือสัญลักษณ์ของความแรงที่ถ่ายทอดดีเอ็นมาจากสนามแข่ง ผสานกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมจากเครื่องยนต์กำลังสูง ความสมบูรณ์ของระบบขับเคลื่อน การถ่ายทอดกำลัง และการควบคุม เหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ขับรถ AMG จะรู้สึกถึงประสบการณ์พิเศษที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายที่ชื่นชอบความเร็วความแรงแบบพวกเรา การได้ลองรถ AMG นับเป็นความสุขที่ชวนให้ยิ้มออกมาได้ทุกครั้ง