MenDetails มีโอกาสได้กลับไปเยือนญี่ปุ่น ในจังหวัดนางาซากิอีกครั้ง ในทริป 6 วัน 5 คืน โดยในครั้งนี้เราได้เดินทางไปเมืองอื่น ๆ นอกจากในตัวเมืองนางาซากิด้วย จึงเกิดเป็นซีรีส์ MenDetails x Nagasaki ที่เราจะพาท่านทุกท่านร่วมเดินทางไปกับเราในครั้งนี้ด้วย ว่าเราได้ไปที่ไหน และทำอะไรมาบ้าง เป็นแนวทางสำหรับใครที่อยากท่องเที่ยวญี่ปุ่น จังหวัดนางาซากิด้วยตนเองครับ สำหรับในตอนแรกนี้เราอยากพาทุกท่านไปเยือน เมือง Obama เมืองออนเซ็นเล็ก ๆ ที่เป็นเมืองทางผ่านของเราในวันแรกที่ไปถึงญี่ปุ่น ที่แม้คนไทยอาจไม่ค่อยรู้จัก แต่ก็มีเสน่ห์และความน่าสนใจไม่น้อย โดยเราสามารถนั่งแช่เท้าและชมวิวทะเลได้แบบเพลิน ๆ และลิ้มรสอาหารทะเลสด ๆ จากร้านอาหารพื้นเมือง ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งเมืองของจังหวัดนางาซากิ ที่เราอยากบอกเล่าให้ได้รู้จักกันครับ จะเป็นอย่างไร ไปดูกัน
เมือง Obama เมืองออนเซ็นเล็ก ๆ ริมทะเล กับบรรยากาศสบาย ๆ
Obama เป็นเมืองที่มีประวัติย้อนกลับไปได้ถึงปีค.ศ. 713 ปัจจุบันถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของเมืองใหญ่ชื่อ Unzen เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ติดทะเล ตั้งอยู่บริเวณตีนเขา Unzen ที่มีชื่อเสียงในการเป็นแหล่งน้ำพุร้อนของจังหวัดนางาซากิ บริเวณตัวเมืองเราจะเห็นไอร้อนของบ่อน้ำพุร้อนใต้ดินพวยพุ่งออกมา หากใครมาช่วงหน้าหนาว ก็จะเห็นไอร้อนเหล่านี้ในเมืองได้อย่างชัดเจน
ที่เมือง Obama แห่งนี้ แม้จะยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก โดยเฉพาะเหล่าทัวร์ที่เราไม่เห็นเลย ทำให้ตัวเมืองยังคงมีบรรยากาศที่ไม่วุ่นวาย แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่เป็นแหล่งพักผ่อนชั้นยอดอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง – ฤดูหนาว เพราะที่นี่เป็นเมืองออนเซ็นที่มีอุณหภูมิของน้ำพุร้อนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น และมีวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามของอ่าวทาจิบานะ ทำให้มันได้รับความนิยมจากคนในประเทศอย่างมาก รวมถึงเราเองที่ชื่นชอบในความสบาย ๆ ไม่วุ่นวายของมัน ถึงแม้ว่าการกลับมาในครั้งนี้จะมีโรงแรมใหม่ ๆ และร้านอาหาร ไปจนถึงการจัดระเบียบสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ต่างไปจากเมือง Obama ในความทรงจำยุคก่อนโควิดก็ตาม แต่ก็เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเมืองแห่งนี้กำลังค่อย ๆ เติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงจะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็ยังมีสถานที่น่าสนใจทั้งที่เที่ยวและที่กิน ไม่ว่ามาแบบ 1 Day Trip หรือจะมานอนเรียวกัง (โรงแรมญี่ปุ่น) เพื่อแช่ออนเซ็นช่วงวันหยุดก็ได้ทั้งนั้นครับ ส่วนเราในทริปนี้จะเป็นลักษณะของทางผ่าน เพราะเราจะมุ่งหน้าไปนอนบนเขา Unzen จึงแวะเที่ยวชมจุดที่เป็นไฮไลท์และกินข้าวเที่ยงที่นี่ในช่วงบ่าย แต่ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่เราจะแวะมาเสมอหากจะมุ่งหน้าไปเขา Unzen
