ย่านพร้อมพงษ์ถือเป็นอีกหนึ่งย่านที่เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินมาก เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหารต่าง ๆ จากหลากหลายเชื้อชาติตั้งอยู่ในละแวกนี้ แค่ลงจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์แล้วเดินมาอีกนิดก็จะเจอซอยที่เต็มด้วยร้านอาหารมากมาย และหลายร้านก็เป็นร้านดัง ที่เพิ่งเปิดมาไม่กี่ปี ไปจนถึงร้านระดับตำนานที่เปิดมานานหลายสิบปีแล้ว และร้าน Bella Napoli ที่ MenDetails พาทุกท่านมารู้จักในวันนี้ จัดอยู่ในอย่างหลัง เพราะถือเป็นอีกหนึ่งร้าน “ตำนาน” ของย่านพร้อมพงษ์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องพิซซ่าอย่างยิ่ง โดยได้ชื่อว่าเป็นพิซซ่าอบเตาฟืนร้านแรกในกรุงเทพฯ เลยทีเดียว
พิซซ่าอบเตาฟืนนั้นมีความพิเศษอย่างไร และอะไรทำให้ร้านนี้เป็นร้านระดับตำนานที่ครองใจใครหลายคนมานานนับสิบปี วันนี้เรามาหาคำตอบด้วยตัวเองแล้ว และขอนำมาบอกต่อ เผื่อใครกำลังมองหาร้านพิซซ่าสไตล์อิตาเลี่ยนแท้ บรรยากาศอบอุ่น สำหรับมื้อพิเศษกับครอบครัว เพื่อน และคนรู้ใจครับ
เรื่องราวของพิซซ่ากับเตาฟืนจากโบราณกาล
พูดถึงอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็ต้องเป็นพิซซ่า แต่ไม่ใช่พิซซ่าเตาอบธรรมดา ๆ เพราะมันใช้ เตาฟืน ในการอบครับ ซึ่งการใช้เตาฟืนอบพิซซ่า หรืออาหารที่คล้ายพิซซ่าเนี่ย มันสามารถย้อนกลับไปได้ไกลจนถึงยุคโบราณเลยครับ ยุคก่อนที่มนุษย์จะเริ่มมีการจดบันทึกประวัติศาสตร์เสียอีก
ในยุคนั้นมนุษย์มีการสร้างเตาอบขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อใช้ในการอบขนมปัง หรืออาหารที่ทำจากแป้งที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน โดยเตาอบโบราณนี้มีการขุดค้นพบตามโบราณสถานในยุโรป ทั้งอิตาลี ฝรั่งเศส กรีซ ทำให้รู้ว่ามนุษย์มีการใช้ฟืนในการอบอาหารมานาน เตาอบที่พบบางแห่งมีอายุย้อนกลับไปไกลถึง 7000 ปีด้วยซ้ำ ซึ่งการใช้เตาฟืนนี้ ทำให้อาหารสุกไว อบอาหารได้เร็ว มีกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์ และสารอาหารของวัตถุดิบยังคงอยู่ เพราะเจอความร้อนไม่นาน
การใช้เตาฟืนอบอาหารจึงเป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อกันมาจนถึงในปัจจุบัน โดยเฉพาะในอิตาลีที่ใช้อบอาหารที่ลักษณะคล้ายกับพิซซ่าในปัจจุบัน ก่อนที่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 พิซซ่าแบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนี้ถือกำเนิดขึ้นที่เมือง Naples หรือ Napoli ทำให้เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองต้นกำเนิดพิซซ่า และพอเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ก็มีเตาอบไฟฟ้าให้เราได้ใช้งาน แต่เสน่ห์ของการใช้เตาฟืนอบอาหารก็ยังคงไม่จางหายไป
และนั่นจึงเป็นที่มาของการมาเยือนร้าน Bella Napoli ของเรา ที่ได้ชื่อว่าเป็นร้านพิซซ่าอบเตาฟืนร้านแรกของกรุงเทพฯ เพราะย้อนกลับไปสมัย 20 ปีที่แล้ว ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ทำพิซซ่าแบบอิตาลีจริง ๆ ยังมีไม่เยอะนัก และร้านที่ใช้เตาฟืนนั้นไม่มีเลยในกรุงเทพฯ เป็นที่มาของร้านที่อยากนำความเป็นต้นฉบับของการอบด้วยเตาฟืนมาสู่กรุงเทพฯ และร้านเลือกเอาชื่อเมือง Napoli ที่ขึ้นชื่อเรื่องพิซซ่ามาตั้งเป็นชื่อร้าน เพื่อบ่งบอกว่าพิซซ่าที่นี่เป็นสไตล์ต้นตำรับจริง ๆ นะ
