Fish & Chips เป็นอีกหนึ่งอาหาร Comfort food จากอังกฤษที่ MenDetails ชื่นชอบ เพราะกินง่าย และรสชาติอร่อย โดยปกติแต่ละร้านก็จะใช้ปลายอดนิยมอย่าง Cod Haddock หรือ Pollock มาทำ แต่ในบรรดาร้านเหล่านั้น ก็มีร้านอย่าง Fishmonger ที่มองว่าปลาในทะเลไทยเอง มีปลาที่สามารถนำมาทำเมนูนี้สู้กับปลาของต่างประเทศได้อย่างสูสี บวกกับความสด ความสะอาดของปลา ที่ส่งตรงจากเกาะลันตา ทำให้ร้านนี้เข้าไปนั่งในใจของคนรัก Fish & Chips ได้ไม่ยาก จากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่นานมานี้ ทางร้านตัดสินใจขยับขยายสาขา มาเปิดบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่ขึ้นในย่านอารีย์ กับบรรยากาศอบอุ่นเหมาะกับการมา Hang out อย่างยิ่ง รวมถึงยังมีเมนูใหม่ ๆ เพิ่มมา เกิดเป็น Fishmonger Ari ที่เราเดินทางมากินในครั้งนี้ และเอารีวิวมาฝากผู้อ่านทุกท่านครับ
สาขาใหม่อันอบอุ่นที่อารีย์ กับความตั้งใจที่ไม่เปลี่ยนแปลง
หากใครเคยไปกินที่สาขาบรรทัดทองมาก่อนแล้ว หากมากินที่สาขาอารีย์ เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปในร้านก็จะพบว่าบรรยากาศของร้านต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็เพราะแนวทางของร้านที่ตั้งใจจะทำให้บรรยากาศของแต่ละสาขามีความแตกต่างกัน รวมถึงสาขาที่จะเปิดในอนาคต สำหรับสาขาอารีย์ ทางร้านตั้งใจให้เป็น Local Seafood Bar ที่ให้ความรู้สึกแบบบ้านไม้อันอบอุ่น โดยพื้นที่หลักสำหรับนั่งกินในร้านเป็นชั้นสอง ให้ความรู้สึกสบาย ๆ เหมือนบ้าน เหมาะกับการมา Hang out กับเพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่การมานั่งลิ้มรสชาติอาหารทะเลจากทะเลของไทยที่สดใหม่คนเดียวชิว ๆ ต่างจากสาขาแรกที่เน้นไปที่ Fish & Chips และเมนูสไตล์ Fast food ที่ให้ความรู้สึกเร่งรีบมากกว่า
นั่นทำให้สาขาที่อารีย์มีช่วงเวลาการเปิดปิดที่นานกว่าด้วย โดยเฉพาะมื้อเย็นที่เปิดตั้งแต่ 17.00 น. แล้วลากยาวถึงเที่ยงคืน เพื่อให้สามารถมาสังสรรค์กันได้จนถึงดึก พร้อมกับเมนูไวน์ที่ทางร้านคัดมาแล้วว่าเข้ากับเมนูอาหารทะเลของทางร้านให้เลือกสั่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สาขาแรกไม่มี
แม้จะเปิดสาขาใหม่ แต่ความตั้งใจเดิมของร้านไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือ การนำเสนอรสชาติของปลาและอาหารทะเลต่าง ๆ ที่มาจากท้องทะเลไทย ส่งตรงมาจากชาวประมงเพื่อความสดใหม่ของวัตถุดิบ และที่สำคัญคือ จะเลือกใช้ปลาจากลันตาปลาไทย ที่ต้องการยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นจากทะเลไทย และสนับสนุนชาวประมงพื้นบ้านและใช้วิธีประมงแบบยั่งยืน นั่นทำให้ในบางวันปลาที่ร้านมีก็จะต่างกันไปขึ้นกับว่าชาวประมงจะตกปลาชนิดนั้น ๆ ได้กี่ตัว และทางร้านจะไม่ขายปลาชนิดนั้น ๆ เลย หากชาวประมงท้องถิ่นตกปลาชนิดนั้นในวันนั้นไม่ได้ เป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของร้าน
