หลังจากที่ตอนแรกของซีรีส์ MenDetails x Nagasaki เราพาไปแวะเมืองออนเซ็นเล็ก ๆ อย่าง Obama กันแล้ว ในตอนที่สองนี้ เราก็เดินทางต่อ ขึ้นเขามาอีกนิด มาถึง Unzen Onsen เมืองน้ำพุร้อนที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ในบรรยากาศแสนสบาย และเงียบสงบครับ เมืองนี้เป็นเมืองออนเซ็นขึ้นชื่อของจังหวัดนางาซากิ ที่ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองนางาซากิไม่นาน ทำให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นเอง และคนต่างชาติ ไปจนถึงคนในจังหวัด รวมถึงในอดีตยังมีชื่อเสียงจากการเป็นเมืองตากอากาศของชาวตะวันตกอีกด้วย ที่สำคัญคือสามารถเที่ยวได้ทั้งสี่ฤดู เพราะแต่ละฤดูก็จะมีกิจกรรมรวมถึงบรรยากาศที่ต่างกันออกไป
ในตอนที่สองนี้ เราก็จะพาท่านผู้อ่านมาดูความน่าสนใจและเสน่ห์ของเมืองนี้ ทั้งสถานที่น่าสนใจ ที่หลาย ๆ ที่มีความผูกพันกับประวัติศาสตร์ ไปจนถึงอาหารการกินและของฝาก เผื่อว่าเมืองนี้จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางในทริปญี่ปุ่นครั้งหน้า สำหรับใครที่อยากปล่อยใจ แช่ออนเซ็นสบาย ๆ ท่ามกลางหุบเขาครับ เราหลงรักที่นี่และอยากแชร์ให้ทุกคนได้รู้จักด้วย
Azumaen เรียวกังที่เคยต้อนรับเชื้อพระวงศ์ญี่ปุ่น
ใน Unzen Onsen นี้มีทั้งโรงแรมสไตล์ตะวันตก เรียวกัง (โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม) และโรงแรมที่เป็นสไตล์ผสมตั้งอยู่มากมาย และมีให้เลือกตามงบ ทั้งโรงแรม 5 ดาว ไปจนถึงเรียวกังเล็ก ๆ บางโรงแรมก็มีประวัติมายาวนานนับร้อยปี และบางโรงแรมก็เพิ่งก่อตั้งในช่วงยุคโควิด ทำให้การกลับมาครั้งนี้ของผู้เขียนหลังจากที่มาครั้งล่าสุดก่อนโควิดระบาดไม่กี่เดือน เห็นโรงแรมที่ไม่คุ้นตาเกิดขึ้นพอสมควร และบางโรงแรมก็มีการขยับขยายต่อเติม
แต่เมื่อมาถึงเมืองออนเซ็น เราก็อยากจะพักเรียวกังเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ น่าเสียดายที่ในช่วงนี้ของปี Unzen Onsen เริ่มครึกครื้น จากนักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติ ไปจนถึงบริษัทต่าง ๆ ที่จัดทริปให้พนักงาน ทำให้เรียวกังเดิมที่เคยพักเต็ม บวกกับจำนวนคนร่วมทางในทริปนี้ทำให้ตัวเลือกมีไม่มาก แต่สุดท้ายก็มาเจอเรียวกังชื่อ Azumaen ครับ และเมื่อได้หาข้อมูลคร่าว ๆ แล้วเราก็ตกลงเลือกโรงแรมนี้ทันที เพราะในปี 2009 สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ (ที่ในเวลานั้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร) ก็เคยมาพักที่โรงแรมแห่งนี้ ในห้อง VIP ของโรงแรม ซึ่งห้องดังกล่าวก็เปิดให้แขกสามารถเข้าพักได้เช่นกัน โรงแรมภูมิใจในเรื่องนี้มาก เพราะในลิฟต์ยังมีข่าวจากหนังสือพิมพ์ตัดแปะเอาไว้อยู่เลย แต่การที่เชื้อพระวงศ์เลือกมาพักที่นี่ก็การันตีได้ถึงคุณภาพด้านต่าง ๆ ของโรงแรมเป็นอย่างดี
