ใน MenDetails x Nagasaki ตอนที่แล้ว เราพาทุกท่านไปตะลุยเมือง Unzen Onsen เมืองน้ำพุร้อนของจังหวัดนางาซากิที่อุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติและเรื่องราวมากมาย ในตอนที่ 3 ของซีรีส์นี้ เราเจียดเวลาครึ่งวันของวันที่ 2 ในทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ เพื่อไปเยือนเมือง ชิมาบาระ เมืองแห่งน้ำใสสะอาดกันครับ
จริง ๆ ผู้เขียนไปเมืองนี้มาหลายครั้งแล้ว เรียกได้ว่าถ้ามายังแหลมชิมาบาระ มาพักที่ Unzen Onsen ยังไงก็ต้องแวะมาเมืองนี้ให้ได้ ซึ่งก่อนโควิดระบาดเราเคยมาพักแบบค้างคืนทำให้เก็บสถานที่ย่อย ๆ ได้ครบกว่า แต่ครั้งนี้ด้วยเวลาที่มีจำกัดเราเลยมาเยือนแบบครึ่งวันให้หายคิดถึงครับ เป็นการมาเยือนแบบสบาย ๆ แต่เก็บครบทั้งร้านอาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด และสถานที่น่าสนใจที่หากมาเยือนแล้วไม่ควรพลาด ที่ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้มันเป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าแวะสำหรับทริปญี่ปุ่นครั้งต่อไปของทุกท่านครับ เพราะเมืองแห่งน้ำใสสะอาดแห่งนี้มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลจริง ๆ
ไปกิน Guzoni อาหารท้องถิ่น ที่ร้าน Himematsuya
จาก Unzen Onsen ใช้เวลาขับรถลงจากเขาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ตัวเมืองชิมาบาระ โดยส่วนที่เราจะแวะไปใน 1 Day Trip นี้ เป็นส่วนเมืองเก่าแถวปราสาทชิมาบาระครับ และบริเวณนี้มีร้านอาหารชื่อดังของชิมาบาระอยู่ นั่นคือ Himematsuya ครับ เราก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปกินอาหารเที่ยงที่นี่
ร้านนี้มีประวัติยาวนานย้อนกลับไปถึงปีค.ศ. 1813 ที่ร้านเสิร์ฟอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรุงเป็นอาหารเสิร์ฟคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมาจนถึงปัจจุบัน ตัวร้านมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม ให้ความคลาสสิก และเมื่อมาที่ร้านนี้ก็ต้องไม่พลาดที่จะสั่ง Guzoni (กุโซนิ) หนึ่งในเมนูท้องถิ่นขึ้นชื่อของเมืองชิมาบาระครับ
Guzoni เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในปี 1637 ในเหตุการณ์กบฏชิมาบาระ ที่มีต้นเหตุจากความไม่พอใจในการเก็บภาษีที่สูงเกินไปของ Matsukura Katsuie ไดเมียวผู้ปกครองเขตชิมาบาระ และการกำจัดคนนับถือศาสนาคริสต์อย่างโหดร้าย ทำให้ทั้งชาวบ้านและชาวคริสต์รวมตัวกันก่อกบฏ นับเป็นการก่อกบฏที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ในเหตุการณ์นั้นนายพลผู้นำฝ่ายกบฏ Amakusa Shiro พร้อมกองทัพกบฏอีกราว 37,000 คน ปักหลักอยู่ในปราสาท Hara ที่ยึดมาได้ พวกเขานำก้อนโมจิจากข้าวของชาวนา กับวัตถุดิบที่หาได้จากพื้นดินและทะเลบริเวณนั้นมาต้มในหม้อดิน ทำให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ สามารถปักหลักต่อสู้อยู่ได้นานถึง 3 เดือน
ปัจจุบัน Guzoni ถือเป็นอาหารที่แสดงตัวตนของเมืองชิมาบาระได้ชัดเจนที่สุด เพราะมันอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากมาย ลักษณะของมันจะเป็นซุปใส ใส่ผักและปลาหลากหลายชนิด เป็นเหมือนการรวมเอาวัตถุดิบจากภูเขาและทะเลของชิมาบาระมารวมกันในหม้อเดียว พร้อมก้อนโมจินุ่ม ๆ ได้กลิ่นหอม รสชาตินวล คล่องคอ และหากใครสนใจและมีเวลาในเมืองนี้มากพอ ชิมาบาระยังมีอาหารท้องถิ่นอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น Rokube อาหารเส้นที่ทำจากมันเทศที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดสารอาหารในปี 1792 ให้ได้ลิ้มลองกันครับ
Guzoni ของ Himematsuya มีขายทั้งแบบหม้อเดี่ยว และแบบเป็นเซ็ท โดยยิ่งเซ็ทใหญ่ราคาก็จะเพิ่มขึ้นมาตามไป แต่ก็จะได้กินอาหารหลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้นครับ เลือกสั่งได้ตามความอยากอาหารของทุกท่านเลยครับ อ้อ อินาริซูชิ (ซูชิเต้าหู้ทอด) ของที่นี่ก็อร่อยนะครับ และเนื่องจากร้านนี้เป็นร้านดัง มีนักท่องเที่ยวมากินจำนวนมาก ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาครับ ทางร้านมีเมนูภาษาอังกฤษพร้อม
นอกจาก Guzoni แล้ว ร้านก็ยังมีเมนูอื่น ๆ เช่นกัน ทั้งอาหารญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไป อย่างเซ็ทปลาดิบ หมูชุบแป้งทอด อูด้ง ไปจนถึงบางช่วงก็จะมีอาหารตามฤดูกาล เช่น ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่เราเคยมาก่อนโควิดระบาด มีเมนูพิเศษเป็นเซ็ทหอยนางรมชุบแป้งทอดครับ
พิกัด: Himematsuya (สาขาหลัก) https://g.co/kgs/s29X8c เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 18.00 น.