Bella Napoli ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งซอยสุขุมวิท 31
Bella Napoli เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่ในซอยสุขุมวิท 31 เพราะเปิดมานานตั้งแต่ปี 2001 จนถึงตอนนี้ที่เขียน (2021) ก็เป็นเวลา 20 ปีพอดี กลายเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนในตำนานของย่านพร้อมพงษ์
การเดินทางมาร้านนี้ในปัจจุบันทำได้ไม่ยาก เพราะเรามีรถไฟฟ้า BTS เพียงนั่งมาลงสถานีพร้อมพงษ์ แล้วเดินจากสถานีมาไม่ไกล จะเจอซอยสุขุมวิท 31 เลี้ยวเข้าซอยไปร้านจะอยู่ข้างในซอยไม่ลึก เราจะเห็นป้ายร้านชัดเจน ยิ่งถ้ามีตอนเย็น หรือค่ำ จะเปิดไฟสวย ๆ ให้เห็นชื่อร้านเลยครับ
ส่วนบรรยากาศในตัวร้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่น ด้วยโทนสีกับการแต่งร้าน มีกลิ่นอายความเก่านิด ๆ บนผนังจะเห็นบทความรีวิวร้านจากหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ประดับอยู่ การันตีความเป็นตำนานของร้าน และเราจะเห็นเตาอบพิซซ่าอยู่มุมหนึ่งของร้านด้วย
พิซซ่าอบเตาฟืน ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด
มาถึงนี่ไม่สั่งพิซซ่าก็คงไม่ได้ เมนูของร้านมีหน้าพิซซ่าให้เลือกมากมาย และในครั้งนี้เราสั่งหนึ่งใน Signature มา นั่นคือ Pizza Venice a brigde (440.-) เป็นพิซซ่าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสะพานข้ามคลองใน Venice นครแห่งสายน้ำของอิตาลี หน้าพิซซ่าเป็นซอสมะเขือเทศ ชีส Ricotta กับ Mozzarella ใส่ผัก rocket กับ Parma ham ลงไป การจัดหน้าพิซซ่าจะทำให้คล้ายกับสายน้ำในคลองของ Venice มีจุดเด่นคือ สะพานที่ทำจาก Parma ham ดูอลังการมาก หนึ่งถาดมี 8 ชิ้นใหญ่ ๆ เหมาะกับการแบ่งกันกินหากมากัน 2 – 3 คนขึ้นไป
พิซซ่าที่นี่ทำถาดต่อถาด พอสั่งปุ๊บ ก็จะเริ่มทำตั้งแต่การควงแป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ ทาซอส ใส่เครื่องต่าง ๆ แล้วนำไปอบในเตาฟืน ด้วยความร้อนของเตาฟืนทำให้พิซซ่าใช้เวลาอบไม่นานนัก รอไม่นานพิซซ่าก็มาเสิร์ฟล่ะครับ
พิซซ่าที่นี่จะเป็นสไตล์อิตาเลี่ยน หลายคนที่คุ้นกับพิซซ่าสไตล์อเมริกันกินแล้วอาจจะไม่คุ้น Texture นัก เพราะพิซซ่าแบบอิตาเลียน ตัวแป้งจะมีความบางกว่ามาก และมีความกรอบ กับกลิ่นหอมพิเศษจากการอบด้วยเตาฟืน ส่วนรสชาติของพิซซ่า Venice ถาดนี้ ไม่ใช่พิซซ่าที่รสจัด ตัวซอส ตัวชีส จะมีความนวล มีความเค็มของ Parma ham เสริมมาหน่อย เป็นหน้าที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่หวือหวามากนัก ที่สำคัญพิซซ่าแบบนี้เวลามาเสิร์ฟไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะแป้งจะเริ่มเหนียวขึ้นเมื่อหายร้อน ทำให้ความอร่อยลดลงไปมาก
พาสต้าอบหม้อดิน อีกหนึ่งทีเด็ด
