อุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายไทยไม่ชอบใส่เสื้อสูทก็คืออากาศที่ร้อนจัดและอบอ้าวสุดๆ ของเมืองไทย ทว่านั่นเป็นความเข้าใจที่ถูกเพียงแค่ส่วนเดียว นั่นเพราะผู้ชายไทยส่วนใหญ่แล้วมักจะซื้อสูทตามร้านสูททั่วไปที่มักจะตัดให้คนต่างชาติที่ต้องการนำกลับไปใช้ที่ต่างประเทศ ทำให้เรามีความเชื่อที่ว่า ขึ้นชื่อว่า “เสื้อสูท” มันก็จะหนา ๆ ร้อน ๆ เหมือนกันไปหมด ซึ่งนั่นไม่ใช่ความจริงนะครับ และ MenDetails จะขอมาแก้ไขความเข้าใจนี้ใหม่ เพื่อให้ผู้ชายไทยรู้ว่า โลกเราก็มี สูทที่ใส่แล้วไม่ร้อน อยู่เช่นกัน แม้จะอยู่ในสภาพภูมิอากาศร้อน ๆ แบบเมืองไทยก็ตาม ซึ่งจะทำให้เราสามารถเลือกเสื้อสูทได้เหมาะสมยิ่งขึ้น และหยิบนำมาใส่ใช้งานได้บ่อยขึ้น ไม่ต้องรอโอกาสสำคัญเสมอไปอีกด้วยครับ
1. เลือกซื้อเสื้อสูทแบบ Single Breasted จะร้อนน้อยกว่า Double Breasted
เสื้อสูทแบบกระดุมแถวเดียว (Single Breasted) จะร้อนน้อยกว่า เสื้อสูทแบบกระดุมสองแถว (Double Breasted) ด้วยตรรกะง่ายๆ นั่นเพราะเสื้อสูทแบบกระดุมสองแถวนั้นจะมีการพับทบกันของตัวเสื้อด้านหน้าลำตัว ซึ่งแน่นอนว่าชั้นผ้าที่หนาขึ้นก็จะทำให้ระบายอากาศได้น้อยกว่า ในทางกลับกัน เสื้อสูทแบบ Single Breasted ช่วงลำตัวของสูทจะมาบรรจบกันและกลัดด้วยกระดุมเท่านั้นโดยที่ไม่ต้องทบซ้อนกัน ทำให้ใส่แล้วเย็นสบายกว่าครับ
เลือกใส่เสื้อสูทแบบ Single Breasted (ซ้าย) โดยปกติจะใส่ได้เย็นสบายกว่าเสื้อสูทแบบ Double Breasted (ขวา) | Oliverwicks.com
2. เลือกเนื้อผ้าที่โปร่งและเบา
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือการเลือกเนื้อผ้าที่เหมาะสมครับ ผ้าคุณภาพดีที่เหมาะสำหรับการตัดเป็นเสื้อสูทก็คือ “ผ้าวูล” (Wool) แต่ทว่าผ้าวูลนั้นไม่ได้มีแบบเดียวเหมือนกันไปหมดหรอกนะครับ และสิ่งที่เราควรพิจารณาเวลาเลือกซื้อเสื้อสูทสำหรับอากาศร้อนก็คือ น้ำหนักของผ้า และ ความถี่ในการทอของเนื้อผ้า ครับ
สูทที่ใส่แล้วไม่ร้อน ควรทำจากผ้าวูลที่มีน้ำหนักเบา แต่ต้องไม่เบาเกินไปจนทำให้ตัวเสื้อไม่อยู่ทรงนะครับ MenDetails แนะนำให้เลือกผ้าวูลที่มีน้ำหนักประมาณ 8-9 ออนซ์ เพื่อที่จะทำให้เสื้อสูทของเราทิ้งตัวอยู่ทรงสวย แต่ไม่หนาและหนักจนใส่แล้วเหงื่อตกครับ
ภาพขยายเนื้อผ้า Wool แบบ Hopsack ที่มีรูพรุนแบบ Open Weave ช่วยระบายอากาศได้ดีกว่า | beige-habilleur.com
สำหรับ “ความถี่ของการทอผ้า” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ‘Weave’ นั้น ผ้าวูลแต่ละชนิดจะมีความถี่ที่ต่างกัน ซึ่งจะส่งผลให้ผ้านั้น “ทึบ” มากน้อยแตกต่างกันไปครับ ดังนั้นถ้าเราอยากได้เสื้อสูทที่ใส่แล้วไม่ร้อน เราควรเลือกผ้าที่ “โปร่ง” (Open Weave) มากกว่า เช่น ผ้า Fresco Wool หรือ ผ้า Hopsack Wool เป็นต้น วิธีการดูว่าเนื้อผ้าวูลที่เราจะซื้อนั้นโปร่งแค่ไหน ให้เราลองยกเนื้อผ้าเปล่าๆ ขึ้นส่องดูกับแสงไฟ เราจะเห็นเนื้อผ้าที่โปร่งนั้นมีการทอที่ห่างและเห็นแสงส่องทะลุได้อย่างชัดเจน ผ้าวูลคุณภาพดีบางชนิดโปร่งมากจนแทบจะเป็น “ตาข่าย” เลยก็มีครับ แถมผ้าประเภทนี้มีข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ มักจะยับยากมากๆอีกด้วยครับ ดังนั้นถ้าได้ใส่เสื้อสูทที่ทำจากผ้าแบบนี้ ไม่มีคำว่าร้อนตับแล่บแน่นอนครับ เผลอๆจะใส่แล้วเย็นสบายกว่าใส่ เสื้อแจ็กเก็ตแบบอื่นๆ หรือ เสื้อเชิ้ตแฟลนเนลลายตาราง ด้วยซ้ำไปครับ
