‘อาหารจีน’ เป็นอาหารประเภทหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหลากหลาย เพราะจีนเป็นประเทศใหญ่มีหลายภูมิภาค หลายมณฑล ซึ่งแต่ละแห่งก็มีประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ไปจนถึงคนจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่ต่างกัน หล่อหลอมให้เกิดเป็นอาหารประจำถิ่น สำหรับประเทศไทยที่มีความผูกพันกับจีนมานาน ทำให้หาอาหารจีนกินได้ไม่ยาก และหนึ่งในร้านที่เป็นที่กล่าวขานและเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงช่วงไม่กี่ปีมานี้ หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ Nan Bei อยู่ด้วยอย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้ยินชื่อเสียงมานาน วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ MenDetails จะได้มาลองอาหารจีนจากทิศเหนือและใต้อันขึ้นชื่อของร้าน ที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากที่ปิดช่วงโควิดและเชฟเดินทางกลับบ้านเกิด บรรยากาศของร้านจะเป็นอย่างไร อาหารขึ้นชื่อมีอะไรและเด็ดขนาดไหน ขอเชิญทุกท่านไปชมห้องอาหารแห่งนี้และสัมผัสประสบการณ์ละบรรยากาศไปกับเราครับ
ห้องอาหารจีนที่ตกแต่งอย่างวิจิตร
ห้องอาหารนี้ตั้งอยู่บนชั้น 19 ของโรงแรม Rosewood Bangkok อยู่ติดกับ BTS เพลินจิต เมื่อก้าวขาออกจากลิฟต์เราจะพบกับการแต่งร้านที่มีความสวยงามด้วยเรื่องราวที่อิงมาจากตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า เรื่องราวของสาวทอผ้าที่ลงมาจากสวรรค์เพื่อชำระล้างร่างกายในสระน้ำอัศจรรย์และได้พบรักกับหนุ่มเลี้ยงวัว แต่ความรักของ ทั้งคู่ถูกกีดกันและไม่อาจสมหวัง ทำให้สาวทอผ้าต้องกลับไปยังสวรรค์ แต่ก็ได้รับอนุญาตให้กลับมาพบกันปีละครั้งในวันที่ 7 เดือน 7 โดยจะมีนกกระเรียนบินมาเป็นสะพานให้ ซึ่งตำนานนี้ทางญี่ปุ่นก็รับต่อไปกลายเป็นวันทานาบาตะที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกัน
สิ่งที่สะดุดตา คือ ไฟจากนกกระเรียนหลายร้อยตัวราวกับเป็นสะพานเชื่อม พร้อมด้วยอุปกรณ์ตกแต่งและของต่าง ๆ ที่บ่งบอกความเป็นจีนระหว่างทางเดินเข้าห้องอาหารทั้งถ้วยชา ใบชา คู่ไปกับตู้แช่เครื่องดื่มอย่างไวน์ ในตัวห้องอาหารจะมีรายละเอียดบางอย่างที่ได้อิงมาจากตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าเช่นกันเช่นลวดลายที่ใช้ ผ้าไหมที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงทอผ้ากระจายอยู่ในมุมต่าง ๆ ของห้องอาหาร