Azumaen เป็นเรียวกังขนาดใหญ่ มีที่จอดรถกว้างขวาง ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Oshidori ทำให้ตัวโรงแรมเห็นวิวของทะเลสาบและภูเขา เป็นวิวที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนก็ตาม รวมถึงในบ่อออนเซ็นที่มีบ่อกลางแจ้ง ช่วงที่เราไปกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศกำลังเริ่มเย็น การได้แช่ออนเซ็นบ่อกลางแจ้งพร้อมชมวิวไปด้วยเป็นอะไรที่สบายตัวมาก ๆ ผู้เขียนมีโอกาสแช่ทั้งตอนเช้าที่ก่อนอาหารเช้า และช่วงกลางคืนก่อนนอน ซึ่งก็ชื่นชอบบรรยากาศของทั้งสองช่วงเวลามาก ๆ นอกจากนี้ยังมีห้องซาวน่าอีกด้วย
ห้องพักของเราเป็นห้อง Special Guest Room 2 ห้อง เนื่องจากคนร่วมทางเยอะ ซึ่งห้องดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก ๆ มีทั้งส่วนที่เป็นห้องแบบญี่ปุ่น ที่ตอนกลางคืนพนักงานจะมาปูฟูกให้ และห้องนอนมีเตียงแบบตะวันตกมีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ รวมถึงอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ในตัว ไปจนถึงส่วนนั่งเล่นครบครัน ห้องหนึ่งสามารถนอนได้ราว 4 – 5 คนครับ ส่วนเรื่องการบริการก็ทำได้น่าประทับใจ พนักงานใส่ใจ ช่วยเหลือเราเต็มที่ แม้จะมีปัญหาทางด้านกำแพงภาษาก็ตาม เริ่มตั้งแต่การมาต้อนรับที่มาช่วยกันขนของ การเสิร์ฟชาเขียวและขนมลักษณะคล้ายที่เสิร์ฟในพิธีชงชาตอนเช็คอิน ไปจนถึงการมาส่งเราในวันเช็คเอ้าท์จนรถลับตาไป
เนื่องจากเรามาพักกันเป็นกลุ่มใหญ่ อาหารเย็นของเรา ที่เป็นหน้าเป็นตาของโรงแรมแบบเรียวกัง จึงทำการเสิร์ฟในห้องจัดเลี้ยงที่มีความเป็นส่วนตัว แทนการไปกินรวมในห้องอาหารหรือการเสิร์ฟในห้องพัก จึงสามารถพูดคุยกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราประทับใจกับอาหารของที่นี่มาก ทั้ง 2 วันที่เราพัก ทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็น ไม่มีเมนูซ้ำกันเลย และทุกเมนูล้วนใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นตามฤดูกาลทั้งสิ้น โดยเฉพาะอาหารเย็นที่มาในรูปแบบไคเซกิ อาหารแบบคอร์สของญี่ปุ่น เป็นอาหารมื้อใหญ่ มีวัตถุดิบมากมายทั้งเนื้อวัว ปลา ผัก โดยเฉพาะเนื้อวัวถือเป็นไฮไลท์เพราะวัวในแถบ Unzen ถือเป็นของขึ้นชื่อ ส่วนมื้อเช้าที่เน้นข้าวกับซุป และอาหารเบา ๆ เป็นหลัก ก็ยังมีความหลากหลาย ทำให้ทั้งสองวันเพลิดเพลินกับอาหารไม่มีเบื่อ
แต่หากให้พูดถึงข้อติ ก็มีอยู่บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ครับ โดยเฉพาะเรื่องของที่ตั้งโรงแรม ที่ห่างออกมาจากย่านหลักของเมืองสักหน่อย ทำให้หากต้องการจะมาเดินเล่นตรงบ่อน้ำพุ และชมร้านค้าต่าง ๆ ต้องเดินมาจากโรงแรมหรือขับรถออกมา ซึ่งก็จะลำบากหาที่จอดอีก แต่เดินก็ไม่ไกลมาก ราว 5 – 10 นาทีครับ เพราะเดิมทีเมืองก็ไม่ใหญ่อยู่แล้ว เรื่องถัดมาคือภาษาครับ ใน Unzen Onsen ตอนนี้มีโรงแรมไม่น้อยที่มีพนักงานที่พูดสื่อสารอังกฤษได้ในระดับดี ถึงดีมาก