พูดถึงพิซซ่าไปแล้ว ก็ขอต่อด้วยอีกหนึ่งทีเด็ดของร้านนี้ นั่นคือ พาสต้า ครับ เพราะร้านนี้เวลาที่เราสั่งพาสต้า ไม่ว่าจะเป็นพาสต้าอะไรก็ตาม เขาจะเอาใส่ในหม้อดิน เอาแป้งพิซซ่าปิด แล้วเอาไปอบอีกที เวลามาเสิร์ฟก็มาทั้งแป้งที่ปิดหน้า เปิดให้เราเห็นบนโต๊ะ ได้กลิ่นหอมของพาสต้าพุ่งออกมา เรียกว่าอันนี้เป็น gimmick ของร้านจะดีกว่า เพราะในอิตาลีเองก็ไม่ได้มีการเสิร์ฟพาสต้าลักษณะนี้เป็นเรื่องเป็นราวนัก
แม้จะมีพาสต้าหลายอย่างที่อยากลอง แต่เราเลือกเป็น Spaghetti Vongole (320.-) หรือ หอยตลับนั่นเองครับ โดยเลือกเป็นซอสมะเขือเทศ (หากไม่ชอบ สามารถเปลี่ยนเป็นไวน์ขาว หรือน้ำมันมะกอกแทนได้)
พาสต้าที่นี่ลวกแบบ Al Dante ระดับความสุกที่ชาวอิตาเลี่ยนนิยมกินกัน ไม่ได้ลวกจนนิ่มแบบที่หลายคนชอบกิน ทำให้เส้นยังมีความหนึบอยู่เล็กน้อย เวลากัด เวลาเคี้ยวจะมีความเด้ง ๆ สู้ฟันอยู่สักนิด ตัวหอยตลับก็ให้มาเยอะมาก ส่วนรสชาติของซอสมะเขือเทศที่ผัดกับเส้น ไม่ได้มีรสที่จัดมากนัก มีความเปรี้ยวกับเค็มเบา ๆ กินได้เรื่อย ๆ
อ้อ! แป้งที่เขาใช้ปิดหม้อดินมา ก็สามารถฉีกกินได้นะครับ สามารถกินกับเส้นพาสต้าได้เลย หรือเวลาที่กินพาสต้าหมดแล้ว จะเอาแป้งเช็ดซอสในหม้อดินแล้วกินเล่นปิดท้ายก็ไม่ผิดกติกา
เมนูอื่น ๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
ไม่ใช่แค่อาหาร 2 อย่างที่กล่าวมาเท่านั้นที่เด็ด เพราะ Bella Napoli ยังมีเมนูอาหารอิตาเลี่ยนอื่น ๆ ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย ยันอาหารหนักแบบ Main course ไปจนถึงถึงขนมหวาน เรียกได้ว่ามาถึงนี่ กินได้ครบคอร์ส
ส่วนตัวเรามีโอกาสได้ลองบางเมนู อย่างอาหารเรียกน้ำย่อย จานเนื้อ Cold cut Mixed Salami (250.-) ประกอบด้วย Coppa, Parma ham และ Salami ส่วนสลัดเราเลือก Caprese Salad (330.-) สลัดแบบเรียบง่ายสไตล์อิตาเลี่ยน ราดน้ำมันมะกอกนิด ๆ กินแล้วได้ความสดชื่นจากมะเขือเทศสด
แต่ที่เราถูกใจ และขอพูดถึงอีกสักนิด คือ Sea Food Soup (350.-) ครับ เป็นซุปมะเขือเทศชามโต มีขนมปังกรอบ 2 ชิ้น และ Sea Food อีกมากมายเต็มชาม ทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอย รสชาติของซุปมะเขือเทศไม่ได้เปรี้ยวเกินไป กลมกล่อมกำลังดี กินเพลิน ๆ ระหว่างรอพิซซ่ากับพาสต้ากำลังอบได้ดีทีเดียวครับ
ปิดท้ายด้วยของหวานที่เราเลือกสั่ง Tiramisu (150.-) ที่ทางร้านทำเอง ชิ้นขนาดกำลังดี กินล้างปากปิดท้ายได้ดีครับ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เมนูอื่น ๆ ที่น่าสนใจยังมีอีกมากมายครับ แต่เราอยากให้ทุกท่านไปแล้วเลือกสั่งของที่ชอบด้วยตัวเองเสียมากกว่า เพราะสิบปากว่าก็ไม่ตาเห็น หรือในที่นี้คือ ได้มากินเอง
ส่วนตัวแล้วอาหารของ Bella Napoli มาในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ทั้งซุป พาสต้า พิซซ่า เทียบราคาแล้วถือว่าเหมาะสมกันดีครับ อาหารรสไม่ได้จัดจ้านมาก กินได้เรื่อย ๆ สำหรับใครที่อยากมาพิสูจน์ความเป็นตำนานของร้านนี้ ไม่ว่าจะคนเดียว หรือกับเพื่อน ครอบครัว คนรู้ใจ สามารถมาได้ทั้งเวลากลางวันและตอนเย็น เพราะร้านเปิดตั้งแต่ 11.30 น. – 23.30 น. (แต่ในช่วงนี้สถานการณ์โควิดเวลาเปิด – ปิดตามมาตรการควบคุมโรค) หน้าร้านพอจอดรถได้บ้าง แต่ถ้าใครมา BTS พร้อมพงษ์ แล้วเดินมาอาจจะสะดวกกว่าครับ