“สไตล์ใครก็สไตล์มัน” อาจเป็นคำพูดที่เราคุ้นเคย และเป็นการบอกกล่าวเพื่อแสดงออกถึงแนวทางที่ “เป็นตัวของตัวเอง” ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบใคร และไม่จำเป็นต้องตามใคร จะพอใจที่จะแต่งกายอย่างไรก็ได้หากไปไม่หนักหัวใคร และถึงแม้ MenDetails จะเห็นด้วยที่ผู้ชายทุกคนควรที่จะมีสไตล์เป็นของตัวเองตามแนวทาง “สไตล์ใครสไตล์มัน” แต่เราเองก็เชื่อว่าความคิดดังกล่าวควรจะมี Limit หรือ “ข้อจำกัด” อยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพื่อที่จะไม่ให้เราตามใจตัวเองจน “เลยเถิด” กลายเป็นการแต่งกายที่กระทบต่อบุคลิกภาพของตัวเองในสายตาของคนอื่นไปอย่างน่าเสียดาย วันนี้เราจึงขอพูดถึงความเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆ ในเรื่องสไตล์การแต่งกายที่ผู้ชายไทยยุค 2018 ควรทำความเข้าใจกันใหม่ เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นครับ
เข้ารูป ก็คือรัดรูปนั่นแหละ
กางเกงทรงรัดรูปหรือ Skinny Jeans ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์หรือกางเกงทำงานอย่างสแล็คและ Dress pants ถือเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา แต่มาถึงปี 2018 MenDetails ต้องขอออกความเห็นว่าเสน่ห์ของ Skinny Jeans ที่รัดรูปเข้ากับขาของเราแบบแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันนั้น กำลังค่อยๆลดลงเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง ภาพของผู้ชายที่จะใส่เสื้อผ้าที่รัดติ้วเข้ากับร่างกายจะค่อยๆหายไป คงเหลือไว้แต่การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ “เข้ารูป” แบบกำลังพอดี ค่อนไปทาง Relax Fit ด้วยซ้ำไปในบางคราว ดังนั้นเมื่อได้ยินคำว่า “แต่งกายเข้ารูป” ก็อย่าได้เข้าใจผิดว่าหมายถึงแต่งตัวแบบ “รัดรูป” นะครับ แต่ควรนึกถึงการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่พอดีตัวมากพอให้เห็นสัดส่วนจริงของร่างกาย แต่ไม่มากเกินไปจนรัดตัวนะครับ
การแต่งกายที่ “รัดรูป” มากเกินไป อาจไม่ใช่แนวทางที่จะได้รับความนิยมอีกต่อไปแล้วในยุคนี้ครับ
เปลี่ยนมาลองใส่เสื้อผ้าที่มีพื้นที่ว่างให้หายใจ แต่ไม่ได้ใหญ่เกินไป อาจทำให้เรามองเห็นสไตล์ของตัวเองได้กว้างขึ้นครับ
สูทสีดำดีที่สุด
เราเชื่อว่าถ้าหากย้อนหลังกลับไปประมาณ 5-10 ปีที่แล้ว ที่ผู้ชายไทยส่วนใหญ่น้อยคนนักที่จะเห็นความสำคัญของ “ชุดสูท” คำถามที่มักจะเจอกันบ่อยที่สุดก็คือ “จะตัดสูทสีอะไรดี?” และคำตอบที่มักจะได้รับก็คือ “สีดำ” เป็นหลัก แต่มาในปี 2018 ที่เราเริ่มเห็นผู้ชายไทยใส่ชุดสูทกันมากขึ้น อย่างน้อยก็คือการไปร่วมงานแต่งงานที่ดูจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุดงานหนึ่งในการใส่สูท นั่นจึงทำให้การใส่ “สูทสีดำ” ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นักกับงานมงคลเช่นนี้ ดังนั้นผู้ชายไทยยุค 2018 ควรทำความเข้าใจกันใหม่ว่า “สูทสีดำไม่ใช่คำตอบของทุกคำถามเรื่องความสุภาพอีกต่อไป” ทางที่ดีให้ตัดสินใจตัดสูทสีน้ำเงินเข้มกรมท่า หรือสีเทาเข้มชาร์โคล จะใช้งานได้หลากหลายและเหมาะสมมากกว่าสูทสีดำแน่นอนครับ ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มเติมได้จากบทความที่ทีมงาน MenDetails เคยเขียนไว้ตาม Link นี้ได้นะครับ
สูทสีน้ำเงินเข้ม หรือสีกรมท่า เหมาะสมกับงานแต่งงาน และใช้งานได้หลากหลายกว่าสูทสีดำ
สูทสีเทาจาก Sartisan โดย The Decorum ที่ดูสุภาพ แต่สดใสกว่าสูทสีดำธรรมดาๆ
เมืองไทยร้อนเกินไปที่จะ “แต่งตัว”