ด้วยความที่เมือง Obama ดันไปมีชื่อเหมือนกับอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอย่าง Barack Obama ที่แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย แต่ชาวเมืองในตอนนั้นก็ถือโอกาสเอาเขามาเป็นหนึ่งในภาพมาสคอตโปรโมตเมือง เป็นภาพการ์ตูนของ Barack Obama นั่งแช่ออนเซ็นอย่างสบายใจ ในปัจจุบันภาพนี้ก็ยังพบเห็นได้อยู่ โดยเฉพาะบนผ้าเช็ดตัวที่กลายเป็นหนึ่งในของฝากจากเมืองนี้ นอกจากนี้ ก็ยังมีเมืองชื่อ Obama ในจังหวัด Fukui ของญี่ปุ่นที่ใช้วิธีโปรโมตเมืองจากชื่อที่เหมือนอดีตประธานาธิบดีคนนี้เช่นกัน
สำหรับการเดินทางก็สามารถขับรถมาจากตัวเมืองนางาซากิได้ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่สำหรับเราในทริปนี้ หลังจากเครื่องลงที่สนามบินฟุกุโอกะตอนเช้า ก็เช่ารถแล้วขับยิงยาวมาถึง Obama เลย ก็จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง (โดยใช้ทางด่วน) ครับ
แวะยืดเส้นยืดสาย กินขนมอร่อย ๆ ที่จุดพัก Nagasaki Castella Land
ก่อนที่เราจะไปถึงเมือง Obama การขับรถยิงยาวสองชั่วโมง ในประเทศที่ไม่คุ้นเคยก็ถือว่านานพอสมควร ทั้งกับคนนั่งและคนขับ ทำให้เราต้องแวะจุดพักรถเพื่อยืดเส้นยืดสายกันเสียหน่อย และเราก็เลือกแวะพักที่ Nagasaki Castella Land โรงงานทำขนมคัสเทลล่า ขนมประจำเมืองนางาซากิ ของแบรนด์ Izumiya หนึ่งในแบรนด์เจ้าดัง และในบริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิว Aino Observation Deck ให้เราได้ชมวิวสวย ๆ ของอ่าวทาจิบานะด้วย
สำหรับแบรนด์ Izumiya ก่อตั้งขึ้นในปี 1956 จุดเด่นอยู่ที่การใช้วัตถุดิบชั้นยอด โดยเฉพาะไข่ไก่ที่ใช้จากฟาร์มเลี้ยงใน Unzen ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ และยังพยายามคิดค้นขนมรสชาติใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย โดยที่ยังคงวิธีแบบดั้งเดิมในการผลิตคัสเทลล่าเอาไว้ ทำให้เราเห็นคัสเทลล่าที่มีรสชาติและหน้าตาหลากหลายมากขึ้น
จุดพักแห่งนี้นอกจากจะเป็นโรงงานทำคัสเทลล่าแล้ว ยังมีร้านขายของฝาก Ai no bellhouse ร้านขายของฝากที่มีขนมและคัสเทลล่าแบบต่าง ๆ ของแบรนด์ Izumiya มากมาย โดยเราสามารถเดินไปชมวิธีการผลิตคัสเทลล่าของโรงงานสาขานี้ได้ด้วย ตั้งแต่การเริ่มทำตัวแป้ง ไปจนถึงการบรรจุใส่ถุง หากใครอยากซื้อกลับบ้านด้วยก็ได้ แต่ต้องระวังสักนิดเพราะขนมคัสเทลล่าเก็บไว้ได้ประมาณหนึ่งเดือน เนื่องจากเป็นของสด
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านมา มีทั้งของคาว ของหวาน ของกินเล่นให้เลือกซื้อ ตัวร้านอาหารกว้าง สะอาด และพนักงานบริการสื่อ มีคนที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่เราที่มีร้านอาหารเที่ยงในใจแล้ว จึงขอสั่งขนมมากินแทนครับ เป็น Soft cream ที่มีคัสเทลล่ามาด้วย ตัวเนื้อ Soft Cream เย็น ๆ นุ่ม ๆ กับตัวคัสเทลล่าที่ให้มาแบบจัดเต็มในแก้วใหญ่ คุ้มราคา และชื่นใจมากครับ คัสเทลล่ามีทั้งแบบธรรมดาและแบบเคลือบช็อกโกแลตด้วย หรือใครอยากกินคัสเทลล่ากับกาแฟเขาก็มีเป็นเซ็ตเช่นกัน นั่งกินไป ชมวิวอ่านทาจิบานะไป เพลินทีเดียวครับ
พิกัด: Ai no bellhouse https://maps.app.goo.gl/p98vf3xChojds4dy8 เปิดทุกวัน 8:30–17:30 น.