แวะหมู่บ้านซามูไร
หลังกินอาหารเที่ยงเสร็จก็ได้เวลาเดินชมเมือง พร้อมย่อยอาหารไปด้วยในตัว ซึ่งที่ตั้งของร้าน Himematsuya นี้อยู่ใกล้กับสถานที่เที่ยวพอดีเลยครับ โดยสถานที่แรกที่เราจะไปแวะชม คือ หมู่บ้านซามูไรครับ สามารถจอดรถไว้แถวร้าน Himematsuya แล้วเดินไปได้เลย
หมู่บ้านแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ช่วงเวลาเดียวกับการก่อสร้างปราสาทชิมาบาระ เป็นเขตที่อยู่อาศัยสำหรับซามูไรที่รับใช้ไดเมียวผู้ปกครองเขต เรียกได้ว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาซามูไรเหล่านี้ก็พร้อมจับดาบ จับปืนเตรียมสู้ได้เลย หมู่บ้านวางตัวยาว 400 เมตร ซึ่งตรงกลางถนนในเขตนี้ จะมีทางระบายน้ำเล็ก ๆ อยู่กลางถนน เป็นน้ำสะอาดที่มาจากศาลเจ้า Kumano ใกล้ ๆ เดิมทีถูกใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการบริโภคในสมัยนั้น ถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญในบริเวณนี้
หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้จากหน่วยงานราชการท้องถิ่น ทำให้วิวทิวทัศน์ของมันไม่เปลี่ยนไปจากในอดีตมากนัก โดยในหมู่บ้านนี้จะมีบ้านซามูไรเก่าที่ได้รับการบูรณะเปิดให้เข้าชม 3 หลัง พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านแห่งนี้ ไปจนถึงตระกูลเจ้าของบ้านแต่ละหลัง แบบไม่เสียค่าเข้าชม แต่ว่าบ้านหลังอื่น ๆ ในบริเวณนี้มีผู้อยู่อาศัยทั้งสิ้น หากไปเยี่ยมชมก็อย่างส่งเสียงดังรบกวน หรือเผลอเปิดประตูเข้าไปในบ้านเขานะครับ
พิกัด: Samurai residence street https://maps.app.goo.gl/A26htanyNzfZXiEv9 เข้าชมได้ทุกวัน 9.00 – 17.00 น.
