หลังจากพักผ่อนและท่องเที่ยวในแถบแหลมชิมาบาระกันไปแล้ว 2 วัน ในวันที่สามของทริปเที่ยวญี่ปุ่นของผู้เขียนในครั้งนี้ ก็ได้เวลามุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองนางาซากิกันเสียที เพื่อไปร่วมเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงประจำปีสุดยิ่งใหญ่ของจังหวัด นั่นคือ Nagasaki Kunchi ครับ
เทศกาลนี้เป็นเป้าหมายหลักของการมาญี่ปุ่นครั้งนี้ของผู้เขียน เพราะนี่เป็นเทศกาลที่สะท้อนเรื่องราวของจังหวัดนางาซากิได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งเรื่องความเชื่อ ไปจนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เป็นเสน่ห์ของจังหวัดนี้ และในบทความ MenDetails x Nagasaki ตอนที่ 4 นี้ เราก็อยากจะพาทุกท่านไปรู้จักกับเทศกาลนี้ให้มากขึ้น เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่หากมีโอกาสก็น่ามาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งครับ
Nagasaki Kunchi เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง ที่สะท้อนเรื่องราวของนางาซากิ
Kunchi หรือ Okunchi เป็นคำเรียกเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงทางแถบตอนเหนือของเกาะคิวชู เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ โดยปกติจะจัดช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนแล้วแต่เมือง แล้วแต่จังหวัด โดยเทศกาล Kunchi ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นมีด้วยกันสามงาน หนึ่งในนั้นคือ Nagasaki Kunchi ของจังหวัดนางาซากิที่เราเดินทางมาเข้าร่วมในครั้งนี้ นอกจากนั้นยังมี Hakata Okunchi ของจังหวัดฟุกุโอกะ และ Karatsu Kunchi ของจังหวัดซากะ
และในบรรดางานเทศกาลต่าง ๆ ของจังหวัดนางาซากิเอง Nagasaki Kunchi ที่จะจัดทุกวันที่ 7 ถึง 9 ตุลาคมของทุกปี ก็ถือเป็นงานที่มีชื่อเสียงที่สุดด้วย รองลงมาก็จะเป็นเทศกาลโคมไฟนางาซากิในช่วงตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้นี่เป็นงานเฉลิมฉลองใหญ่ ที่ทุกคนตั้งตารอ และมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น และชาวต่างชาติเข้าร่วมชมอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะในปีนี้ (2023) หลังจากที่ยุคโควิดระบาดผ่านพ้นไป ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ผู้เขียนรู้สึกได้เลยว่าทุกคนตั้งตารอเทศกาลนี้ด้วยความตื่นเต้น
เทศกาลนี้มีประวัติความเป็นมาย้อนกลับไปได้ราว 400 ปี เดิมเริ่มต้นจากการเป็นงานฉลองการเก็บเกี่ยว จนกระทั่งในปี 1634 หญิงงามเมืองสองคน ชื่อ Takao กับ Otoha ทำการแสดงร่ายรำเพลงละครโน ถวายให้กับเทพเจ้าที่สถิตอยู่ในศาลเจ้าซุวะ ศาลเจ้าใหญ่ของเมือง ก่อนที่ในเวลาต่อมามันก็เริ่มถูกพัฒนาขึ้น มีการแสดงต่าง ๆ มากขึ้น และได้รับการผลักดันจากฝ่ายราชการ จนกลายเป็นเทศกาลใหญ่ที่ได้รับความนิยม
เทศกาลนี้ยังกลายเป็นจดหมายบันทึกวัฒนธรรมของจังหวัดนางาซากิ เพราะจังหวัดนี้มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติอยู่เสมอ แม้แต่ในสมัยที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ ทำให้การแสดงหลาย ๆ อย่างได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ เช่น การเต้นเชิดสิงโต เชิดมังกรแบบจีน หรือจะเป็น Oranda Manzai ที่ผู้แสดงสองคนจะแต่งตัวแบบชาวดัตช์ในยุคนั้น และการแสดงเหล่านั้นสืบทอดต่อการมาจนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วย