แต่สำหรับ Azumaen มีพนักงานไม่มากที่เข้าใจภาษาอังกฤษ ทำให้บางจังหวะอาจมีปัญหาด้านกำแพงภาษา ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ปัญหาไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่มันก็จะเร็วกว่าถ้าหากสื่อสารกันได้โดยตรง ตัวผู้เขียนพอเข้าใจภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้างเลยพอคุยกันได้ในศัพท์พื้นฐาน ทั้งนี้ทั้งนั้นพนักงานทุกคนก็พยายามพูดคุยและสื่อสาร รวมถึงทำความเข้าใจเพื่อให้บริการเราได้อย่างเต็มที่ครับ และสุดท้ายเนื่องจากโรงแรมมีอายุค่อนข้างมาก ทำให้อาจเห็นความเก่าแก่ในบางจุดครับ แต่ทางโรงแรมก็มีการปรับปรุงอยู่เสมอ อย่างล่าสุดก่อนเราไปก็ทราบมาว่าทางโรงแรมเพิ่งปรับปรุงห้องอาหารใหม่
โดยรวมแล้วเราประทับใจทั้งการบริการ อาหาร ออนเซ็น และห้องพักครับ หากใครต้องการพักโรงแรมเรียวกังที่มีวิวสวย และค่อนข้างเงียบสงบจากโซนหลักของเมือง เราก็แนะนำโรงแรมนี้เป็นตัวเลือกครับ
พิกัด: Azumaen https://maps.app.goo.gl/M7H3TjY3guAPwy5m6
สถานที่น่าสนใจ สำหรับคนชอบเดินเล่น ใน Unzen Onsen
เมือง Unzen Onsen แห่งนี้ ไม่ได้มีดีแค่ออนเซ็นให้มาแช่ผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ สถานที่น่าสนใจเชิงวัฒนธรรม และอาหารท้องถิ่นมากมายรอให้เราได้พบ จากการที่มันมีประวัติย้อนกลับไปได้ถึงปีค.ศ. 701 เดิมทีถูกพัฒนาให้เป็นเมืองแห่งวัด แต่ในยุคเมจิเมื่อชาวตะวันตกเข้ามา มันค่อย ๆ กลายเป็นที่นิยมในฐานะเมืองตากอากาศไป
ในหัวข้อนี้เราได้รวบรวมสถานที่น่าสนใจห้ามพลาด ไฮไลท์เด็ดของเมือง สำหรับใครที่ชอบเดินเล่นสำรวจเมืองมาให้แล้วครับ หากมีเวลาสักวันหรือสองวัน ยังไงก็ต้องแวะไปดู
บ่อนรก บ่อน้ำพุร้อนใต้ดิน หัวใจหลักของเมือง
ขึ้นชื่อว่าเมืองออนเซ็น ยังไงก็ต้องมีแหล่งน้ำพุร้อนใต้ดิน เป็นหัวใจหลัก เพราะในแหลมชิมาบาระที่เป็นที่ตั้งของเขตเมืองที่เรียกรวม ๆ ว่า Unzen ไปจนถึงเมืองชิมาบาระนี้ ยังคงมีภูเขาไฟ Unzen ที่ยังคงไม่มอด ทำให้ความร้อนจากใต้พิภพทำให้น้ำมีอุณหภูมิและแร่ธาตุที่เหมาะกับการแช่ กลายเป็นแหล่งออนเซ็นสำคัญของจังหวัดนางาซากิไป
ซึ่งในเมือง Unzen Onsen ก็มีแหล่งน้ำพุร้อนไหลเวียนอยู่เช่นกัน เกิดบริเวณใกล้ ๆ กัน และอยู่ไม่ใกล้จากย่านกลางเมือง ซึ่งทางเมืองก็จะมีการสร้างทางเดินไว้ให้ชมบ่อน้ำพุร้อน และเป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติ ซึ่งบ่อเหล่านี้ก็จะมีท่อส่งน้ำคอยส่งน้ำพุร้อนเข้าไปยังโรงแรมต่าง ๆ ทั่วบริเวณ ทำให้เราสามารถเห็นท่อส่งและไอน้ำพวยพุ่งจากบริเวณนี้ได้เต็มไปหมด
บ่อเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า Unzen Jigoku หรือ นรกอุนเซ็น / บ่อนรก จากน้ำที่มีอุณหภูมิสูง และการที่มีบ่อธรรมชาติจำนวนมากที่มีน้ำพุร้อนผุดออกมาทุกวินาที ผสมกับหมอกควันไอน้ำ ทำให้มันดูเหมือนกับภาพในนรก จึงเป็นที่มาของชื่อ นอกจากนี้มันยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การนับถือศาสนาคริสต์ในยุคแรก ๆ ของญี่ปุ่นด้วย เพราะมันถูกใช้เป็นสถานที่ประหารชีวิตชาวคริสต์และกบฏในเหตุการณ์กบฏชิมาบาระในยุคที่ศาสนาคริสต์ถูกแบน ต้นศตวรรษที่ 16
