ข้อมูลจาก | zenhabits.net
การไม่ทำอะไรเลย ความจริงมันก็ฟังดูง่ายนิดเดียวเอง และ MenDatails ก็เชื่อว่าผู้ชายทุกคนต้องเคยมีช่วงเวลาที่ตัวเอง “อยากจะอยู่เฉยๆ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น” กันบ้างแน่นอน แต่ว่าการไม่ทำอะไรเลยอย่างมีศิลปะนั้น ความจริงแล้วกลับต้องอาศัยความพยายามและความตั้งใจพอสมควรเลยทีเดียว เพื่อที่จะทำให้คุณสามารถหาประโยชน์จากการไม่ทำอะไรเลยได้ ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ครับ
ประโยชน์ของการไม่ทำอะไรเลย
การไม่ทำอะไรเลย (อย่างมีศิลปะ) นั้นมีประโยชน์มากมายต่อชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะเพศใดวัยใดก็สามารถทดลองทำได้ทั้งนั้นครับ การไม่ทำอะไรเลยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้คุณตื่นสายๆ แล้วลุกขึ้นมาดูทีวี หรือเล่นเกมส์แบบนั้นหรอกนะครับ แต่เรากำลังพูดถึงการไม่ทำอะไรเลย “จริงๆ” เหมือนเป็นการกด Pause ให้จิตใจของตัวเอง ด้วยการนั่งเฉยๆ เงียบๆ หยุดพูด หยุดฟัง และหยุดคิด ซึ่งจะช่วยทำให้สมองของเราได้หยุดพักจากการทำงานหนักมาตลอดก่อนหน้านี้นั่นเองครับ หากคุณสามารถฝึกฝนการไม่ทำอะไรเลยได้อย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่คุณจะได้รับก็คือสมาธิในการทำงานที่มีมากขึ้น และอารมณ์ที่มั่นคงขึ้น โกรธยากขึ้น และมีสติมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างได้จากการ “ไม่ทำอะไรเลย” อย่างมีศิลปะครับ
เริ่มต้นอย่างง่ายๆก่อน
วิธีการเริ่มต้นการ “ไม่ทำอะไรเลย” อย่างง่ายๆก็คือกำหนดเวลาประมาณ 5-10 นาทีในแต่ละช่วงเวลาของวัน ระมัดระวังอย่าให้เกิน 10 นาทีจะดีที่สุดเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าฝืนตัวเองเกินไป จากนั้นหาที่เงียบๆที่คิดว่าไม่น่ามีใครเข้ามารบกวนเพื่อ “นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย” ไม่จำเป็นจะต้องลงไปนั่งขัดสมาธิและหลับตาเพื่อทำสมาธิแต่อย่างใด จะเป็นการมองผนังห้อง หรือมองต้นไม้สักต้นก็ได้ครับ สิ่งสำคัญคือภายใน 5-10 นาทีเราต้องไม่ทำอะไรเลยจริงๆ ไม่หยิบมือถือมาดู ไม่ว่อกแว่กลุกขึ้นเดินไปเดินมา หรืออะไรทั้งนั้น คุณจะรู้ตัวเลยว่า 10 นาทีของการไม่ทำอะไรเลยนั้น ความจริงมันยากกว่าที่เราคิดเยอะเลยทีเดียว
เมื่อผ่าน 10 นาทีไปแล้วก็เลิกได้เลยครับ ถ้าทำได้ก็ให้แบ่งเวลามา “อยู่เฉยๆ” แบบนี้ให้ได้ทุกวัน วันละ 10 นาทีก็พอ ถือเป็นการเริ่มต้นอย่างง่ายๆก่อนนะครับ
สังเกตและควบคุมการหายใจ
