ในประเทศไทยอากาศร้อนและฤดูร้อนเป็นเรื่องปกติ ทำให้คนออกจะปลื้มอากาศหนาว ๆ เสียมากกว่า แต่สำหรับยุโรปโดยเฉพาะแถบทางเหนือและสแกนดิเนเวียร์ที่ไม่ค่อยได้เจอแดดแล้ว ฤดูร้อนและการที่กลางวันมีแดดยาวนานถือเป็นเรื่องน่ายินดี ทำให้วัน Midsummer หรือ ครีษมายัน ที่กลางวันยาวนานที่สุดของปีเป็นวันที่พิเศษและควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง และในบรรดาการเฉลิมฉลองของหลาย ๆ ประเทศ การฉลองสไตล์ Swedish Midsummer เป็นการฉลองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใครทั้งเรื่องอาหาร การตกแต่ง ความเชื่อต่าง ๆ ทำให้การฉลองนี้เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของหลาย ๆ คน MenDetails จึงอยากชวนมารู้จักเทศกาลนี้ในแบบฉบับประเทศ Sweden ว่ามีอะไรน่าสนใจครับ เผื่อใครอยากจะไปสัมผัสด้วยตัวเองในอนาคต
Midsummer วันที่ควรค่าแก่การฉลองที่มีมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล
Midsummer ถ้าเราย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของมันจริง ๆ แล้ว เราสามารถย้อนกลับไปได้ตั้งแต่สมัยพวก Pagan (คนไร้ศาสนา) ก่อนคริสตกาลเสียอีก ก่อนที่มันจะมารับเอาความเชื่อของศาสนาคริสต์ผสมเข้าไปทีหลังกลายเป็นวัฒนธรรมร่วมของแถบยุโรปโดยเฉพาะแถวสแกนดิเนเวียร์ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีประเทศอีกหลายประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นก็มีการฉลองเทศกาลลักษณะคล้ายกันนี้ด้วย แต่รายละเอียดและที่มาก็จะแตกต่างกันไป
ต้องเข้าใจก่อนว่าในแถบนั้นจะไม่ค่อยพบเห็นดวงอาทิตย์ หรือช่วงกลางวันอาจจะไม่ยาวนานนัก บวกกับอากาศที่หนาวทำให้เมื่อถึงฤดูร้อนที่อากาศอบอุ่น กลางวันยาวนานขึ้น พืชพรรณต่าง ๆ เบ่งบานสร้างสีสัน ทำให้มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษจนต้องเฉลิมฉลอง โดยปกติมักจะฉลองในช่วงวันครีษมายันหรือวันที่ดวงอาทิตย์ตรงหัว (ซึ่งจะตรงกับช่วงวันที่ 21 มิถุนายน) ทำให้กลางวันยาวนานขึ้น ส่วนเวอร์ชันชาวคริสต์ที่ถูกหลอมรวมมาจะเป็นวันที่ 24 มิถุนายน ตรงกับวัน Saint John the Baptist ทำให้ในปัจจุบันมันกลายเป็นช่วงวันสำคัญไปแทน บางประเทศจัดกันตั้งแต่ 19 – 24 มิถุนายนก็มี บางประเทศถึงกับให้เป็นวันสำคัญระดับชาติและเป็นวันหยุดด้วยเพื่อให้ผู้คนได้ไปฉลองและใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ครอบครัว คนที่รัก
เทศกาล Midsummer นี้ในแต่ละประเทศก็จะมีชื่อเรียกไม่เหมือนกัน แต่ที่คุ้นกันน่าจะเป็น Midsommar ที่เป็นชื่อเดียวกับในภาพยนตร์แนวสยองขวัญปี 2019 เพราะว่าชื่อของภาพยนตร์เป็นชื่อเดียวกับเทศกาลนั้นเอง ซึ่งในภาพยนตร์ก็มีการนำเสนอองค์ประกอบของเทศกาล Midsummer ตามแบบฉบับของชาว Swedish หลายอย่าง (ไม่นับส่วนเรื่องพิธีกรรมสยองขวัญต่าง ๆ)