ในปัจจุบันมันกลายเป็นไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนเมืองนี้ ที่ต้องมาดูบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ดูควันที่พวยพุ่ง และธรรมชาติ ที่จะต่างกันไปตามแต่ละฤดู และด้วยความร้อนจากใต้ดินนี้เอง ทำให้ในช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลง อย่างเช่นช่วงที่เราไปเที่ยวนี้ สามารถพบเห็นเหล่าแมวจำนวนมาก มาอาศัยความร้อนใต้พิภพเพื่อความอบอุ่นครับ ซึ่งคนในเมืองนี้ก็เอ็นดูแมวเหล่านี้มากทีเดียว และถ้าหากมาแล้วก็อย่าลืมไปแวะสักการะศาลเจ้า Unzen ที่อยู่ใกล้ ๆ กันด้วยนะครับ เป็นศาลเจ้าสำคัญของที่นี่
แวะซื้อขนมขึ้นชื่อ ที่ร้าน Tohtoumiya
นอกจากบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแล้ว ใกล้ ๆ กันยังเป็นโซนบ้านเรือน ร้านค้าต่าง ๆ เป็นจุดกลางเมืองครับ ก็จะมีทั้งร้านอาหารแบบบ้าน ๆ ของคนญี่ปุ่น ร้านขายของทั่วไป ร้านขายเสื้อผ้า ร้านของที่ระลึก และโรงแรม แต่ถ้าจะให้เราหยิบมาหนึ่งร้านที่ห้ามพลาด นั่นคือ ร้าน Tohtoumiya ครับ
ร้านนี้เป็นร้านขายขนมและของฝากขึ้นชื่อของ Unzen ที่ใครมาก็ห้ามพลาด คือ Yusenpei ครับ ลักษณะเป็นแป้งเวเฟอร์กรอบแผ่นกลม ๆ แบน ๆ ใหญ่ ๆ โดยมีส่วนผสมของแป้ง ไข่ น้ำตาล เบกกิ้งโซดาที่ใช้น้ำแร่ผสมเข้าไปด้วย ตัวเวเฟอร์มีความกรอบ บางเบา รสหวานอ่อน ๆ เหมาะกับการกินกับน้ำชาอย่างมาก เป็นขนมท้องถิ่นในแถบนี้ตั้งแต่ชิมาบาระยังเป็นแคว้นหนึ่งที่มีไดเมียว (ขุนนาง) ปกครอง ซึ่งร้านนี้ก็ยังคงกรรมวิธีการทำแบบดั้งเดิม และถ้าหากโชคดีก็จะได้เห็นคุณเจ้าของร้านมาทำ Yusenpei โชว์ด้วย ซึ่งเราสามารถขอเขาลองได้ด้วยเช่นกันครับ ปัจจุบันเขามีการทำไส้ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติด้วยนะครับ สำหรับเราถ้าจะกินให้อร่อยควรซื้อแล้วกินเลย หรือถ้าเอากลับไทยก็ต้องไม่ปล่อยไว้นาน ไม่อย่างนั้นมันจะหนืด ไม่อร่อย
นอกจาก Yusenpei ก็ยังมีขนมและของฝากอื่น ๆ ให้เลือกซื้อ แต่ที่เราถูกใจมากและซื้อกลับไทยตลอด คือ Unzen Lemonade น้ำมะนาวโซดาอุนเซ็นครับ เป็นเครื่องดื่มดับกระหายที่ได้รับความนิยมตั้งแต่สมัยเมจิที่ชาวตะวันตกใช้ Unzen Onsen เป็นเมืองตากอากาศ โดยจะใช้น้ำแร่เป็นส่วนผสม กับเลม่อนจากแหลมชิมาบาระ ให้รสหวานเปรี้ยว ซ่า ชื่นใจ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในแถบ Unzen และชิมาบาระ หรือหากใครอยากกินไอศกรีมก็มีไอศกรีม Yusenpei ไอศกรีมโคนที่ปักแผ่น Yusenpei แผ่นใหญ่มาให้ด้วย
พิกัด: Tohtoumiya https://g.co/kgs/pPdM74 เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8:30 – 19:00 น.