สัมผัสประวัติศาสตร์ ชิมาบาระ ที่ปราสาทชิมาบาระ
แล้วเราก็มาถึงไฮไลท์ของ 1 Day Trip ครั้งนี้อย่างปราสาทชิมาบาระแล้วครับ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทสีขาวสูง 5 ชั้น ตรงข้ามกับปราสาทคุมาโมโตะ ที่อยู่ในจังหวัดคุมาโมโตะที่มีพื้นที่ใกล้กัน ปราสาทแห่งนี้มีที่จอดรถกว้างขวาง แนะนำให้ขับรถขึ้นมาจอดครับ เสียค่าจอดรถไม่แพง เพราะถ้าเดินขึ้นมานี่เหนื่อยเอาเรื่องเลยครับ
ปราสาทแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1624 ซึ่งจะมีอายุครบ 400 ปีในปีหน้านี้เอง และทางเมืองก็เตรียมงานเทศกาลฉลองในบริเวณปราสาท ในช่วงที่เราไปพอดีครับ ปราสาทชิมาบาระเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่นี้อย่างมาก เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของไดเมียวที่ปกครองแคว้นชิมาบาระในยุคเอโดะ ผ่านเหตุการณ์กบฏชิมาบาระ และถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลที่ปกครองพื้นที่นี้ที่มีการเปลี่ยนผ่านกันมาเรื่อย ๆ ทั้งตระกูล Koriki ตระกูล Matsudaira และ Toda ก่อนที่ในยุคเมจิแคว้นชิมาบาระถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนางาซากิไปในที่สุด
ปราสาทชิมาบาระได้รับการซ่อมแซม บูรณะขึ้นมาใหม่และใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของแคว้นชิมาบาระทั้งเรื่องศาสนาคริสต์ที่มีอิทธิพลอย่างมากในพื้นที่นี้ เรื่องเกี่ยวกับกบฏชิมาบาระ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ในด้านต่าง ๆ หลังจากซื้อตั๋วแล้วก็สามารถเดินชมทั้ง 5 ชั้นได้ตามสะดวก หากใครสนใจอ่านข้อมูลของชิ้นไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถสแกน QR code เพื่ออ่านแบบภาษาอังกฤษได้ด้วย โดยชั้นบนสุดจะสามารถเปิดประตูออกไปดูวิวจากยอดปราสาท เห็นวิวเมือง ชิมาบาระ ได้ไกลสุดสายตาเลยครับ
พิกัด: ปราสาทชิมาบาระ https://maps.app.goo.gl/LdR9S7BV1xnBUG2g7 เปิดทำการ 9.00 – 17.30 น. ทุกวัน
แวะ City of Swimming Carps ย่านเล็ก ๆ ที่มีปลาคาร์ปแหวกว่าย
หลังเดินชมปราสาทเสร็จ เรายังมีเวลาเหลือ ก็เลยขับรถแวะไปเดินเล่นที่เมืองปลาคาร์ป หรือ City of Swimming Carps สักหน่อยครับ จริง ๆ จะเรียกว่าเมืองก็ไม่ใช่ เพราะมันจะเป็นถนนเล็ก ๆ เส้นหนึ่งในย่านพักอาศัย ที่ใช้เวลาเดินชม พักผ่อน ถ่ายรูปไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่เป็นย่านที่มีเสน่ห์มาก ๆ
เสน่ห์ของย่านนี้ที่คนในพื้นที่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ คือการที่ในคูเล็ก ๆ บนถนนเส้นนี้มีปลาคาร์ปสีสันสดใสแหวกว่ายเต็มไปหมด โดยน้ำที่อยู่ในคูเล็ก ๆ นี้มาจากตาน้ำแร่ธรรมชาติที่อยู่ในบริเวณนั้น ด้วยน้ำที่ใสสะอาดทำให้ปลาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยการเลี้ยงปลาในคูนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1978 เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าแหล่งน้ำของเมืองชิมาบาระเป็นน้ำสะอาด และนอกจากตาน้ำที่อยู่ในย่านนี้แล้ว ทั่วทั้งเมืองชิมาบาระยังมีตาน้ำแร่ธรรมชาติอยู่อีกกว่า 70 แห่ง ทำให้ชิมาบาระได้ฉายา “เมืองแห่งน้ำใสสะอาด” นั่นเอง
แม้เมืองปลาคาร์ปจะเป็นถนนที่ไม่ยาวมากนัก แต่ก็มีอะไรให้เราได้ถ่ายรูป ได้เดินดูพอสมควรเลยครับ เริ่มตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มีบ่อปลาคาร์ปขนาดใหญ่ และขนมของฝากขึ้นชื่อของเมืองชิมาบาระให้ซื้อกลับบ้าน และที่พลาดไม่ได้คือ Shimeiso บ้านโบราณ ที่สร้างตั้งแต่สมัยเมจิ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น หลังจ่ายค่าเข้าด้านหน้าบ้าน ข้างในจะพบกับบ้านเก่าที่ทางเมืองรักษาไว้ และสวนที่สวยงาม ระเบียงบ้านเปิดให้เราสามารถนั่งเล่มชมวิวสวน และปลาคาร์ปในบ่อได้นานเท่าที่ต้องการ ทางผู้ดูแลในแต่ละวันจะชงชามาเสิร์ฟ เอาการ์ดที่ระลึกมาให้ ใครพูดญี่ปุ่นได้ก็สามารถคุยกับคุณผู้ดูแลได้ครับ
บ้านหลังนี้ยังตั้งอยู่บนตาน้ำแร่พอดี หากใครสังเกตในบ่อที่เขาเขียนป้ายไว้ดี ๆ ก็จะเห็นทรายที่ก้นบ่อขยับไปมา เพราะมีน้ำแร่ผุดขึ้นมาตลอดเวลานั่นเองครับ ว่ากันว่ามีน้ำผุดออกมามากถึง 3000 ตันในแต่ละวันเลยทีเดียว
พิกัด: City of Swimming Carps https://maps.app.goo.gl/iDjRLc86nogPrHKr7 สามารถเดินเล่นได้ตลอดเวลา ส่วนบ้านโบราณ Shimeiso เปิดทำการทุกวัน 9.00 – 18.00 น.