แวะแช่เท้า ชมวิวท้องฟ้าและทะเลแบบสบาย ๆ ที่ Hot Foot 105
เมื่อได้กินขนมเติมพลัง เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายกันพอสมควรแล้ว เราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมือง Obama กันต่อ จากจุดพักของเรามาถึงตัวเมืองใช้เวลาราว ๆ 15 – 20 นาทีครับ ก็มาถึงวิวเมืองที่คุ้นตา เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่หากมา Unzen ทีไร ผู้เขียนก็จะผ่านมาทุกที โดยจุดหมายของเราอยู่ตรงบริเวณบ่อออนเซ็นแช่เท้าที่เรียกว่า Hot Foot 105 ครับ เป็นไฮไลท์หลักของเมืองนี้เลย
ในครั้งนี้คนบางตาอย่างเห็นได้ชัด เพราะยังไม่ถึงช่วงพีคคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง ไปจนถึงฤดูหนาว หากใครมาช่วงนั้นทั้งร้านอาหาร หรือบ่อแช่เท้าก็จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งแช่เท้าให้อบอุ่น พร้อมกับนั่งพูดคุยกัน หรือชมวิวทะเลไปด้วย การแช่เท้าในอากาศเย็น ๆ นี่ฟินอย่าบอกใครเลยครับ นั่งแช่ได้ทั้งวันจนอยากเผลอเอนตัวลงนอนเลยทีเดียว
สำหรับ Hot Foot 105 ถือเป็นบ่อออนเซ็นแช่เท้าที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความยาว 105 เมตรตามชื่อของมัน นอกจากนี้อุณหภูมิน้ำพุร้อนของเมืองนี้ที่ได้ชื่อว่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น ก็อยู่ที่ 105 องศาเซลเซียสด้วยเช่นกันครับ แต่ในบ่อแช่เท้าจะถูกควบคุมให้อยู่ที่ 40 องศาแล้วครับ แช่ได้อย่างสบายใจ โดยตัวทางแช่เท้าจะวางตัวยาวขนานไปกับอ่าว ทำให้เมื่อนั่งหันหน้าออกก็จะเห็นท้องฟ้ากับทะเลกว้างใหญ่ พร้อมกับรับลมทะเลฟิน ๆ ครับ ส่วนทางเข้าจะมีตาน้ำพุร้อนอยู่ สามารถไปดูได้แต่ห้ามจับนะครับ มีป้ายเตือนเลยว่ามันร้อนมาก ๆ จับทีผิวสุกเลยนะครับ
Hot Foot 105 เป็นบ่อแช่เท้าสาธารณะ ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถมาแช่เท้าได้ฟรี แต่ต้องเอาผ้าสำหรับเช็ดเท้ามาเองนะครับ ถ้าใครขับรถมา มีที่จอดแบบเสียเงิน แต่ราคาถูกมากและสามารถจอดได้ทั้งวัน
บริเวณ Hot Foot 105 ที่เรากลับไปรอบล่าสุดนี้ มีการปรับปรุงพื้นที่ใหม่เล็กน้อยให้เป็นระเบียบมากขึ้น แต่ร้านค้าต่าง ๆ ก็ยังอยู่ที่เดิม ทั้งจุดที่เราสามารถเอาอาหารมานึ่งด้วยไอร้อนจากน้ำพุร้อนใต้ดินให้สุกได้ หรือถ้าใครอยากลองกินแต่ไม่ได้เอาอาหารมาก็มีร้านขายพวกผัก ไข่ ให้เอามาต้มอยู่ใกล้ ๆ บ่อแช่เท้าเลยครับ และในบริเวณนี้ก็มีร้านอาหารมากมายไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงร้านอาหารที่เราตั้งใจจะมากินเป็นมื้อเที่ยงก็อยู่ที่นี่เช่นกันครับ
หากใครมีเวลามาเที่ยวชิว ๆ ก็อยากให้ลองพักโรงแรมในเมืองนี้ดูครับ เพราะใจกลางเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก โดยเฉพาะ บ่อน้ำแร่ที่มีแก๊สคาร์บอนผสมอยู่ ทำให้เป็นบ่อน้ำที่มีความซ่าเหมือนโซดา สามารถดื่มได้ และยังเป็นบ่อน้ำแร่เย็น ที่มีอุณหภูมิแค่ 21 องศาเซลเซียสเท่านั้น ถือว่าหาได้ยากมาก ๆ และศาลเจ้า Obama ที่เพดานศาลเจ้ามีรูปวาดเทพเจ้ามังกรก็น่าไปเยี่ยมชมเช่นกัน
พิกัด: Hot Foot 105 https://maps.app.goo.gl/XvLaUQtQZQkFjbdBA เปิดทุกวัน 10.00 – 19.00 น.
