สำหรับคนเป็นแฟนกันแล้ว การสื่อสารเรื่องความต้องการทางเพศไม่ใช่เรื่องยาก แต่กลับกันหากเป็นช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์ ช่วงกำลังพัฒนาความสัมพันธ์แล้วอยากพูดคุยหรือพัฒนาจนไปถึงขั้นนี้ น่าจะถือเป็นประเด็นที่ ‘อ่านยาก’ เป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ได้ครับ โดยพื้นฐาน ต้องเข้าใจก่อนว่าระยะเวลาที่ผู้หญิงแต่ละคน จะมีความพร้อมหรือความอยากมี sex นั้นแตกต่างกันไป ไม่มีคำตอบตายตัว บางคนต้องรอให้คบกันไปสักระยะก่อน บางคนอาจเป็นคน conservative ต้องรอแต่งงาน ในขณะที่บางคนเริ่มต้นด้วยจุดนี้เป็นจุดแรก ๆ เลยก็ได้ ซึ่งสาวคนพิเศษของเรา จะเป็นแบบไหนต้องอาศัยการพูดคุย ทำความรู้จัก รวมถึงการจับสัญญาณจากเธอให้ได้ครับว่าเมื่อไหร่ที่จะอัพสเต็ปความสัมพันธ์ไปจนถึงเรื่องบนเตียงได้ วันนี้ MenDetails ขอช่วยผู้ชายจับสัญญาณจากผู้หญิงกันครับว่าแบบไหนคือเธอ พร้อมเรื่องบนเตียง
(บทความนี้เขียนขึ้นจากการพูดคุยกับชายและหญิงวัยทำงานเพื่อหาคำตอบร่วมกันว่า sign ใดถือเป็น sign ที่สื่อสารไปถึงเรื่องบนเตียงได้จริง ๆ บ้าง และอย่าลืมว่าผู้หญิงทุกคนมีความพร้อมในเรื่องนี้แตกต่างกันไป เราต้องประเมินท่าทีของสาวคนพิเศษของเราด้วยตัวเองให้ได้ แต่สุดท้ายควรเช็ก consent ของเธออย่างชาญฉลาด อย่าปล่อยให้เป็นการคิดเข้าข้างตัวเองของผู้ชายฝ่ายเดียว)
การพูดสองแง่สองง่าม หนึ่งในวิธีการหยั่งเชิงที่ไม่น่าเกลียด
เชื่อไหมครับว่าการ พูดทะลึ่ง ก็มีประโยชน์ นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีในการหยั่งเชิงสาว ๆ ได้ว่าเธอมีทัศนะอย่างไรต่อเรื่องนี้ หากเราพูดจาแบบสองแง่สองง่ามที่ชวนให้เข้าใจถึงเรื่องติดเรทแล้วเธอไม่แสดงท่าทีปฏิเสธออกมา ถ้าเธอไหลตามมู้ด หัวเราะไปกับมุกของคุณ หรือบางทีอาจจะเข้าใจมุกทันแล้วเล่นกลับก็ถือว่าเป็นหนึ่งสัญญาณเล็ก ๆ ว่าเธอไม่ได้ไม่ชอบเรื่องพวกนี้
ซึ่งการพูดทะลึ่งมันก็มีหลายแบบ บางทีอาจเป็นมุกคำผวน การพูดถึงอะไรที่อยากกิน หรือประโยคที่ชวนให้เข้าใจว่าสื่อไปถึงเรื่องบนเตียง เช่น Netflix and chill หรือ การชวนไปกินรามยอน (บะหมี่เกาหลี) เป็นต้น หากเราพูดขึ้นมาในจังหวะที่เหมาะสม ไม่ดูฝืนหรือเล่นมุกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ถือว่าเป็นวิธีหนึ่งที่จะค่อย ๆ อ่านสัญญาณจากเธอได้ เพียงแต่ไม่ควรจะหยิบมาพูดตั้งแต่การเจอกันครั้งแรก ๆ นะครับ ของแบบนี้ต้องรู้จักจังหวะถึงจะดูเป็นคนตลก ไม่น่าเบื่อ ถ้าเร่งรีบเกินไปอาจจะทำให้คุณดูเป็นผู้ชายไม่น่าไว้ใจไปเลยก็เป็นได้ และถ้าเป็นการจีบผ่านแชท ยังไม่เคยเจอตัวกัน เราก็ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ ควรจะเจอตัวกันก่อน เคยเดทกันสักระยะก่อนแล้วค่อย ๆ เผยมุมนี้ของตัวเองออกมาครับ