แวะชมเครื่องแก้วที่ Unzen Vidro Museum
อีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจสำหรับเรา คือ Unzen Vidro Museum หรือพิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วอุนเซ็นครับ เพราะจังหวัดนางาซากิมีการรับวัฒนธรรมของชาวตะวันตกเข้ามา หนึ่งในนั้นมีเทคนิคและวิธีการสร้างสรรค์เครื่องแก้ว ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากชาวโปรตุเกตที่เข้ามาค้าขาย โดยคำว่า Vidro มาจากภาษาโปรตุกีสแปลว่า “แก้ว” นั่นเองครับ ซึ่งทางช่างทำเครื่องแก้วของจังหวัดนางาซากิก็มีการพัฒนา ถ่ายทอดความรู้กันสืบต่อมา ทำให้เครื่องแก้วเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยู่คู่กับจังหวัดนางาซากิ
และใน Unzen Vidro Museum แห่งนี้ เราก็จะได้ชมเครื่องแก้วทั้งที่ช่างทำเครื่องแก้วในจังหวัดนางาซากิสร้างสรรค์ขึ้น ไปจนถึงเครื่องแก้วเก่าล้ำค่าที่เดินทางมาจากตะวันตกผ่านการค้าขาย หรือเป็นของใช้ส่วนตัวของพ่อค้า ทูตที่เดินทางมายังนางาซากิในอดีต ที่ได้รับบริจาคมาให้เราได้เข้ามาชม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม แต่ไม่แพงครับ
พิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้เราถ่ายรูปโซนในจัดแสดง ดังนั้นจึงมีแค่รูปด้านนอกกับตัวอาคารครับ แต่โซนจัดแสดงข้างในมีเครื่องแก้วสวย ๆ หลากหลายแบบมากมายจริง ๆ ทั้งแจกัน ชาม แก้วน้ำ ขวดน้ำหอม ไปจนถึงงานศิลปะอื่น ๆ และเครื่องเคลือบลายคราม ของขึ้นชื่อจากเมือง Arita ของจังหวัด Saga ที่อยู่ไม่ไกลกัน ชมเพลิน ๆ จนเผลอแปบเดียวก็มาถึงทางออกแล้ว นอกจากนี้ยังมีโซนขายของที่ระลึก ซึ่งก็เป็นแก้วหลากสีสัน เอามาทำเป็นของต่าง ๆ ของหลาย ๆ ชิ้นเป็นของทำมือที่ช่างในท้องถิ่นผลิตขึ้น และหากใครมีเวลาและสนใจ เขาก็มีกิจกรรมสอนเป่าแก้ว ให้เราได้สร้างเครื่องแก้วของตัวเองด้วยครับ
พิกัด: Unzen Vidro Museum https://g.co/kgs/uQKqR3 เปิดทำการ 9:30 – 17:00 น. (หยุดทุกวันพุธ)
ชมวิวสวยงามสุดสายตา ที่ Nita Pass
ในสองวันที่พักอยู่ที่นี่ เราก็ไม่พลาดที่จะไปชมวิวที่ช่องเขานิตะ (Nita Pass) อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ ที่ทำให้เราได้เห็นวิวรอบแหลมชิมาบาระ พร้อม ๆ กับวิวทิวทัศน์ภูเขาและธรรมชาติ แต่การจะขึ้นไปจุดชมวิวได้นั้นต้องนั่งรถไปครับ เราจะเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ Unzen-Amakusa National Park และอุทยานแห่งนี้ ถือเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นด้วยครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1934 