Mushigamaya ร้านอาหารท้องถิ่น กับอาหารทะเลสด ๆ
ร้านอาหารเที่ยงในวันนี้ของเรา คือ ร้าน Mushigamaya ครับ เป็นร้าน Local ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ อยู่ใกล้กับ Hotfoot 105 เดินแปบเดียวถึงเลย ร้านนี้ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารทะเล และผักท้องถิ่นที่สดใหม่ เป็นร้านที่ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท่องถิ่นต่างฝากท้องในมื้อกลางวันและมื้อเย็นครับ เป็นร้านที่ผู้เขียนจะต้องแวะมากินเสมอหากผ่านมาเมืองนี้
สำหรับใครที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้ ร้านนี้มีเมนูภาษาอังกฤษให้ เพราะตัวพนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย ถ้าต้องการสื่อสารกัน หากไม่ใช้แอปแปลภาษา ก็ดูเมนูภาษาอังกฤษแล้วไปจิ้ม ๆ สั่งได้ครับ เมนูของร้านนี้มีหลากหลาย แต่หลัก ๆ จะเป็นอาหารทะเล มีเมนูเซ็ตสำหรับมื้อกลางวัน ที่จะได้ซุปและผักดองมาด้วย ซุปที่นี่รสจะออกหวานนิดหนึ่ง ใครไม่ชินกินครั้งแรกอาจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ซุปมิโซะรสหวานไม่ใช่เรื่องแปลกของจังหวัดนางาซากิแต่อย่างใด เพราะจังหวัดนี้ติดทำอาหารรสออกหวานครับ เนื่องจากสมัยก่อนน้ำตาลมีราคาแพง การทำอาหารใส่น้ำตาลเยอะ ๆ จึงเป็นการแสดงความร่ำรวยรูปแบบหนึ่ง
ครั้งนี้มีผู้ร่วมทางไปกับผู้เขียนหลายคน แต่ละคนก็สั่งต่างไป แต่ทุกอย่างล้วนน่ากินมากครับ ไม่ว่าจะเป็นเซ็ตซาชิมิ เซ็ตเทมปุระ เซ็ตซาชิมิ + เทมปุระ เซ็ตปลาต้มซีอิ๋ว ส่วนตัวผู้เขียนสั่ง Kaisendon หรือข้าวหน้าปลาดิบ ที่ใช้ปลาท้องถิ่น และแต่ละฤดูกาล แต่ละวันจะใช้ปลาที่ต่างกันไป ข้าวหน้าปลาดิบครั้งนี้ของเราจะไม่เหมือนกับที่เคยสั่งตอนมาครั้งที่แล้วครับ แต่ความอร่อยเหมือนเดิม ราคารเฉลี่ยสำหรับอาหารเซ็ตอยู่ที่ 1000 – 1500 เยนครับ
นอกจากนี้ในร้านยังมีแทงก์น้ำที่มีปลา หอย ปูตั้งอยู่ด้วย รวมถึงพวกผัก และติ่มซำบางชนิด ของพวกนี้เราสามารถไปหยิบให้พนักงานร้านเอาไปนึ่งให้เราได้ โดยเขาก็จะเอาไปนึ่งในบริเวณด้านหน้าร้าน เป็นช่องนึ่งที่ใช้ไอร้อนจากน้ำพุร้อนอุณหภูมิมากกว่า 100 องศาเซลเซียส ที่มีแหล่งความร้อนอยู่แถวนั้นครับ ราคาก็จะคิดเป็นตัวสำหรับอาหารทะเล และเป็นถาดสำหรับพวกผัก เมื่อเราเอาไปให้พนักงานแล้ว เขาก็จะให้นาฬิกาจับเวลามา พอมันครบเวลาก็ไปเอาได้ครับ เวลากินก็ระวังนิดนะครับ เพราะมันร้อนมากจริง ๆ
พิกัด: Mushigamaya https://maps.app.goo.gl/xjkYMHQ7Fe6Q8Fwm6 ร้านปิดทุกวันอังคาร วันธรรมดา เปิด 11.30 – 15.00 น. สำหรับมื้อเที่ยง และ 17.30 – 21.00 น. สำหรับมื้อเย็น สำหรับสุดสัปดาห์และวันหยุด ตอนกลางวันจะเปิดเร็วขึ้น เป็น 11.00 – 15.00 น. แทน แต่ร้านของญี่ปุ่นจะมีช่วงเวลา Last Order ที่จะสั่งอาหารได้ถึงตอนนั้น เพราะครัวจะปิด ปกติมักจะเป็นช่วงก่อนเวลาร้านปิดราวครึ่งชั่วโมง