การจัดแบ่งโซนของห้องอาหารจะมีทั้งห้องอาหารที่นั่งปกติ ห้องแบบ Private ที่มีการตกแต่งที่หรูหรา โซนบาร์ที่ให้บรรยากาศขรึม ๆ ตกแต่งด้วยโคมไฟที่มีเครื่องดื่ม Cocktail หลากหลายไว้ให้บริการ รวมถึงยังมีโซน Open Air ให้เราเพลิดเพลินกับวิวของกรุงเทพ ส่วนห้องครัวจะมีส่วนครัวเปิดที่เราสามารถดูเชฟจัดเตรียมอาหารทะเลตามแบบฉบับทางตอนใต้ของจีน และเป็ดปักกิ่งอันเลื่องชื่อของภาคเหนือได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเพียงแค่ก้าวขาเข้ามาในห้องอาหารนี้ก็ถูกรายล้อมไปด้วยการตกแต่งที่สวยงามและบรรยากาศที่หรูหรา
Nan Bei กับเมนูขึ้นชื่อจากทั้งทิศเหนือและใต้
อาหารจีนที่ Nan Bei เชี่ยวชาญ คือ อาหารจากทางตอนเหนือและใต้ของจีน ตรงตามชื่อร้านที่แปลว่า ทิศใต้ (Nan) และทิศเหนือ (Bei) ด้วยวัตถุดิบที่นำเข้าและวิธีการปรุงตำรับจีนแท้ ๆ นำทัพโดยเชฟ Matthew Geng เชฟชาวจีนที่มีประสบการณ์การทำอาหารในร้าน 5 ดาวมาแล้วทั่วประเทศจีน ที่จะมาดึงจุดเด่นของวัตถุดิบให้เราได้สัมผัสรสชาติอาหารจีนแบบดั้งเดิม
เมนูที่เราได้ลองในวันนี้มีหลากหลาย ซึ่งเราจะขอพูดถึงเมนูที่เป็น Signature และเมนูที่เราประทับใจ สำหรับจานนี้ คือ เมนูเรียกน้ำย่อยที่เสิร์ฟมาจานแรก
เริ่มต้นที่เหล่าเมนูเรียกน้ำย่อย ที่เราถูกใจมากที่สุด คือ Spinach Leaves เป็นผักปวยเล้งราดซอสงาและน้ำส้มสายชูที่หมักจากข้าวให้รสออกเปรี้ยว ๆ มัน ๆ ซ่อนเผ็ดไว้เล็กน้อย กับ ยำแมงกระพรุนเย็น แมงกระพรุนกรุบ ๆ กับผักเซเลอรี่ ให้ความเปรี้ยวเบา ๆ กับความมันจากน้ำมัน Mustard กินได้เพลิน ๆ รออาหารจานหลัก
ถัดมาจากเป็นเมนูติ่มซำ ที่โดนใจเรามาก ๆ คือ ขนมจีบกุ้งกับฮะเก๋ากุ้ง เพราะแต่ละลูกใหญ่เต็มปากเต็มคำ ไม่เพียงเท่านั้นเพราะตัวกุ้งที่เป็นไส้ก็ตัวโตไม่แพ้กัน ทำให้ได้รสชาติของกุ้งแบบไม่มีกั๊ก จิ้มซอสจิ๊กโฉ่วสักหน่อยเข้ากันอย่างยิ่ง
ในส่วนอาหารจานหลักที่ห้ามพลาด อย่างแรก คือ หมูแดงอบน้ำผึ้ง เพราะหมูแดงที่นี่มันมีความฉ่ำ ผ่านการหมักและย่างให้เข้าเนื้อ แถมมาด้วยการใช้น้ำผึ้งอย่างดีทำให้หมูมีความนุ่ม ละมุน และความหวานแบบกินเปล่า ๆ ได้เลย ไม่ต้องราดซอสใด ๆ เพิ่ม เรียกว่าความอร่อยเสิร์ฟมาอย่างพอดิบพอดีแล้ว
และเมนู Signature ของร้าน เป็ดปักกิ่ง จากฝีมือของเชฟ Max Li ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเป็ดปักกิ่ง ที่ใช้วิธีแบบดั้งเดิมและสืบต่อกันมาในราชวงศ์หยวนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1330 มีกระบวนการที่ละเอียดอ่อน ต้องใช้ความพิถีพิถันใส่ใจในรายละเอียดและต้องใช้เวลานาน ตั้งแต่การเลือกเป็ด การนำเป็ดไปตากเป็นเวลาหลายวัน ก่อนนำไปย่างให้ได้หนังที่กรอบ และรสสัมผัสของเนื้อที่นุ่ม โดยเวลาสั่งเชฟ Max Li จะมาทำการแล่เป็ดให้เราดูเป็นขวัญตา ด้วยวิธีการแล่และหั่นที่ประณีตเมื่อรวมกับกลิ่นหอมของเป็ดที่พุ่งออกมาเมื่อแล่เนื้อ ก็กระตุ้นความอยากอาหารของเราได้ดีทีเดียว
