เป็นที่ทราบกันว่า ญี่ปุ่นในช่วงหลายปีมานี้ กำลังเผชิญกับปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลง ในขณะที่ประชากรจำนวนมากอายุมากขึ้น จนกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ทำให้ขาดแคลนแรงงานหลายด้าน หลายสาขา เป็นปัญหาที่ทางการญี่ปุ่นพยายามคิดหาทางรับมืออย่างหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา และอีกหนึ่งปัญหาที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นจากการที่จำนวนประชากรลดลงจนเริ่มเห็นชัด ก็คือ Akiya หรือ บ้านร้าง ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนบ้านหลายหลังที่ถูกนำมาขายมีราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
ในบทความนี้ MenDetails ชวนมาอ่านเรื่องราวของบ้านร้างในญี่ปุ่น ว่ามันคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ทางการญี่ปุ่นมีการรับมืออย่างไร ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันสะท้อนอะไรในโลกปัจจุบัน รวมถึงโอกาสที่คนต่างชาติอย่างเราจะได้เป็นเจ้าของบ้านสักหลังในญี่ปุ่นมีอะไรที่ต้องพิจารณาบ้าง มาดูไปพร้อมกันกับเราได้เลยครับ
Akiya เมื่อ บ้านร้าง ในญี่ปุ่นกำลังเพิ่มมากขึ้น
Akiya (空き家) แปลได้ตรงตัวว่า บ้านร้าง ซึ่งบ้านเหล่านี้อาจจะมีทั้งหลังที่สืบหาเจ้าของคนเก่าได้ (แต่ลูกหลานไม่อยากมาอยู่ หรือไม่มีลูกหลาน ตายไปก็เลยเหลือแต่บ้านทิ้งไว้แบบนั้น) ไปจนถึงหลังที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของบ้านและคนที่เคยอยู่ และบ้างร้างเหล่านี้มักจะอยู่ในพื้นที่หรือบริเวณที่ห่างไกลผู้คน ชนบท หรือย่านที่ไม่ค่อยพัฒนา มีตั้งแต่บ้านหลังเล็ก ๆ ไปยันบ้านที่เรียกว่าคฤหาสน์ได้สบาย ๆ ด้วยความเก่าหลายสิบทศวรรษและทำเลที่ไม่น่าอยู่ ทำให้ไม่มีใครอยากซื้อเพื่ออยู่อาศัย จนแม้แต่เหล่านายหน้าขายบ้านก็ยังต้องยอมยกธงขาวยอมแพ้ ปล่อยเอาไว้เฉย ๆ ในที่สุด
เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้บ้านร้างเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น จนปัจจุบันแม้แต่ในจังหวัดใหญ่ ๆ ที่ประชากรเยอะ ๆ หรือเมืองใหญ่ ๆ (ในย่านที่ไม่เป็นที่นิยม) ก็ยังมีบ้านร้าง มาจาก 2 สาเหตุหลัก โดยสาเหตุแรกที่เข้าใจได้ง่ายมาก ก็คือ เพราะว่าคนญี่ปุ่นปัจจุบันหากต้องการเป็นเจ้าของบ้านสักหลังก็อยากจะปลูกบ้านใหม่ / ซื้อบ้านใหม่ มากกว่าการซื้อบ้านหลังเก่าที่ทรุดโทรม
ส่วนอีกเหตุผลก็คือ ปัญหาจำนวนประชากรของญี่ปุ่นที่กำลังลดลงอย่างหนัก อัตราการเกิดน้อยลง และสังคมญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หมายความว่าในตอนนี้จำนวนคนตายมีเยอะกว่าจำนวนคนเกิด จำนวนคนสูงอายุเยอะกว่าจำนวนเด็กวัยรุ่น บวกกับการที่คนจากชนบทห่างไกลต่างเข้ามากระจุกกันในเมืองใหญ่ ทำให้มีบ้านร้างเกิดขึ้นในจำนวนมาก โดยในปี 2019 จากการสำรวจของกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่น พบว่ามีบ้านราว 13.6% ในประเทศที่เป็นบ้านร้าง และหากนับแค่ในบางจังหวัด ตัวเลขจะพุ่งสูงไปถึง 20% เลยทีเดียว และตัวเลขเหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนคาดกันว่าในปี 2033 บ้านในประเทศญี่ปุ่น 1 ใน 3 จะกลายเป็นบ้านร้าง