สังเกตดูความโปร่งแสงของเนื้อผ้า Hopsack Wool จากเบลเซอร์ตัวนี้ จะพบว่าเนื้อผ้าแบบนี้บางเบา ใส่แล้วไม่ร้อนแน่นอนครับ | permanentstyle.com
นอกจากผ้าวูลแล้ว ยังมีผ้าแบบอื่นๆ ที่เหมาะจะนำมาตัดเป็นเสื้อสูทสำหรับอากาศร้อนๆได้ เช่น ผ้าลินิน, ผ้าเซียร์ซักเกอร์ ฯลฯ แต่ถ้าเราไม่ได้วางแผนที่จะมีสูทหลายๆตัว MenDetails มองว่าการตัดสูทด้วยผ้าวูลเบา ๆ ที่ทอค่อนข้างห่าง หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Open Weaves ซึ่งจะทำให้เราใช้งานสูทได้หลากหลายกว่าครับ
3. เลือกเสื้อสูทที่มีพื้นที่ของ “ซับใน” น้อยลง
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ชายไทยละเลยเวลาที่เลือกซื้อสูท และทางร้านก็ไม่อยากที่จะแนะนำให้มากความ นั่นก็คือ “ซับในของเสื้อสูท” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Lining” นั่นเองครับ ซับในของเสื้อสูทมักจะทำจากผ้าไหม หรือผ้าใยสังเคราะห์ อย่าง Cupro หรือ Bemberg ที่มีลักษณะเรียบและลื่น เย็บบุอยู่ภายในตัวเสื้อสูทเพื่อช่วยให้เสื้อสูททิ้งตัวลงมาสวยงามยิ่งขึ้น ซึ่งเสื้อสูทหรือเบลเซอร์ส่วนใหญ่ที่ผู้ชายไทยจะหาซื้อได้ตามร้านสูทในบ้านเรา มักจะเป็นเสื้อสูทที่มีซับในแบบเต็มตัว (Fully Lined) แต่ปัญหาสำคัญของซับในสูท ก็คือ ความทึบ และไม่ค่อยระบายอากาศ เสื้อสูทที่มีซับในแบบเต็มตัวจึงใส่แล้วร้อนตับแล่บกันเป็นปกติจนทำให้เราเผลอคิดกันไปเองว่า “นี่เป็นมาตรฐาน” ของเสื้อสูททุกตัว
ซับในภายในเสื้อสูทที่ทำจากผ้าเรียบลื่น แต่มีลักษณะที่ทึบลม คือสิ่งที่ทำให้การใส่สูทนั้นร้อนขึ้น | theidleman.com
ความจริงแล้วเราสามารถเลือกได้ครับ หากคุณต้องการเสื้อสูท หรือเบลเซอร์ที่ใส่แล้วเบาสบายและไม่ร้อน ให้เราบอกร้านสูทว่า ขอซับในสูทแบบครึ่งตัว (Half Lined) หรือ 1 ใน 4 (Quarter Lined) ก็พอครับ เสื้อสูทที่มีซับในครึ่งตัวนั้น จะมีซับในเฉพาะช่วงลำตัวด้านหน้า, ครอบไปถึงไหล่ และในแขนเสื้อ ส่วนด้านหลังจะเว้นเอาไว้ไม่ให้มีซับในครับ ส่วนเสื้อสูทแบบ Quarter Lined ก็จะมีซับในเพียงแค่ คร่อมหัวไหล่ และในแขนเสื้อเท่านั้นเอง นอกนั้นในส่วนอื่นของเสื้อสูทก็จะเป็นเนื้อผ้าวูลตรงๆ หรือแม้แต่จะซื้อเป็นเสื้อสูทแบบ Complete Unlined คือไม่มีซับในเลยก็ย่อมได้ครับ ซึ่งการที่เสื้อสูทหรือเบลเซอร์ของเรามีซับในน้อยๆ เช่นนี้ ควบคู่ไปกับการเลือกเนื้อผ้าที่โปร่งและระบายอากาศดีๆ เมื่อทำงานร่วมกันก็จะยิ่งช่วยทำให้สูทของเรายิ่งเบา และใส่แล้วเย็นสบายมากขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลยทีเดียว
เปรียบเทียบประเภทของซับใน (ซ้ายไปขวา) แบบเต็มตัว, ครึ่งตัว และแบบไม่มีซับในที่ลำตัวเลย
4. เลือกซื้อเสื้อสูท หรือเบลเซอร์ แบบที่มี “Canvas”
MenDetails ได้เคยพูดถึงความแตกต่างระหว่างสูทแบบที่ใช้วิธีอัดกาว หรือ Fused Suit กับสูทแบบที่มีแคนวาสกันไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อความร้อนสำหรับร่างกายของเราเช่นกันครับ โดยปกติแล้วสูทที่มีราคาย่อมเยาที่เราซื้อหากันได้ง่าย มักจะเป็นสูทแบบอัดกาว หรือ Fused Suit ซึ่งใช้โครงสูทที่ทำจากเส้นใยผ้าหนาๆ แล้วใช้กาวในการอัดโครงสร้างติดกับเนื้อผ้าชิ้นนอกของตัวสูทเพื่อขึ้นโครงสูท ข้อดีก็คือผลิตได้ง่าย, รวดเร็ว และประหยัด แต่มีข้อเสียก็คือการอัดกาวจะทำให้เสื้อสูทนั้น “ทึบ” และไม่สามารถระบายอากาศออกทางด้านหน้าได้ ส่งผลให้คนใส่เสื้อสูทหรือเบลเซอร์แบบ Fused นั้นรู้สึกร้อนจนตับแล่บนั่นเอง นอกจากนั้นสูทแบบ fused ยังใช้งานได้ไม่ทนทานอีกด้วย
ภาพนี้เปิดให้เห็นชั้นของ Canvas หางม้าที่อยู่ใต้ผ้าวูลชั้นนอกสุด แคนวาสที่มีลักษณะโปร่ง และใช้การ “เย็บ” แทนการอัดกาว ช่วยทำให้ช่วงลำตัวระบายอากาศได้ดี ใส่แล้วไม่ร้อนครับ | hugoboss.com
โครงสร้างของเสื้อสูทอีกแบบคือแบบมี Canvas หรือเส้นใยจากหางม้า โดยใช้วิธีการ “เย็บ” เพื่อติดตัวโครง Canvas เข้าไประหว่างผ้าวูลและซับใน หรือที่เรียกว่า “Floating Canvas” (ชั้นแคนวาส ลอยตัว อยู่ภายใน) เส้นใยหางม้าที่มีลักษณะโปร่ง และไม่ได้ถูกทากาวจนปิดทึบ จะไม่ปิดกั้นการระบายอากาศ และช่วยให้เสื้อสูทของเราใส่แล้วเย็นสบายมากขึ้นครับ อย่างไรก็ตามข้อเสียของสูทแบบที่มี Canvas ก็คือ มันมีราคาที่แพงกว่าพอสมควร ผู้ชายไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งใจลงทุนกับสูทคุณภาพดี เพราะมองว่าไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ จึงมักได้ใส่แต่ “Fused Suit” โดยไม่ได้ตั้งใจ และรู้สึกร้อนตับแล่บจากสูทที่อัดกาว จนเชื่อสนิทใจว่า “ใส่สูทแล้วต้องร้อน” นั่นเองครับ แต่ถ้าเราเลือกได้ MenDetails ขอแนะนำให้เลือกเสื้อสูท หรือ เบลเซอร์แบบที่เย็บ Canvas เพื่อให้ใส่แล้วสบายตัวขึ้นนะครับ
เสื้อสูทผ้าลินิน หรือลินินผสม เป็นเนื้อผ้าอีกแบบหนึ่งที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศร้อนๆเช่นกัน | bloomberg.com
ใครที่กำลังมองหาซื้อเสื้อสูท หรือ เบลเซอร์ เป็นของตัวเอง และไม่อยากใส่แล้วเหงื่อแตกเหงื่อแตนเพราะร้อนตับแล่บ เราขอบอกว่าคุณมาถูกทางแล้วครับ MenDetails แนะนำให้ลองนำเอาคำแนะนำของเราไปใช้ในการเลือกเสื้อสูท เช่น เลือกซื้อแบบ Single Breasted ที่ทำจากผ้าโปร่ง หรือ Openweave เช่น Fresco Wool โดยเย็บซับในให้น้อยที่สุด และเป็นแบบมีแคนวาสลอยตัว (Floating Canvassed) รับรองว่าถ้าคุณมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และยินดีลงทุนกับสูทที่มีคุณภาพสักนิด คุณจะใส่เสื้อสูทได้อย่างเบาสบาย โดยที่ไม่รู้สึกร้อนอบอ้าวเหมือนเสื้อสูทของคนอื่นๆแน่นอนครับ