เอกลักษณ์ของเทศกาลนี้ คือ การแสดงที่จะสับเปลี่ยนไปในแต่ละปี เพราะเมืองนางาซากิตั้งแต่ยุคก่อน มีการแบ่งชุมชนต่าง ๆ ของเมืองออกเป็น 7 กลุ่ม ที่จะรับผิดชอบเรื่องการแสดงหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละปี (โดยปัจจุบันเหลือ 58 ชุมชน) หมายความว่าหากจะดูการแสดงให้ครบจริง ๆ จากทุกชุมชน จะต้องมางานเทศกาลนี้ 7 ปีติดต่อกันเลยทีเดียวครับ และการแสดงในปีนี้ที่ผู้เขียนได้ชม ก็ต่างออกไปจากสมัยที่ผู้เขียนเคยมีโอกาสมาชมเมื่อ 6 ปีที่แล้วครับ
การแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ
การแสดงในงานเทศกาลนี้ จะมีด้วยกันหลากหลายประเภท ทั้งการร้อง รำ เต้น มีทั้งการแสดงญี่ปุ่นและการแสดงที่ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมมาจากชาติอื่น แต่ละปีจะมีเว็บไซต์ทางการของเทศกาลที่บอกว่าแต่ละชุมชนในปีนี้จะมีการแสดงอะไรบ้าง ในปีนี้ (2023) มีทั้งการแสดงเต้น รถลากแห่แบบญี่ปุ่นที่ตกแต่งมาให้คล้ายกับเรือ ทั้งเรือจับปลา เรือสินค้า มีรถลากแห่ที่เป็นปลาวาฬ และ Kasaboko เป็นของแห่ที่หน้าตาคล้ายร่มขนาดใหญ่เอามาตกแต่ง และที่ขาดไม่ได้คือ Oranda Manzai
การแสดงใหญ่ของเทศกาลนี้ จะจัดด้วยกัน 4 เวทีใหญ่ ซึ่งไฮไลท์สูงสุดคือเวทีที่ศาลเจ้าซุวะ ซึ่งจะจุดทำพิธีเซ่นไหว้เทพตั้งแต่เช้า ก่อนที่จะมีการอัญเชิญองค์เทพมาประทับในศาลเจ้าเล็ก เพื่อเดินทางไปยังที่ประทับชั่วคราว ที่เรียกว่า Otabisho เพื่อเปิดให้คนมาสักการะตลอดงานเทศกาล และในวันสุดท้ายของเทศกาล (9 ตุลาคม) ก็จะมีขบวนแห่อัญเชิญเทพกลับศาลเจ้าหลัก หลังจากนั้นแต่ละเวทีก็จะมีการแสดงจากชุมชนต่าง ๆ หมุนเวียนกันไปตามตารางให้ดูกันเต็มอิ่ม พร้อมกับมีขบวนแห่ไปรอบ ๆ เมืองนางาซากิ
สำหรับชาวต่างชาติอย่างเรา ที่นั่งในเวทีที่ว่ามาต้องจองตั๋วล่วงหน้าเท่านั้น ทำให้การจองตั๋วเป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะว่าในช่วงเทศกาลนี้มีการแสดงสั้น ๆ ของแต่ละชุมชน ตามจุดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ เรียกว่า Niwasakimawari ซึ่งในปีนี้ แต่ละจุดก็มีคนไปนั่งรอดูกันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว ได้ยินเสียงเชียร์ เสียงเฮ จากเหล่าคนดูคอยกระตุ้นตามเสียงพิธีกรให้การแสดงสนุกขึ้น อย่างเช่น หลังแสดงจบ พิธีกรก็จะให้คนดูตะโกนเพื่อให้ขบวนแห่กลับมาแสดงต่ออีกนิด ขบวนแห่ของแต่ละชุมชนก็อาจมีการเล่นตัวนิดหน่อย แล้วก็กลับมาแสดงต่อ โดยเฉพาะขบวนรถลากที่เป็นเรือนี่ เชียร์กันสนุกมาก ๆ
เรื่องกำหนดการแสดงในแต่ละวัน สามารถไปสอบถามที่ได้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสถานีรถไฟ Jr นางาซากิได้เลยครับ ตอนที่เราไปเขากำลังขยายสถานีใหม่ มีร้านรวงต่าง ๆ เยอะขึ้น รองรับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจมาเที่ยวนางาซากิมากขึ้นทุกปี เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ แต่ว่ากำหนดการดันเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว โชคดีว่าเวทีการแสดง Niwasakimawari ในวันแรกของเทศกาล จัดอยู่ด้านหน้าสถานีพอดี เราเลยได้ชมกันแบบใกล้ชิด มีคนญี่ปุ่นไปยืนรอดูเยอะมาก ทางเมืองก็จัดเจ้าหน้าที่มาดูแลอำนวยความสะดวกอย่างดี
