เวลานี้สาวกคอกาแฟทั้งหลายอาจจะกำลังตั้งหน้าตั้งตารอเทศกาล Thailand Coffee Fest 2019 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า แต่ก่อนที่เราจะไปสัมผัสกับความหอมกรุ่นเกินห้ามใจของเมล็ดกาแฟที่ชวนหลงใหล วันนี้เราจะพาทุกคนที่ชื่นชอบในการไปฮอปปิ้ง มาเตรียมความพร้อมกับเมนูใหม่ “สูตรลับเฉพาะก่อนใคร” เพราะกาแฟสูตรพิเศษของแต่ละร้านนั้นได้ใส่ความครีเอทและถูกสรรสร้างในแบบฉบับของตัวเอง เป็นเมนูประจำร้านที่ไม่สามารถหาทานที่ไหนได้เลย เอาเป็นว่าไม่ต้องเชื่อคำพูดของเรา ไปดูกันเองเลยดีกว่า ว่าแต่ละร้านจะมีความพิเศษมากมายขนาดไหน
Factory Coffee – Bangkok
เนื่องจากต้องการให้คนที่ไม่เคยดื่มกาแฟลองเปิดใและเข้าใจรสชาติของกาแฟแบบง่ายๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น รสชาติของกาแฟมีทั้งรสหวาน เปรี้ยว และอีกหลากรสที่เราไม่สามารถจำกัดความได้ เพราะ ฉะนั้นจึงกลายเป็นเมนู Creamy Lemon เมนูสุดเจ๋ง ที่นำกาแฟมารวมกับฟองนุ่มเนียนถูกรินลงไปบนน้ำแข็งก้อนกลมใสในแก้วค็อกเทล ก่อนที่ฟองจะกลืนก้อนน้ำแข็งจนกลายเป็นเนื้อเดียวในที่สุด ก่อนปิดท้ายด้วยการบิดผิวเลมอนให้ละอองน้ำมันหอมระเหยพรมจนทั่วด้านบนสุดของฟอง และถูเปลือกเลมอนกับขอบแก้ว
เพราะกาแฟเป็นผลไม้รสเปรี้ยวจึงมีความเป็นกรดอยู่บ้าง แต่ทางร้านทำให้ดื่มง่ายเพื่อให้คนดื่มรู้สึกคุ้นเคย จึงเลือกใช้กาแฟเอสเพรสโซ่สกัดช็อตเป็นส่วนผสมหลัก แล้วนำมาผสมกับพีช และขิง ให้กลิ่นและรสเผ็ดซ่าอ่อนๆ เพียงเพราะอยากให้ความรู้สึกดื่มง่ายเหมือนสัมผัสที่ดื่มกาแฟนม แต่ไม่ใช้นมเลยสักหยด ความหอมหวานของพีชจะเชื่อมรสชาติของกาแฟทั้งแก้วให้เข้ากัน ใส่ขิงเพื่อความซับซ้อน ก่อนจะปิดด้วยกลิ่นเปรี้ยวสดชื่นของเลมอน ที่จะทำให้คุณวางแก้วนี้ไม่ลงเลยเชียวล่ะ
93 ARMY Coffee
ร้านคาเฟ่ขนาดเล็กกระทัดรัด ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟ เพียงแค่คุณเปิดประตูเข้าไปนอกจากจะมีกลิ่นกาแฟแล้ว คุณก็จะได้พบกับดีไซน์สุดเท่ของร้าน เพราะที่นี่ถูกตกแต่งให้เป็นฐานทัพของทหาร นั่นเป้นเพราะว่า คุณ ลิช – ชไมพร เจริญสมบัติ เจ้าของร้านแห่งนี้ เธอเป็นหลานของทหารในกองพล 93 หน่วยทหารจากจีนใหญ่ของพรรคก๊กมินตั๋ง ที่ได้ร่วมกับทางการไทยเพื่อนทำการต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์เมื่อในอดีต จากนั้นเธอจึงได้นำความเท่ของทหารและความเข้มของกาแฟมารวมกันจนกลายเป็น 93 ARMY Coffee ในทุกวันนี้
Mocha Brew เมนูใหม่ล่าสุดที่ทางร้านได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อเหล่าคอกาแฟทั้งหลาย เมนูนี้มีส่วนผสมหลักเป็นกาแฟจากดอยผาตั้ง อย่างมอคค่าที่ผสมผสานกับช็อคโกแลต จาก Chocolasia แบรนด์ช็อกโกแลตสัญชาติไทยแท้ ด้วยการสกัดเย็นฝ่านกระบวนการ Coffee Coldbrew และ Cocoa Nibs Coldbrew หรือการสกัดเย็นข้ามคืน จากนั้นก็รวมส่วนผสมเข้าด้วยกัน แล้วโปะด้านบนด้วยครีมชีส พร้อมโรยด้านบนด้วยโกโก้นิบส์ ผงโกโก้ และมัทฉะอย่างดีเพื่อคุมโทนสีเขียวน้ำตาลเพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นอาร์มีอย่างแท้จริง
BlueKoff