หากมีเวลา ต้องไปกิน Kanzarashi ที่ร้าน Ginsui
น่าเสียดายที่ทริปนี้เรามีเวลาไม่พอ แต่หากใครที่มาเยือนเมืองนี้แล้วมีเวลาพอ หรือมาพักค้างคืน เราขอแนะนำให้ไปลองกิน Kanzarashi ของหวานประจำท้องถิ่นของชิมาบาระ จากร้านต้นตำรับ คือ ร้าน Ginsui ครับ เมื่อครั้งก่อนโควิดเราเคยมาลองแล้ว และไม่อยากให้พลาด
Kanzarashi เป็นของหวานประเภทดังโงะลูกขนาดเล็ก ทำจากแป้งชิราทามะ (แป้งข้าวเหนียวอบแห้ง) เสิร์ฟเย็น ๆ มาในน้ำเชื่อมรสหวาน และร้าน Gunsui แห่งนี้ก็เป็นร้านที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับของของหวานชนิดนี้ ตั้งแต่ปี 1915 ก่อนที่จะปิดตัวลงไปครั้งหนึ่งเพราะเจ้าของร้านในยุคนั้นเสียชีวิต แต่ต่อมาทางลูกหลานก็กลับมาสืบทอดต่อ และสร้างชื่อเสียงให้ร้านเป็นที่รู้จักอีกครั้ง
ร้านเป็นร้านเล็ก ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบย้อนยุคหน่อย ๆ มีคนในพื้นที่แวะเวียนมาสั่งขนมหรือซื้อกลับบ้านกันไม่ขาด ใกล้ ๆ ร้านมีแหล่งน้ำแร่ Hamanokawa ที่เป็นหัวใจสำคัญของคนในพื้นที่นี้มาแต่โบราณ และทางร้านก็ได้นำน้ำแร่จากแหล่งน้ำแร่นี้มาเป็นหัวใจของร้านเช่นกัน เพราะร้านนี้จะนำลูกดังโงะที่ปั้นเสร็จใหม่ ๆ ไปแช่ในน้ำแร่เย็น ๆ เวลาเสิร์ฟก็จะตักใส่ถ้วย แล้วร้านน้ำเชื่อมหวาน ๆ จากขวดที่แช่ในน้ำแร่เช่นกัน กินแล้วได้รสหวานหอม เย็นชื่นใจ เติมพลังได้ดีเลยครับ
นอกจาก Kanzarashi แบบดั้งเดิมแล้ว ก็ยังมีขนมแบบเซ็ต และเครื่องดื่มอื่น ๆ โดยเฉพาะกาแฟที่ชงจากน้ำแร่ให้เลือกสั่งด้วยครับ ซึ่งก็ถือว่าเปลี่ยนไปจากเมื่อ 4 ปีก่อนที่เราไปกินก่อนโควิดระบาดพอสมควร
ถ้าหากใครไม่มีเวลาแวะมาร้านนี้ ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวในเมืองปลาคาร์ปมี Kanzarashi แบบกลับบ้านขายอยู่ครับ ซึ่งก็มาจากร้าน Ginsui นี่เช่นกัน อาจจะอร่อยไม่เท่าไปกินสด ๆ ที่ร้าน แต่ก็ทำให้เราได้ลิ้มรสชาติของมันได้ในระดับหนึ่งครับ เพราะถ้าออกจากแถบแหลมชิมาบาระไปแล้ว จะหากินค่อนข้างยากทีเดียวครับ
พิกัด Ginsui https://maps.app.goo.gl/33sBZoTvZFJaiHKV8 เปิดทุกวัน 10.00 – 17.00 น.
น่าเสียดายที่เรามีเวลาอยู่ได้แค่วันเดียวเท่านั้น เพราะในเมืองชิมาบาระแห่งนี้ยังมีอีกหลายอย่างให้เราได้เดินชมและค้นหา รวมถึงเมืองอื่น ๆ ในแถบแหลมชิมาบาระ เช่น เมืองมินามิชิมาบาระที่อยู่ทางใต้ลงไป ก็มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับธรรมชาติที่น่าสนใจ หรือถ้าใครจะเดินทางไปจังหวัดคุมาโมโตะต่อ ก็มีบริการเรือข้ามอ่าวเช่นกัน ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่มีเสน่ห์มาก ๆ และคนไทยยังไม่ค่อยไปเที่ยวกันครับ หากลองมาสักครั้งก็อาจจะตกหลุมรักมันเหมือนเราก็เป็นได้