สังเกตจากการ Skinship และ Deep kiss ที่มากขึ้น
ถัดจากสัญญาณทางคำพูด ให้ลองสังเกตจากการสัมผัสที่เพิ่มมากขึ้นครับ หากเดทกันหลายครั้ง พบกันบ่อยขึ้น แล้วมีการแสดงความใกล้ชิดกันทาง physical มากขึ้น skinship เยอะขึ้นแล้วเธอไม่ปฏิเสธก็เป็นอีก sign หนึ่งทีตีความได้ว่าเราค่อย ๆ ขยับความใกล้ชิดได้มากขึ้นครับ แต่อย่าลืมว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน คุณไม่จำเป็นต้องจูบเธอตั้งแต่เดทครั้งแรก ๆ ต้องดูสถานการณ์และจังหวะที่เหมาะสมแล้วค่อย ๆ แตะตัวเธอมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติจึงจะดีครับ
เราแนะนำว่า การแตะร่างกายส่วนบนของสาว ๆ เป็นจุดที่พวกเธอรู้สึก Comfort มากกว่าการแตะช่วงล่าง ฉะนั้นการโอบไหล่ จับมือ แตะแขน ลูบผม จะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าการโอบเอว แตะสะโพกหรือบริเวณช่วงขาของเธอนั่นเองครับ การขยับระดับความใกล้ชิดในเรื่องการสัมผัสนั้น สามารถสังเกตได้จากปฎิกิริยาตอบกลับว่าเวลาเราแตะเธอไปแล้วเธอจะแสดงออกอย่างไร หากเราจับมือเธอ แล้วเธอมีการจับมือเรากลับบ้างก็แปลว่าเธอโอเค จากนั้นถึงค่อย ๆ พัฒนาไปขั้นต่อไปได้
และเมื่อพัฒนาไปจนถึงขั้นจะจูบกันก็ควรจะดูว่าเธอแสดงออกกลับมาอย่างไรครับ หากแค่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วเธอร่นหน้าหนี ต้องเข้าใจในทันทีว่าเธอยังไม่พร้อม แต่ถ้าไปจนถึงจุดที่จูบกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ จูบกันบ่อยขึ้น ปรับระดับจากจูบแบบแค่ปากประกบกันไปเป็นการจูบเป็น French Kiss (จูบอย่างดูดดื่ม) เราจูบเธอและเธอมีการจูบตอบก็ถือว่าเป็นหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าเธอสบายใจที่จะใกล้ชิดกับเรามากขึ้นในอีกหนึ่งระดับครับ
เมื่อฝ่ายหญิงเป็นคนเริ่มเปิดเกม
หากพัฒนาความสัมพันธ์ถึงจุดหนึ่งแล้ว และฝ่ายหญิงรู้สึกว่า เธอพร้อมหรือมีความต้องการเรื่องบนเตียงแล้ว สาว ๆ หลายคนก็อาจจะตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มเดินเกมเอง ซึ่งจะแสดงออกมาน้อยแค่ไหนก็ต่างกันไปตามพื้นฐานนิสัยของแต่ละคนครับ บางครั้งเธออาจจะเป็นคนเริ่มต้นจูบเราก่อน หรือหากเป็นกรณีที่เราเริ่มจูบก่อน แต่ว่าเราวางมือไว้แค่บริเวณใบหน้า ช่วงคาง คอ หัวไหล่ แขน และไม่มีการแตะลึกลงไปมากกว่านั้นหรือแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะพาให้จูบนี่ไปไกลเกินกว่าจูบ ให้ลองสังเกตมือไม้ของฝ่ายหญิงแทน หากเธอ ‘มือซน’ ขึ้น มีอาการปัดป่าย ปล่อยมือให้ไหลไปเรื่อย ๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจควบคุมตัวเองนักก็อาจจะนับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเพื่อบอกถึงความพร้อมที่มากขึ้นในการก้าวสู่สเต็ปเรื่องบนเตียงของเธอได้เช่นกัน