ไม่ว่าเทศกาลนี้ในแต่ละประเทศจะมีที่มาและพื้นเพแตกต่างกันอย่างไร ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลาที่พวกเขาต่างเฉลิมฉลอง กิน ดื่ม เต้นรำ เป็นเทศกาลแห่งความสุข
Swedish Midsummer กับเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
อย่างที่กล่าวไปในหัวข้อที่แล้วว่าแต่ละประเทศจะมีความเชื่อ มีวัฒนธรรมและธรรมเนียมเกี่ยวกับเทศกาล Midsummer ต่างกันไป สำหรับประเทศ Sweden จัดว่าเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยอาหารพื้นเมือง การแต่งความ ไปจนถึงการจัดแต่งสถานที่สำหรับฉลอง ทำให้เทศกาล Midsommar ของพวกเขามีนักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสมากมาย
เอกลักษณ์ของเทศกาล Midsommar มีมากมายแต่เกรงว่าถ้าเขียนถึงหมดอาจจะยาวเกินไป (และเราอยากให้สักวันหนึ่งทุกท่านได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง) เราจึงเลือกเฉพาะของเด่น ๆ มาให้อ่าน เริ่มจากเสาประจำเทศกาล Midsummer ที่จะตั้งอยู่ตรงกลางงาน เรียกว่า Midsommarstången เป็นสัญลักษณ์ของงานเลยก็ว่าได้ ตามธรรมเนียมการตั้งเสานี้จะต้องช่วยกันดึงมันขึ้นมาให้ตั้ง แต่ปัจจุบันหลายแห่งก็ใช้เครื่องมืออย่างรถคันใหญ่ ๆ มาช่วยในการปัก และถ้าใครสงสัยว่าทำไมมันรูปร่างคล้ายกับเจ้า “น้องชาย” ของผู้ชายแล้วล่ะก็ มีทฤษฎีว่ามันรูปร่างคล้ายเพราะให้มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
นอกจากเสาแล้ว มงกุฎดอกไม้ที่เราเห็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงสวมใส่ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน มีความเชื่อว่าถ้าเราใช้ดอกไม้ 7 – 9 ประเภทมาประดับมงกุฎ ให้เราเอามันไว้ใต้หมอนแล้วตอนนอนเราจะฝันถึงคู่ชีวิตในอนาคต และดอกไม้ที่ใช้ประดับงานเองก็ยังเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์และดึงดูดให้ผู้คนที่มาร่วมงานได้รู้จักกันนำไปสู่การสานความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน และในงานเราจะเห็นคนแต่งตัวด้วยชุดประจำชาติทั้งชายหญิงเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเทศกาลครับ
เมื่อเป็นงานฉลองก็ต้องมีการเต้นเป็นธรรมดา และเพลงที่นิยมร้องในเทศกาล Midsommar ก็คือ เพลง “กบน้อย” หรือ “Små grodorna” เป็นเพลงสนุก ๆ ที่พูดถึงลักษณะของกบ (ที่ไม่ตรงตามความจริงนัก) มาพร้อมกับท่าเต้นตลก ๆ ที่ผู้คนจะกระโดดไปมาคล้ายกบรอบ ๆ เสางานเทศกาล
อาหารพื้นบ้าน สิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานเทศกาล
มาถึงสิ่งสุดท้ายที่งานเทศกาลต่าง ๆ จะขาดไม่ได้ ก็คือ อาหารในงานเทศกาล Midsummer ของชาว Swedish ซึ่งมีอาหารพื้นบ้านทั้งคาวหวาน ไปจนถึงเครื่องดื่มมากมายให้ดื่มกินอย่างเต็มที่ โดยมีอาหารบางเมนูที่ “ขาดไม่ได้” เนื่องจากเป็นธรรมเนียมของชาว Swedish ที่ต้องเสิร์ฟอาหารเหล่านี้ เราจะขอยกตัวอย่างเมนูเด็ด ๆ จำนวนหนึ่งให้ได้รู้จัก