ตั้งตามชื่อภูเขาอุนเซ็น ภูเขาไฟที่อยู่กลางแหลมชิมาบาระ ที่มีพืชพรรณและสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ ก่อนที่ต่อมาในปี 1956 จะมีการเพิ่มส่วน Amakusa ที่มาจากหมู่เกาะ Amakusa ที่อยู่ใกล้ ๆ กับแหลมชิมาบาระ เข้าไปในชื่ออุทยาน เพราะหมู่เกาะเหล่านั้นมีความสมบูรณ์ทางทะเลอย่างมาก จึงรวมกันเป็น Unzen-Amakusa National Park มาตั้งแต่นั้น แต่ในทริปนี้เราจะอยู่แค่ในส่วน Unzen ครับ
เมื่อจ่ายค่าเข้าอุทยานเรียบร้อย (ค่าเข้าอุทยานนับเป็นคันรถ ไม่นับเป็นคน เช่น ในรถมี 7 คนก็คิดแค่รถคันเดียว ทำให้ค่าเข้าอุทยานถูกมาก) ก็ขับรถมาตามทาง จะเจอกับจุดชมวิวที่ให้เราเห็นภูเขาต่าง ๆ ที่บางลูกยังไม่มอด และยังมีทางลาวาจากการที่เคยปะทุเมื่อปี 1990 และ 1995 เมื่อขับรถต่อมาจะเป็น Unzen Ropeway เป็นรถกระเช้าที่จะพาเราไต่ความสูงขึ้นไปบนจุดชมวิวสูงสุด เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1957 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และใครที่พักโรงแรมใน Unzen Onsen โรงแรมจะมีบัตรส่วนลดให้ด้วยถ้ามาเป็นกลุ่ม
ถ้าใครที่มาช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะวิวที่ย้อมไปด้วยสีส้ม สีแดง แซมด้วยสีเขียวของต้นไม้นานาพันธุ์ เป็นหนึ่งในสิบสถานที่ชมใบไม่เปลี่ยนสียอดนิยมของเกาะคิวชูด้วยครับ ส่วนเรามาเร็วไปหน่อย เลยยังเห็นแค่เริ่ม ๆ เปลี่ยนสีเท่านั้น แต่วิวที่นี่เขาบอกว่าสวยทุกฤดู มาชมได้ทุกฤดูครับ เพราะการได้เห็นวิวธรรมชาติกว้างใหญ่ก็เป็นอะไรที่ดีต่อใจสุด ๆ
พิกัด: Unzen Ropeway https://maps.app.goo.gl/H23RbKEgKwbxH6W67 ช่วงเวลาการเปิดให้บริการจะต่างกันตามฤดู และอาจไม่เปิดบริการหากสภาพอากาศไม่ดี
และนี่คือการพักผ่อนใน Unzen Onsen 2 วันของเรา เห็นเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ แต่นอกจากออนเซ็นแล้ว ยังมีสถานที่ วัฒนธรรม ของกินน่าสนใจมากมายทีเดียว และนี่ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ เพราะเรายังไม่มีเวลาแวะกินร้านอาหารท้องถิ่น หรือถ้าใครที่ชอบตีกอล์ฟ ที่นี่มีสนามกอล์ฟแห่งแรกของญี่ปุ่นด้วย ทำให้เผลอแปบเดียว 2 วันของเราก็จบลงอย่างรวดเร็ว และได้เวลาบอกลาเมืองแห่งนี้
สำหรับตอนหน้า เราจะพาไปชมเมืองชิมาบาระครับ แม้เราจะเคยไปเยือนและนำมาเขียนบทความ 1 day trip เมื่อนานมาแล้ว หลังยุคโควิดมาจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างเราจะพาไปชมครับ