สาว ๆ มักจะรับมือเรื่องเหล่านี้โดยประเมินว่าผู้ชายเป็นคนแบบไหน ถ้าเธอคิดว่าตัวเองเจอเสือก็คงไม่ยากที่จะรับเหยื่อไปได้เลย เพราะผู้ชายที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าตัวเอง open มาก ๆ ก็คงนำไปสู่เรื่องบนเตียงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ในทางกลับกัน ถ้าพวกเธอเจอผู้ชายแบบลูกหมาที่ไม่คิดจะเริ่มต้นก่อนในเรื่องบนเตียง เพราะกลัวว่าฝ่ายหญิงจะไม่พร้อม แคร์ความรู้สึกพวกเธอเป็นหลัก ผู้หญิงบางคนอาจจะเป็นฝ่ายเชิญชวนอย่างชัดเจนขึ้นก็ได้ เช่น ชวนเราไปห้อง ขอมาห้องเรา เป็นต้น และถ้าสัญญาณนั้นไม่ชัดพอให้เราฟันธงว่านี่คือเธอพร้อมแล้ว มันอาจไต่ระดับไปถึงการชวนอาบน้ำแบบทีเล่นทีจริงเลยก็เป็นได้
แสดงออกว่าอยากอยู่ด้วยยาวนานขึ้นในที่ลับตาคน
วิธีการสอนหญิงในเรื่องการวางตัวต่อเพศตรงข้ามที่สาว ๆ ถูกปลูกฝังมาตลอด โดยเฉพาะคนที่ยังเด็กและยังไม่บรรลุนิติภาวะว่า จะมีประโยคที่ว่า ‘อย่าไปอยู่ในที่ลับตาคนกับผู้ชายสองต่อสอง’ เพราะอาจเป็นการเปิดช่องว่างหรือเปิดโอกาสให้ฝ่ายชาย ในอีกทางหนึ่งเมื่อพวกเธอโตขึ้นและอยู่ในวัยที่พร้อมสำหรับเรื่องทางเพศแล้ว บางครั้งการเลือกที่จะอยู่ในที่ลับตาคน สถานที่ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวกับฝ่ายชาย อาจสามารถตีความได้ว่านี่เป็นสัญญาณการสื่อสารจากเธอได้เช่นกัน
เวลาไปเดทแล้วอยู่ในที่สาธารณะ การจะแสดงความใกล้ชิดของชายหญิง การแตะตัวกัน อาจจะใช้เวลานานกว่าเมื่อเทียบกับการอยู่ในสถานที่ที่มีกันสองคนแล้วใกล้ชิดกัน และในช่วงแรก หากเธอรู้สึกว่ายังต้องระมัดระวังตัวเวลาอยู่กับเรา เธออาจเลือกนัดเดทแต่สถานที่มีคนพลุกพล่าน เป็นที่ public และมีคนอื่นอยู่ร่วมด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นการไปกินข้าว เดินห้าง เดทตามสวนสาธารณะ หรือดินเนอร์ร้านหรูต่าง ๆ พวกเธออาจเลี่ยงบาร์สงบ ๆ การนัดเจอกันในเวลาดึกในช่วงแรก แต่ถ้าเธอแสดงออกว่าอยากอยู่กับเรานานขึ้น ในสถานที่ private ขึ้น พบกันในเวลากลางคืนได้ หรือเป็นการยอมไปอยู่ในสถานที่ลับตาคนยาวนานขึ้น เช่น ไปที่ห้องเรา หรือเราเป็นฝ่ายไปที่ห้องเธอก็อาจเป็นการบอกใบ้ว่าเธอพร้อมจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกระดับหนึ่งแล้วนั่นเอง