ฟังดูอาจจะเริ่มคล้ายกับการทำสมาธิ แต่เรายังยืนยันว่านี่ไม่ใช่การนั่งสมาธิแบบเต็มตัวแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องท่อง “พุทโธ” ในขณะที่กำลังหายใจเข้าหรือออกด้วยครับ เราทำการสังเกตลมหายใจของเราเพราะเราต้องการให้มันเป็นสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอระหว่างที่เรา “ไม่ได้ทำอะไรเลย” ให้สังเกตว่าตัวเองหายใจอย่างไร สั้นหรือยาวแค่ไหน พยายามควบคุมการหายใจให้เป็นปกติอย่างที่เราทำ ไม่ต้องฝืนหายใจให้ยาวหรือสั้นเป็นพิเศษ และเมื่อหัวสมองเราคิดจินตนการเรื่องอื่นๆ ก็ค่อยๆดึงตัวเองออกมาแล้วแล้วสังเกตการหายใจของเราแทนครับ
แทรกการไม่ทำอะไรเลยลงไปในชีวิตประจำวัน
หลังจากที่เราตั้งใจที่จะไม่ทำอะไรเลยมาสักพัก เราสามารถแทรกขั้นตอนการไม่ทำอะไรเลยลงไปในชีวิตประจำวันของเราได้ครับ เช่น เวลาที่เราต่อคิวรอทำธุระที่ไหนก็ตาม แทนที่จะต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นดูตลอดเวลา ลองเปลี่ยนเป็นการนั่งนิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลยแทน หรือในขณะที่เราขับรถ ลองปิดเพลง ปิด GPS และตั้งใจที่จะขับรถเพียงอย่างเดียวก็เป็นวิธีการทดลองที่ดีครับ และขั้น Advance ก็คือการลองหยุดหรือกดปุ่ม Pause ตัวเองในช่วงเวลาที่ทุกอย่างชุลมุน เช่นกำลังมีปัญหาโต้เถียงกันขึ้นอย่างรุนแรง หรือกำลังเดือดเนื้อร้อนใจกับสถานการณ์บางอย่างเป็นต้น หากคุณสามารถแทรกการไม่ทำอะไรเลยลงไปในชีวิตประจำวันของตัวเองได้ จะทำให้คุณใจเย็นลงและมีสติที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น อีกทั้งคุณจะหวังพึ่งพา “สมาร์ทโฟน” น้อยลง และกลายเป็นคนที่มีความอดทนต่อความช้าและความน่าเบื่อหน่ายมากกว่าผู้ชายที่เล่นสมาร์ทโฟนตลอดเวลาครับ
บทสรุป
ลองถามตัวเองดูดีๆว่า เวลาที่เราพูดว่า “เบื่ออะ ไม่อยากทำอะไรเลย” เราหมายความว่าไม่อยากทำอะไรเลยจริงๆ หรือว่าไม่อยากทำงาน แต่อยากจะเล่นเกมส์ อยากจะเล่น social, เล่น facebook, เล่น Tinder หรือดูหนัง, ฟังเพลง, ดูทีวี อย่างนั้นหรือเปล่า เพราะการทำกิจกรรมดังกล่าวเหล่านั้นเป็นเพียงการพยายามเลี่ยงสิ่งที่ไม่ชอบไปหาสิ่งที่อยากทำมากกว่านะครับ ซึ่งถ้าคุณอยากที่จะให้เวลาว่างของคุณเกิดประโยชน์จากการ “ไม่ทำอะไรเลย” จริงๆแล้วล่ะก็ ลองเอาวิธีการของ Zenhabits ที่ MenDetails นำมาฝากกันนี้ไปปรับใช้กับตัวเองได้ครับ เริ่มต้นจากง่ายๆ และใช้เวลาสั้นๆก่อนแล้วค่อยพัฒนาตัวเองให้ “ไม่ทำอะไรเลยได้อย่างมีศิลปะมากขึ้น” นั่นเองครับ MenDetails หวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้ชายทุกคนที่ได้อ่านได้นำไปพัฒนาตัวเองเพื่อเป็นผู้ชายที่ดีขึ้นกว่าเดิมต่อไปนะครับ