อากาศที่ร้อนจัดของเมืองไทย อาจเป็นข้อถกเถียงหลักข้อหนึ่งของผู้ชายที่ “ไม่เห็นด้วย” กับการต้องแต่งกายเพิ่มขึ้นเพื่อให้แลดูสุภาพมากขึ้นตามหลักสากล ซึ่งในความเป็นจริงนั้น เหตุผลดังกล่าวมีส่วนถูกอยู่ครึ่งเดียว เพราะจริงอยู่ที่อากาศที่ร้อนจัดของประเทศไทยอาจทำให้การแต่งกายของผู้ชายถูกจำกัดด้วยเสื้อผ้าที่น้อยชิ้นกว่า แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการเลือกใช้เสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศ ยกตัวอย่างเช่น เสื้อแจ็กเก็ตสูท หรือเบลเซอร์ ที่เรามักคุ้นเคยกับเสื้อสูทหนาๆ ใส่แล้วร้อนอบอ้าว โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าความจริงยังมีเสื้อสูทหรือเบลเซอร์ที่ทำจากเนื้อผ้าบางเบา ใส่ง่ายและใส่สบายท่ามกลางอากาศร้อน แทบไม่แตกต่างจากการใส่เสื้อเชิ้ตปกติ นั่นหมายความว่าผู้ชายที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้มากกว่า ย่อมสามารถแต่งกายได้เหมาะสมกว่า โดยไม่จำเป็นต้องมีข้ออ้างว่า “เมืองไทยร้อนเกินไป” แต่อย่างใด ดังนั้นเริ่มเรียนรู้เรื่องประเภทของเสื้อผ้าให้มากขึ้น แล้วเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอากาศร้อนๆ ของเมืองไทย จะทำให้คุณพัฒนาการแต่งกายของตัวเองได้มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอนครับ
เสื้อ Teba Jacket ที่บางและเบาราวกับเสื้อเชิ้ตปกติแต่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตกึ่งเบลเซอร์ที่ช่วยให้ผู้ชายแต่งกายได้ Smart มากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้อง “ทนร้อน” มากกว่าเดิมแต่อย่างใด
เสื้อเบลเซอร์ทำจากผ้า Hopsack ของคุณ Simon Crompton ที่บางและเบาราวกับผ้าซีทรู เหมาะกับเมืองร้อนอย่างบ้านเราอย่างยิ่ง เพียงแค่ผู้ชายไทยอาจยังไม่รู้ว่ามีเสื้อแบบนี้อยู่เท่านั้นเอง
เกิดเป็นผู้ชาย อย่าไปใส่ใจอะไรมากเรื่องการแต่งกาย
เพราะเราไม่ใช่มนุษย์ที่อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ การเป็นผู้ชายที่อาศัยอยู่ในสังคมเมืองและต้องมีการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นอยู่เสมอ สิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งก็คือบุคลิกภาพและการแต่งกายของเรา หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่อง “เปลือกนอก” แต่ความเป็นเปลือกของมันก็ไม่ได้หมายความว่ามัน “ไม่สำคัญเลย” แต่อย่างใด ผู้ชายอีกเป็นจำนวนไม่น้อยเลือกที่ “หนีปัญหา” ด้วยการหลีกเลี่ยงสถานที่หรืองานที่ต้องการการแต่งกายที่เพิ่มขึ้นและดีขึ้นกว่าในระดับที่พวกเขาคุ้นเคย ความเคยชินกับการแต่งตัวง่ายๆ สบายๆ จึงแปรเปลี่ยนกลายเป็นเสาที่พวกเขายึดไว้แบบไม่ยอมปล่อย กลับกันหากคุณเป็นผู้ชายที่ปรับตัวเป็นและ “เข้าใจ” ในเรื่องเหล่านี้ การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องการแต่งกายที่ตัวเองไม่คุ้นเคย กลับจะช่วยทำให้คุณเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นอีกหนึ่งระดับ สร้างความได้เปรียบและได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าแบบที่คุณเองอาจจะคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำไป ดังนั้นเลิกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชายชาตรีอย่าได้แคร์เรื่องการแต่งกาย อยากจะใส่อะไรก็ใส่ได้โดยไม่ต้องสนใจใครก็จะเป็นการดีกว่านะครับ
และทั้งหมดนั้นคือ 4 ข้อที่ MenDetails เชื่อว่ายังมีผู้ชายไทยอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่อาจจะกำลัง “เข้าใจผิด” เราหวังบทความนี้จะช่วยปรับความคิดให้คุณมองสไตล์การแต่งกาย และการพัฒนาบุคลิกภาพของตัวเองในแง่มุมที่กว้างขึ้น และลึกขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อการพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ชายที่เจ๋งขึ้นและดีขึ้นกว่าเดิมนั่นแหละครับ MenDetails ขอให้สนุกกับการแต่งกายในสไตล์ของตัวเองกันทุกคนนะครับผม