จุดเด่นอีกอย่างของเป็ดปักกิ่งที่นี่ คือ หนังเป็ดจะจิ้มกินกับน้ำตาลทรายขาว ซึ่งเป็นการกินแบบดั้งเดิมต่างไปจากซอสดำรสหวานที่เราคุ้นเคย ด้วยเหตุผลว่านี่เป็นวิธีที่ทำให้เราได้ลิ้มรสชาติที่แท้จริงของหนังเป็ด หลายคนอาจจะจินตนาการไม่ออก และเราว่าเป็นรสชาติที่อธิบายยาก แต่บอกได้เลยว่ามันเสริมรสของหนังเป็ดได้ดีมาก และไม่ทำให้เลี่ยนด้วย
ส่วนเนื้อเป็ดจะเสิร์ฟพร้อมแป้งแพนเค้กแผ่นบางนุ่ม น้ำตาลทราย แตงกวาและต้นหอม ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ส่วนโครงเป็ดเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาไปทำเป็นซุปเป็ดสูตรเข้มข้นหรือนำไปผัดกับเกลือและพริกไทยก็อร่อยไม่แพ้กันครับ
A Taste of Hunan เมนูพิเศษจากเชฟ
นอกจากเมนู Signature และเมนูประจำของร้าน เพื่อฉลองการกลับมาเปิดร้านอีกครั้ง เชฟ Matthew Geng ก็มีเมนูพิเศษจากมณฑลหูหนานที่อยู่ทางตอนใต้ของจีน เป็นเมนูที่เชฟได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางสำรวจอาหารในพื้นที่ต่าง ๆ ของจีนทางตอนใต้ในช่วงที่เดินทางกลับบ้านเกิด
สำหรับเมนู A Taste of Hunan นั้น มีทั้งสิ้น 6 เมนู ที่พร้อมนำเสนอรสสัมผัสที่เผ็ดร้อน และเมนูที่ประกอบไปด้วยพริกดองอันเลื่องชื่อของมณฑลนี้รวมไปถึงวิธีการทำอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า bian (煸) เป็นการผัดในน้ำมันในกระทะเหล็ก
เมนูจากหูหนานที่เราชื่นชอบจากทั้ง 6 จาก ก็มี เนื้อสันในวากิวผัดพริกเขียวในน้ำมันหอย เนื้อสันในนุ่ม ๆ กับพริกที่ไม่เผ็ดเท่าไหร่นัก ให้รสที่กลมกล่อม กุ้งขาว ที่นำไปผัดกับเห็ดหูหนูดำและเต้าหูทอด กุ้งตัวใหญ่เต็มคำ เนื้อแน่น และ ไก่ออร์แกนิคทอดเสิร์ฟคู่ซอสพริกดอง ไก่กรอบนอกนุ่มใน กับซอสพริกดองรสเผ็ดนิด ๆ เมนูพิเศษเหล่านี้จะอยู่ให้ลิ้มลองแค่ 2 เดือนครับ (มีถึงวันที่ 30 กันยายน 2565) ใครอยากจะลองสัมผัสอาหารจากหูหนานไม่ควรพลาด
ห้องอาหาร Nan Bei เปิดให้บริการทั้งมื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11:30 น. ถึง 14:30 น. และมื้อเย็นตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 22: 30 น. ทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์ ในโรงแรม Rosewood Bangkok ติดกับ BTS เพลินจิต ใครที่อยากเดินทางสัมผัสรสชาติอาหารจากจีนตอนเหนือและใต้แบบต้นตำรับจากเชฟมากฝีมือ เราขอแนะนำว่านี่เป็นอีกหนึ่งร้านที่ห้ามพลาด ส่วนใครที่วางแผนจะมากินอาหารที่นี่อย่าลืมจองที่นั่งก่อนล่วงหน้านะครับ จะได้ไม่มาเสียเที่ยว