เริ่มจากเครื่องดื่มที่เรียกว่า Snaps เป็นนิยามที่ใช้เรียกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วเล็ก ๆ แต่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงที่ดื่มระหว่างมื้ออาหารเป็นธรรมเนียมในเทศกาลเฉลิมฉลองแถบสแกนดิเนเวียร์ โดยเฉพาะใน Sweden และ Denmark สำหรับชาว Swedish โดยปกติจะเป็น Akvavit เหล้ารสสมุนไพรพื้นเมืองที่มีหลายรสชาติ นอกจากนี้เวลาแก้วถูกแจกจ่ายให้ดื่มมันมักจะมาพร้อมกับเพลงดื่มมากมายให้เราได้ร้องและสนุกไปกับมันด้วย
ในส่วนของอาหารหลัก ๆ ที่ขาดไม่ได้ คือ Sill หรือปลาแฮร์ริงหมัก มีทั้งแบบให้รสออกเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู (Matjessill) และแบบที่เสิร์ฟในซอสมัสตาร์ด (Senapssill) เสิร์ฟคู่มากับ Sour cream ต้นหอมสับ และมันฝรั่งต้ม และเมื่อเราพูดถึงมันฝรั่ง “มันฝรั่งฤดูร้อน” ของ Sweden ก็ขาดไม่ได้ในงานฉลองนี้เช่นกัน มันจะมีขนาดที่เล็กกว่าปกติแต่มีความหวานกว่า มักจะนำไปต้มกินกับเนยและผักชีลาว นอกจากนี้ยังมี Knäckebröd หรือขนมปังกรอบสไตล์ Swedish เนื่องจากมันมีความแห้งมากทำให้นิยมกินกับชีสและเนย
จากหลักอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ คือ Gravlax หรือ Cured Salmon วิธีการถนอมอาหารโบราณของผู้คนแถบสแกนดิเนเวียร์โดยการนำเนื้อปลามาหมักกับเกลือ สมุนไพร และผักชีลาวทั้งเอาไว้โดยไม่ผ่านความร้อน ก่อนนำมาเสิร์ฟพร้อมซอสมัสตาร์ดผสมผักชีลาวรสเปรี้ยวหวาน ซึ่งก็มีรายละเอียดย่อย ๆ ที่ต่างกันไปตามแต่เจ้าบ้าน และยังมีเมนูอาหารปกติอื่น ๆ ของชาว Swedish ทั้ง Meatball อันเลี่ยงชื่อ แซลมอนรสความ เนื้อย่าง และอีกมากมาย
สำหรับของหวาน ที่ถือเป็นพระเอกก็ต้องยกให้สตรอว์เบอร์รีสีแดงสด ผลเล็กแต่มีรสหวานฉ่ำ จะกินเปล่า ๆ กินกับวิปครีมเฉย ๆ หรือจะทำเป็นเค้กก็ได้ ซึ่งเค้กมีชื่อเรียกว่า Jordgubbstårta แค่นี้ก็ลิ้มรสความหวานของมันได้แล้ว และถือว่าได้กินอาหารประจำเทศกาลครบเรียบร้อย แต่ถ้าไม่จุใจในงานก็ยังมีขนมพื้นเมืองอีกหลายอย่างให้ได้ลอง
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครในงานเทศกาล Midsummer สไตล์ Swedish และเราหวังว่าวันหนึ่งหลาย ๆ คน จะมีโอกาสได้สัมผัสมันด้วยตนเอง
ส่วนใครที่อยากสัมผัสวัฒนธรรม Swedish แบบง่าย ๆ ผ่านอาหารเราแนะนำให้ไปลองกินอาหารที่ Ikea ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังจาก Sweden ครับ เพราะเมนูของเขาเป็นแบบ Swedish แท้ ๆ ที่ได้รับการควบคุมคุณภาพและการนำเข้าวัตถุดิบ แม้อาจจะไม่มีอาหารพิเศษประจำเทศกาลก็ตาม และข่าวดีคือช่วงปลายปีนี้เขากำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่สุขุมวิทเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองทำให้เราไม่ต้องเดินทางไปไกลเมื่ออยากกิน Meatball หรืออาหารสไตล์ Swedish อื่น ๆ อีกต่อไปครับ แถมกินเสร็จก็เดินดูของแต่งบ้านต่อได้เลยอีกต่างหาก