Fishmonger Ari กับเมนูใหม่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
เมื่อสาขาอารีย์มี Concept ที่ต่างไปจากสาขาแรก สิ่งเหล่านั้นก็สะท้อนออกมาในเมนูของร้านด้วย เพราะในสาขาอารีย์มีการเพิ่มเมนูที่จัดเต็มและจริงจังมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การนั่งกินที่ร้านแบบไม่รีบร้อน และการมาสังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเมนูพาสต้า ทาปาส จากปลาและอาหารทะเลตามฤดูกาลต่าง ๆ ที่สลับสับเปลี่ยนกันไป โดยมีซอสให้เลือกเช่น Pesto, Spicy Pomodoro และ Chorizo
แต่การเพิ่มเมนูใหม่ ๆ เข้ามา ก็ส่งผลต่อชนิดของปลาใน Fish & Chips เล็กน้อย เพราะในสาขาอารีย์ที่มีเมนูหลากหลายขึ้น ทำให้คนครัวและเชฟต้องปรุงอาหารอย่างอื่นนอกจาก Fish & Chips ทำให้ชนิดของปลามีให้เลือกน้อยกว่าสาขาบรรทัดทองไปสักหน่อย แต่ทางร้านก็มั่นใจว่าปลาที่ทางร้านเลือกมาเสิร์ฟ รวมถึงปลา Special of the day มี Texture และรสชาติที่หลากหลายเพียงพอสำหรับลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามา
Fish & Chips จากปลาประจำวัน และเมนูอาหารทะเลอื่น ๆ
สำหรับเมนู Fish & Chips ของร้านนี้ หนึ่งอย่างที่น่าสนใจและเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยคือ การสั่งปลา Special of the day ที่ในแต่ละวันเราจะไม่รู้เลยว่าทางร้านมีปลาอะไรนอกเหนือไปจากที่ระบุในเมนู ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละวันขึ้นกับชนิดของปลา ซึ่งในวันที่เราไปกินนี้ ปลาพิเศษประจำวันของทางร้านคือ “ปลาหูช้าง” ปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และทางร้านแนะนำว่าอยากให้ได้ลอง ตัวเนื้อปลาหูช้างค่อนข้างร่วน ไม่ได้จับกันเป็นชิ้น ๆ แต่ด้วยแป้งที่เกาะกับเนื้อปลาทำให้เราสามารถตัดกินเป็นคำ ๆ ได้ เป็นอีกหนึ่ง Texture ที่แปลกใหม่ ต่างไปจากปลาอื่น ๆ ที่เราเคยลองครับ จะกินกับซอสทาทาร์ หรือจะบีบเลม่อน / น้ำส้มสายชู (หากใครชอบสไตล์อังกฤษแท้ ๆ) ได้ตามชอบเลยครับ
การที่ร้านมีปลาแต่ละวันที่ต่างกันไปแบบนี้ ก็เป็นความตั้งใจของร้านที่อยากให้ลองปลาหลาย ๆ ชนิด ในกรณีที่ปลาที่เราอยากกินในวันนั้น ๆ ไม่มี เพราะปลาไทยแต่ละชนิด หรือแม้แต่ชนิดเดียวกันแต่คนละตัว คนละขนาด ก็จะมี Texture ที่ต่างกัน มีความอร่อยที่ต่างกัน และไม่จำเป็นว่าปลาที่แพงกว่าจะถูกใจเรามากกว่า ทางร้านจึงอยากให้คนที่มากินได้ลองปลาชนิดใหม่ ๆ เพื่อหาปลาที่ชอบที่สุดไปเรื่อย ๆ