วิธีการรับมือของทางการญี่ปุ่น
เมื่อบ้านร้างมันเยอะ แต่ดันไม่มีใครอยากจับจอง ทางการญี่ปุ่นก็เลยต้องระดมความคิดในการขายบ้านเหล่านี้อย่างหนัก เพราะบ้านร้างมันไม่ใช่เป็นปัญหาแค่ตัวบ้าน แต่มันยังส่งผลต่อพื้นที่ในบริเวณหรือเมืองนั้น ๆ ด้วย จากหลาย ๆ สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บภาษีที่ดินที่จะเอามาพัฒนาท้องถิ่นให้ดีขึ้น ไปจนถึงเรื่องที่ว่าบ้านร้างมันทำให้คนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ รู้สึกไม่ปลอดภัย คนรอบ ๆ ก็จะไม่อยากมาอยู่ ร้านที่จะมาเปิดกิจการก็ไม่อยากมา ไม่มีการลงทุนใหม่ ๆ ไม่มีธุรกิจใหม่ ๆ จนสุดท้ายผู้คนก็จะค่อย ๆ ย้ายออกไป ก็จะกลายเป็นเมืองที่เงียบเหงา หรืออย่างมากก็จะเหลือแต่ผู้สูงอายุ เลวร้ายหน่อยก็จะกลายเป็นเมืองร้างไปเลย
ก็เลยออกมาเป็นธนาคารบ้านร้าง หรือ Akiya Bank เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบ้านร้างในญี่ปุ่นเอาไว้ โดยแต่ละจังหวัดแต่ละเมืองก็จะมีเว็บไซต์แยกย่อยกันไป ก็จะมีให้เห็นทั้งสภาพด้านในด้านนอกของบ้าน แปลนบ้าน รายละเอียดต่าง ๆ ให้รู้อย่างละเอียด และราคาของบ้านร้างเหล่านี้นั่นเรียกได้ว่าถูกมาก ๆ จนหลาย ๆ หลังเรียกได้ว่าแทบจะแจกฟรี แต่ก็จะอยู่ในชนบทที่แสนห่างไกลมาก ๆ ส่วนที่ราคาสูงขึ้นมาหน่อยก็จะอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ แต่เป็นย่านที่ไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่ หลาย ๆ หลังตีเป็นเงินไทยก็อยู่ในราคาหลักหมื่น เรียกว่าซื้อรถยนต์ยังแพงกว่า และบ้านเหล่านี้ก็เปิดให้นอกจากคนญี่ปุ่นแล้ว คนต่างชาติที่สนใจยังสามารถมาจับจองเป็นเจ้าของได้ด้วย
บ้านร้าง Akiya สะท้อนถึงโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
สถานการณ์บ้านร้างที่กำลังเกิดขึ้นในญี่ปุ่นตอนนี้นั้น จะเรียกว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแค่ในญี่ปุ่นประเทศเดียวก็เรียกได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เพราะหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มมีบ้านร้างลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน โดยเริ่มจากเมืองเล็ก ๆ อันห่างไกลในชนบทของทั้งแถบเอเชียและยุโรป