ปิดท้ายด้วยของหวานที่ร้าน Orange Gelato
หลังกินอาหารคาวเสร็จ ก็มากินของหวานล้างปากกันอีกสักนิด โดยร้านที่เราอยากแนะนำคือ Orange Gelato ครับ เป็นร้านประจำที่มาทุกครั้งเราก็แวะมาซื้อไอศกรีมเขาทุกครั้งเช่นกัน เป็นร้าน Local ที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ ตัวร้านอยู่ข้าง ๆ กันกับ Mushigamaya เลยครับ
จุดเด่นของร้านนี้คือไอศกรีม Gelato ที่มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย รวมถึงรสชาติพิเศษที่เปลี่ยนหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยทั้งหมดจะใช้วัตถุดิบจากในจังหวัดนางาซากิ หรือในบริเวณแหลมชิมาบาระที่เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ สั่งได้ทั้งแบบโคน หรือเป็นสกู๊ปใส่ถ้วย ซึ่งรสที่ผู้เขียนชอบมาก คือ รส Signature ของเขา อย่าง Obama salt milk มีความหวานมันของนม กับความเค็มนิด ๆ ของเกลือ หรือจะเป็น Sea salt caramel ก็อร่อยเช่นกัน ส่วนพวกรสตามฤดูกาล ถ้าใครมาช่วงไหนเจอรสอะไรน่าสนใจก็ลองได้ครับ เขามีแบบเป็นถ้วยสามารถซื้อกลับได้ด้วย เผื่อใครอยากซื้อไปกินในทริปวันหลัง (หรือเอากลับไทยถ้าใครอยากซื้อกลับ) ใครจะซื้อแบบถ้วยไปนั่งกินพร้อมแช่เท้าก็ไม่ผิดกติกาครับ แต่ห้ามทำไอศกรีมหกลงไปนะครับ
นอกจากไอศกรีมแล้ว เขาก็ยังมีเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นให้เลือกหลากหลาย ทั้งชา กาแฟ น้ำหวาน น้ำผลไม้ต่าง ๆ ให้ดื่มชื่นใจด้วยครับ
พิกัด: Orange Gelato https://maps.app.goo.gl/dBfUByrhDT6F1BVK9 เปิดทุกวัน 10.00 – 19.00 น.
เมื่ออิ่มท้อง และได้แช่เท้ากันตามที่ตั้งใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะเดินทางขึ้นเขาไปยังเมืองน้ำพุร้อน Unzen บนเขาที่เราจะมาใช้เวลา 2 คืนที่นี่ครับ สำหรับทริปนี้ก็คงต้องโบกมือลา Obama เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไปอีกครั้ง จนกว่าจะพบกันใหม่ในอนาคต
ส่วนใครที่อยากมาเที่ยวเมืองนี้ ไม่ว่าจะมาเป็นทางผ่าน หรือจะมานอนพักชมวิวทะเลสักคืน เสร็จแล้วก็ให้ไปต่อที่เมืองน้ำพุร้อนบนเขา และไปจนที่ Shimabara ครับ ถือว่าเที่ยวบริเวณแหลมชิมาบาระครบ ที่สำคัญสามารถมาได้ทุกฤดู แต่ถ้าให้แนะนำฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาวจะได้รับความนิยมมากที่สุดครับ แล้วพบกันใหม่ใน MenDetails x Nagasaki ตอนต่อไปครับ ยังมีอะไรที่เราอยากเล่าให้อ่านอีกเยอะมาก