มาต่อกันที่สปาเก็ตตี้ซอส Pesto กับปลาหมึก (290.-) ซึ่งปลาหมึกของ Fishmonger จะเป็นปลาหมึกสดที่เดินทางมาถึงร้านแบบไม่ผ่านการแช่น้ำหรือสารใด ๆ ทำให้ได้รสชาติและความสดเหมือนเพิ่งตกได้ เนื้อเด้งแต่ไม่เหนียว บวกกับซอส Pesto ของทางร้าน ที่ทำออกมามีความหอม ไม่เหม็นหืน กินแล้วไม่เลี่ยน ไม่เค็มจนเกินไป รสเบา ๆ กินเพลิน ๆ คู่กับ Fish & Chips ได้ดีครับ
จานต่อไปเป็นทาปาส เนื้อปลาในซอส Spicy Pomodoro หรือ ซอสมะเขือเทศรสเผ็ด มาพร้อมขนมปังปิ้งทาเนยเล็กน้อย (270.-) ตัวเนื้อปลานี้ทางร้านจะเลือกมาเลย ปลาที่นำมาทำทาปาสจะเนื้อเป็นก้อน มีความมัน ๆ แทรกอยู่ ซึ่งเหมาะกับการนำมาทำอาหารลักษณะนี้ ส่วนซอส Spicy Pomodoro ไม่ได้เผ็ดมาเท่าไหร่นัก แต่หากกินไปสักพักอาจจะเริ่มเผ็ดขึ้นมานิดหน่อย กินคู่กับขนมปังถือว่าเข้ากันครับ แต่แอบเสียดายที่ขนมปังน่าจะเพิ่มรสชาติได้อีกนิด หรือเลือกเปลี่ยนเป็นขนมปังกระเทียมได้น่าจะดีไม่น้อยเลย
วันที่เราไปยังมี เอ็นหอยจอบ เป็นวัตถุดิบตามฤดูกาลที่จะมีแค่ 2 เดือนเท่านั้น เราจึงเลือกสั่งนำมาทำเป็นทาปาสในซอส Chorizo ซึ่งเราแนะนำว่าหากใครอยากกินซอสแบบเผ็ด ๆ ให้สั่งเป็นซอส Chorizo ครับ เพราะจะได้ความเผ็ดร้อนจากพริกแห้งเต็ม ๆ ส่วนตัวเอ็นหอยจอบมีความเด้ง ๆ แอบคล้ายกับหอยเชลล์ กินได้เพลิน ๆ และส่วนตัวเราคิดว่าเหมาะกับการกินคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่น้อยเลยครับ หรือในวันที่อากาศร้อน ๆ การสั่ง Lemon Soda (85.-) ที่ทางร้านใช้เลม่อนแท้ รสหวานเปรี้ยวชื่นใจมาด้วยก็เป็นความคิดที่ไม่เลว
Fishmonger Ari แม้ Concept ของร้านจะเปลี่ยนไป มีความจริงจังมากขึ้นพร้อมกับเมนูใหม่ ๆ พร้อมกับบรรยากาศอันอบอุ่นชวนให้มา Hang out นั่งกินดื่มสบาย ๆ แต่ยังคงความตั้งใจเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงที่จะเสิร์ฟรสชาติที่สดใหม่ของวัตถุดิบจากท้องทะเลให้ทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาได้ลิ้มลอง และรับรู้ว่าในท้องทะเลไทยยังมีของดีอีกมากมายที่คุณภาพไม่แพ้กับของต่างประเทศ
หากใครที่อยากกินอาหารทะเลจากท้องทะเลไทยรสชาติเยี่ยม สดใหม่ คุณภาพดี โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบ Fish & Chips แล้วไม่ได้อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพ หรือใครที่เป็นแฟนร้าน Fishmonger แล้วคิดว่าการเดินทางไปสาขาบรรทัดทองลำบาก วันนี้ Fishmonger ขยายสาขามาถึงอารีย์ อีกหนึ่งย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหารสุดชิคมากมายแล้ว ก็สามารถแวะไปลิ้มลองเมนูต่าง ๆ กันได้ โดยร้านอยู่ในอารีย์ซอย 4 เปิด 2 ช่วง คือ มื้อกลางวัน เวลา 12.00 – 15.00 น. และมื้อเย็นตั้งแต่เวลา 17.00 – 0.00 น. ร้านปิดทุกวันอังคาร จะมาด้วย BTS ลงสถานีอารีย์ หรือขับรถส่วนตัวมาก็มีที่จอดครับ