หากคำนึงถึงเรื่องของความใส่ใจและความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร เราขอยกให้ร้าน BlueKoff ที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้ลองคิด ลองเทส และลองทำ เมนูพิเศษต่างๆ ขึ้นมา โดยความจริงแล้ว ที่นี่อาจจะเรียกคาเฟ่ได้ไม่เต็มปากมากนัก แท้ที่จริงแล้ว BlueKoff เป็นผู้จำหน่ายซื้อค้าทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านกาแฟ รวมไปถึงเมล็ดกาแฟที่มีลูกค้าเป็นร้านคาเฟ่มากมาย เมื่อเข้าไปด้านในของร้าน ความคิดแรกคุณอาจจะรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในห้องทดลอง เพราะที่นี่เป็นที่ทดลองการใช้เครื่อง อุปกรณ์ และเป็นพื้นที่ทดลองทำเมนูใหม่ๆ ให้ลูกค้าที่มาร้านได้พูดคุยและสอบถามเกี่ยวกับเมนูได้อย่างสนุกสนาน
โดยซิกเนเจอร์ของร้านนี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 เมนูด้วยกันความพิเศษของแมนูแรกอย่าง The Signature no.5 เป็นเมนู Signature Drink ที่ BlueKoff ใช้ในการแข่งขัน Thailand Barista Championship ปี 2018 แถมยังเป็นเมนูที่คว้ารางวัลอันดับที่ 5 มาครอบครอง แต่หลังจากการแข่งขันเมนูนี้ก็ยังไม่เคยมีใครเคยได้ชิม ซึ่ง The Signature no.5 จะมีกลิ่นของดอกไม้ ผลไม้ และมีความหอมหวาน เป็นส่วนผสมหลัก และส่วนผสมที่เซอร์ไพรส์ของเมนูนี้ก็คือ ซอสมะม่วงน้ำดอกไม้สกัดเข้มข้น บวกกับชาดอกหมอหมื่นลี้ออร์แกนิค ทำให้เมนูนี้หน้าแปลกตา แปลกใจมากเลยทีเดียว
พักดื่มกาแฟแล้วมาสนุกกันต่อกับ Cascara Croissant ครัวซองค์ไข่เค็มสุดพิเศษ ด้วยตัวแป้งของครัวซองต์มีส่วนผสมของคาสคารา หรือเปลือกหุ้มเชอร์รี่กาแฟ ที่ในกระบวนการทำกาแฟนั้นจะต้องทิ้งเปลือกกาแฟจำนวนมหาศาล แต่ทางร้านเลือกที่จะนำมาใช้ประโยชน์ ด้วยการนำมาเป็นหนึ่งในส่วนผสมของแป้ง เพื่อเพิ่ม texture ให้กับตัวขนมปัง จนกลายมาเป็น ครัวซองต์รสอร่อยที่แป้งนุ่มหนึบ ไส้ไข่เค็มลาวาไหลเยิ้ม รับรองเลยว่าหากสาวกฮปเปอร์ไดิม รับรองหยุดไม่อยู่จนต้องต่อชิ้นที่สอง สาม สี่ อย่างแน่นอน
เมนูสุดท้าย Valen Pray เครื่องดื่มสุดพิเศษที่ประกอบด้วย ซอสเบอร์รี่ผสมสตรอว์เบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และแครนเบอร์รี่ผสมกัน กับพรีเมียมช็อกโกแลตที่ผสมจาก 4 แหล่งปลูกเพื่อให้ได้รสของช็อกโกแลตที่เข้ากับเบอร์รี่ คือตาฮิติ เวเนซุเอลา แทนซาเนีย และไอวอรีโคสต์ ซึ่งแต่ละแหล่งจะให้โทนของรสชาติไม่เหมือนกัน แต่รสชาติที่โดดเด่นก็จะเป็น ตาฮิติ จะมีโทนเป็นเบอร์รี่และมีความเป็นไวน์ วิธีการดื่มคือหยิบบลูเบอร์รี่ที่ดิปกับซอสช็อกโกแลตทานก่อน จากนั้นจุ่มก้านโรสแมรี่ลงในแก้ว แล้วใช้ช้อนคนโดยหมุนตามเข็มนาฬิกา 10 ครั้ง แล้วทวนเข็มนาฬิกาอีก 3 ครั้ง เมื่อดื่มเข้าไปสัมผัสแรกคือกลิ่นหอมของช็อกโกแลตกับโรสแมรี่ ก่อนที่ได้รับรสเปรี้ยวอมหวานของซอสเบอร์รี่นานาชนิด ด้วยสัมผัสที่หลากหลาย ก็ยิ่งทำให้แก้วนี้เป็นแก้วพิเศษที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง
3 ร้านที่เราพาทุกคนไปลองสัมผัสและลองชิมนั้น เป็นแค่เมนูเรียกน้ำย่อยเพียงเท่านั้น หากใครอยากลองเมนูสุดพิเศษหรือใครอยากจะตามรอยเราไปชิมเมนู Signature เหล่านี้ ก็สามารถตามลายแทงไปได้ที่งาน Thailand Coffee Fest 2019 : Sip to Start “เริ่มจิบ…ไม่รู้จบ” มหกรรมกาแฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia ระหว่างวันที่ 14 – 17 มีนาคม 2562 ณ อิมแพค เอกซิบิชั่นฮอลล์ 5 – 6 เมืองทองธานี