อย่าลืมถามอย่างตรงไปตรงมาด้วย word
ไม่ว่าจะมีกี่สัญญาณที่เราจับได้จากฝ่ายหญิง เมื่อบรรยากาศและสถานการณ์พาไปจนถึงหน้างานแล้ว อยู่สเตจที่จะร่วมกิจกรรมกันจริง ๆ เราขอแนะนำให้ผู้ชายทุกคนถามเพื่อเช็ก Consent ของเธออย่างชัดเจนก่อนว่าเธออยากทำจริง ๆ ไม่ได้เกิดจากเราเข้าใจไปเอง ตีความผิดไปเอง อาจจะเป็นสถานการณ์ที่เข้าห้องนอนแล้ว หรืออยู่ในสถานที่ private แล้วก็สามารถถามเธอแบบง่าย ๆ ได้เลยครับว่า “โอเคไหม?” แค่นี้ก็พอแล้วครับ สั้น ๆ ได้ใจความ มันเป็นการแสดงออกถึงความเอาใจใส่เธอด้วยว่าเราแคร์ความรู้สึกเธอ ไม่ได้สักแต่ว่าอยากทำอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร
เพราะในหลาย ๆ ครั้ง สิ่งที่เราคิดว่าเป็นสัญญาณ เมื่อหยิบมาคุยกันทีหลัง ฝ่ายหญิงอาจบอกว่าไม่ได้คิดอะไรก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้คงยากที่จะตัดสินเพราะเราก็ไม่ใช่เจ้าตัว ไม่อาจรู้ได้ว่าจริง ๆ แล้วเธอคิดอย่างไร ฉะนั้นเราแนะนำให้ถามครับ ถามด้วยประโยคที่เข้าใจตรงนั้นได้เลยว่าเราหมายถึงเรื่องอะไร ถ้าเธอโอเค แสดงความยินยอมก็สามารถไปต่อได้เลย แต่ถ้าเธอลังเล ไม่แน่ใจ หรือแสดงออกว่ายังไม่พร้อม เราก็ควรจะเผื่อใจเอาไว้ว่าครั้งนี้เราอาจจะยังไม่ได้มี sex กันก็ได้ ควรจำไว้ว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเร่งรัดครับ ถ้าความสัมพันธ์มันไปถึงจุดที่ พร้อมเรื่องบนเตียง กันทั้งสองฝ่าย เรื่องนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ
แน่นอนว่าสัญญาณทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการแสดงออกของสาว ๆ ว่าเธอ พร้อมเรื่องบนเตียง แล้วเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถแปลได้ 100% ว่าแบบนี้คือ say yes เป็นเพียงการประเมินความน่าจะเป็นเท่านั้น ซึ่งถ้าเราโชคดีเจอหญิงสาวที่เข้าใจความต้องการของตัวเองและกล้าแสดงออกมา กล้าเผยสัญญาณเหล่านี้ออกมาบ้าง ก็คงจะไม่ยากเย็นสำหรับฝ่ายชายนักที่จะไต่ระดับความสัมพันธ์
แต่ในทางกลับกัน หากรู้สึกว่าสาวคนพิเศษของเรานั้นค่อนข้างปิดใจ ไม่ comfort ที่จะเผยด้านนี้ออกมา เราอาจจับสัญญาณเหล่านี้ไม่ได้เลย MenDetails แนะนำให้คุณลองชวนคุยเรื่อง sex แบบสบาย ๆ เป็นในเชิงอยากฟังความคิดเห็นของเธอก็ได้ครับ อย่างเช่น คิดว่าเรื่อง sex ต้องรอจนแต่งงานไหม คิดว่า sex เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ไหม สำคัญหรือไม่ เป็นต้น การคุยกันในประเด็นลึกซึ้งเหล่านี้ก็จะช่วยทำให้เราเข้าใจเธอได้มากขึ้น