มันเริ่มเป็นสิ่งสะท้อนว่า ประชากรโลกในหลาย ๆ พื้นที่กำลังลดจำนวนลง จากอัตราการเกิดที่ต่ำลงด้วยหลายปัจจัย ต่างไปจากช่วงยุค Baby Boomer ที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้หลาย ๆ ประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคตอันใกล้ ส่งผลให้บ้านจำนวนมากเริ่มถูกทิ้งร้าง ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย และปัญหานี้อีกไม่นานจะเป็นปัญหาที่หลาย ๆ ประเทศต้องรับมือด้วยอย่างจริงจัง
สิ่งที่ควรนึกถึงหากใครอยากซื้อบ้าน Akiya
แม้ว่าบ้านร้างในญี่ปุ่นจะมีราคาถูกจนบางหลังแทบจะเหมือนได้เปล่า จนชาวต่างชาติหลาย ๆ คนที่อยากมีบ้านในญี่ปุ่นของตัวเองต่างเข้าไปจับจอง แต่หากมองกันดี ๆ แล้ว มันมีอะไรบ้างที่เราควรพิจารณาหากเราจะซื้อบ้านร้างในญี่ปุ่นสักหลังหนึ่ง
อย่างแรกคือ แม้ว่าบ้านหลาย ๆ หลังจะมีราคาที่ถูกมาก แต่อย่าลืมว่าหลังจากซื้อบ้านแล้วเราต้องมาทำการซ่อมแซม ปรับปรุง และนั่นหมายถึงการยกเครื่องบ้านทั้งหลัง ทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้สูงมาก ๆ ต่างจากราคาบ้าน โดยเฉพาะบ้านในชนบทอันห่างไกลที่สร้างจากไม้ ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด การเดินน้ำเดินไฟเข้าบ้านอาจต้องปรับปรุงให้ทันสมัย แต่สำหรับใครที่พร้อมจ่าย ข้อดีคือเราสามารถปรับปรุงบ้านได้อย่างอิสระ เพราะเราเป็นเจ้าของบ้านอย่างถูกต้อง
ปัจจัยต่อมาที่ควรพิจารณาคือเรื่องของภาษีต่าง ๆ โดยเฉพาะภาษีที่ดิน ที่อาจจะมีราคาสูง และเงื่อนไขต่าง ๆ ในการซื้อบ้านร้างแต่ละหลัง เพราะทางธนาคารบ้านร้างอาจมีข้อกำหนดในการซื้อบ้าน เช่น ต้องอาศัยอยู่ถาวรในบ้าน ต้องมีอายุเท่าไหร่ ต้องมีคนอยู่อาศัยด้วยกี่คน ไปจนถึงเรื่องการถือสัญชาติ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ต้องอ่านให้ดีก่อน
สิ่งสุดท้ายคือ ต้องอย่าลืมว่าญี่ปุ่นมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อย ดังนั้นต้องเลือกทำเลของบ้านร้างให้ดี เพราะหากไปอยู่ในจุดเสี่ยงก็มีโอกาสที่จะต้องซ่อมกันบ่อย แม้ว่ารัฐบาลอาจมีการช่วยเหลือ แต่ก็อาจมีเงื่อนไขของการเป็นพลเมืองด้วย ใครที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่นจึงต้องคิดให้หนัก ๆ รวมถึงอย่าลืมว่าบ้านร้างส่วนใหญ่จะอยู่ในชนบทหรือเมืองที่แสนห่างไกล ปัจจัยเรื่องการคมนาคมก็ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเช่นกัน
บ้านร้าง Akiya ที่กำลังเกิดขึ้นในญี่ปุ่นนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาพของสังคมโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้เป็นอย่างดี และใครที่สนใจอยากจับจองบ้านร้างเหล่านี้ เราก็ขอย้ำอีกครั้งว่าต้องคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะแม้ว่าหลายคนมองว่ามันเป็นโอกาสในการมีบ้านในฝัน หรือซื้อมาเพื่อลงทุนให้เป็นกำไร แต่ด้วยปัจจัยต่าง ๆ มันก็อาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดก็ได้ อาจจะจบลงด้วยการเป็นฝันร้ายแทนด้วยซ้ำ