นอกจากนี้ระหว่างช่วงเทศกาลทั้ง 3 วัน เราจะพบเห็นขบวนแห่เดินไปในเมืองได้เป็นปกติ เวลาเดินไปไหนชาวเมืองก็จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายกันครับ ขบวนแห่เหล่านี้เขาจะเคลื่อนตัวไปยังสถานที่ราชการ อาคารบ้านเรือน ห้างร้าน โซนร้านค้าต่าง ๆ เพื่อไปทำพิธีเรียกโชคลาภให้กับสถานที่ต่าง ๆ ด้วยครับ หากใครเดินเล่นอยู่แล้วเจอเข้าพอดี ก็สามารถยืนดู ยืนถ่ายรูปได้เช่นกัน
บรรยากาศงานเทศกาลที่ล่องลอยทั่วเมือง
ขึ้นชื่อว่าเป็นงานเทศกาลทั้งที จะไม่มีการออกร้านแบบญี่ปุ่นก็ไม่ได้ ซึ่งในเทศกาล Nagasaki Kunchi นี้ ช่วงเย็นไปจนถึงหัวค่ำ ถ้าเรานั่งรถรางไปลงสถานี Ohato ฝั่งห้าง Youme Town Yomesaito เราจะเห็นผู้คนทั้งเด็กเล็ก หนุ่มสาว ไปจนถึงครอบครัว มาเดินงานเทศกาลกันเต็มไปหมด เรียกได้ว่าไม่มีทางหลงหาทางเข้างานไม่เจอแน่นอน
ร้านที่เปิดก็จะมีร้านของกินที่เราเคยเห็นตามการ์ตูน เกม ภาพยนตร์ญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปเลยครับ ทั้งผลไม้เคลือบน้ำตาล ยากิโซบะ ทาโกะยากิ มันฝรั่งทอด โมจิทอดไส้ถั่วแดง ฯลฯ เปิดร้านอยู่บริเวณนั้นละลานตา ใครถูกใจร้านไหนก็เข้าแถวซื้อได้เลย แต่ถ้าใครคาดหวังจะเห็นสาว ๆ หนุ่ม ๆ ญี่ปุ่นในชุดยูกาตะ อาจจะต้องผิดหวังนะครับ เพราะช่วงนี้อากาศเย็นลงเพราะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง จึงไม่มีใครใส่ชุดในเทศกาลหน้าร้อนมาเดินงานแต่อย่างใด แต่ใด ๆ ก็ตาม แฟชั่นสาว ๆ หนุ่ม ๆ ญี่ปุ่นในฤดูนี้ก็สวย / หล่อ ไม่น้อยเลยครับ
หากใครมีเวลา ในบริเวณงานเทศกาลนี้ เมื่อเดินเข้าไปด้านใน เราจะเจอกับ Otabisho ที่ประทับชั่วคราวของเทพจากศาลเจ้าซุวะ เป็นเต็นท์ใหญ่ มีคนต่อคิวรอสักการะมากมาย และมีมิโกะจากศาลเจ้ามาขายเครื่องรางจากศาลเจ้า หากเราต่อคิวก็จะสามารถสักการะเทพเจ้าของศาลเจ้าได้เช่นกันครับ วิธีการสักการะก็เหมือนขอพรศาลเจ้าญี่ปุ่นทั่วไปเลยครับ (โยนเหรียญใส่กล่องบริจาค โค้ง ปรบมือดัง ๆ ขอพร โค้ง)
ปีนี้คนเยอะเป็นพิเศษน่าจะเพราะคนต่างอัดอั้นในช่วงโควิดที่ผ่านมา แต่ทำให้บรรยากาศดูสนุกสนานมากเลยครับ หากใครมากับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรู้ใจน่าจะเป็นความทรงจำที่ดีทีเดียว
และนี่คือเรื่องราวของ Nagasaki Kunchi ที่เรามาเยือนในปีนี้ เป็นอีกหนึ่งเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงที่มีเรื่องราว และความน่าสนใจมาก ๆ เราคิดว่าเป็นอีกหนึ่งเทศกาลของนางาซากิและเกาะคิวชูที่น่ามาเที่ยวให้ได้สักครั้งครับ เผื่อเทศกาลครั้งต่อ ๆ ไปผู้อ่านคนไหนสนใจอยากมาเที่ยว แล้วถือโอกาสเที่ยวในคิวชูต่อด้วยเลยก็เป็นทริปที่น่าสนใจครับ
สำหรับตอนหน้าเราจะพาไปเที่ยวสถานที่น่าสนใจ ไปกินร้านอร่อยห้ามพลาดในตัวเมืองนางาซากิกันบ้าง เมืองนี้จะมีอะไรน่าสนใจก็รออ่านในตอนหน้าได้เลยครับ