มิถุนายนได้ชื่อว่าเป็นเดือนแห่ง Pride Month ช่วงเดือนแห่งการเฉลิมฉลองและรณรงค์ถึงสิทธิของกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงยังเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์ การชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมในเดือนมิถุนายน ปี 1969 ที่จุดประกายให้ชาว LGBT (Lesbian – เลสเบี้ยน, Gay – เกย์, Bisexual -ไบเซ็กชวล, Transgender/Transsexual – บุคคลข้ามเพศ และ Queer – เควียร์) ทั่วโลกลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิทางกฏหมายให้กับตัวเอง ดังนั้น ลองมาชม 5 ภาพยนตร์ LGBT ที่จะช่วยเปิดมุมมองเกี่ยวกับชีวิตของกลุ่มคนรักเพศเดียวกันมากขึ้น กันดีกว่า
1.Happy Together (1997)
Happy Together หนังยาวเรื่องที่ 6 ของสุดยอดผู้กำกับชาวฮ่องกงที่ขึ้นชื่อเรื่องการดีไซน์ความเหงาจนออกมาเป็นสไตล์ของตัวเอง หว่องกาไว (Kar-Wai Wong) หนังเรื่องนี้คือผลงานที่สร้างชื่อให้เขาบนเวทีระดับโลกอย่าง เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยแม้ว่า Happy Together จะเป็นหนังชายรักชาย แต่ หว่องกาไว ได้แฝงนัยเกี่ยวกับการคืนเกาะฮ่องกงของอังกฤษให้กับจีนเอาไว้ หนังนำแสดงโดย เหลียงเฉาเหว่ย นักแสดงคู่บุญของเขา กับ เลสลี่จาง นักแสดงผู้ล่วงลับที่ภายหลังยอมรับว่า เขาเป็นเกย์ ซึ่งภาพยนตร์ได้รับคำชมว่ามีฉากที่สวยงาม จากการถ่ายทำที่ประเทศอาร์เจนติน่าตลอดทั้งเรื่อง
เรื่องย่อ Happy Together “ไหล่เยี่ยฟา” และ “โหวเป่าหวัง” ชายสองคนที่เป็นคู่รักกันเดินทางจากฮ่องกงมามายังประเทศ อาเจนตินา เพื่อที่ทั้งคู่จะได้ท่องเที่ยว และใช้เวลาร่วมกัน และได้ไปเที่ยวชมน้ำตก อีกัวซู เพื่อเป็นประสบการณ์ดีๆ ของทั้งคู่ที่ได้ตกลงกันไว้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นไปแบบรักๆเลิกๆ และขณะที่ ไหล่เยี่ยฟา ต้องการเดินทางกลับบ้านเกิด โหวเป่าหวัง กลับอบากอยู่ที่นั่นตลอดไป
2.Brokeback Mountain (2005)
Brokeback Mountain ภาพยนตร์แนวความรักของ LGBT แท้ๆเรื่องแรกที่ได้รับการยอมรับจากเวลาระดับโลกอย่างออสการ์ แม้จะไม่ใช่รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่หนังของ อั้งลี่ (Ang Lee) ผู้กำกับชื่อดังของไต้หวันก็ได้รางวัลใหญ่อย่าง ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม มาครอง ซึ่งถือว่าเป็นหนังหัวหอกที่ทำลายกำแพงกระแสแอนตี้ภาพยนตร์ชายรักชายในเวทีประกวดได้สำเร็จ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้การแสดงอันยอดเยี่ยมของ เจค กิลเลนฮาล กับ ฮีธ เลดเจอร์ นักแสดงผู้ล่วงลับด้วย
Brokeback Mountain เรื่องราวความรักต้องห้ามของสองคาวบอยหนุ่ม แจ็ก ทวิสต์ กับ เอนนิส เดล มาร์ ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 1963 ณ ฟาร์มเลี้ยงแกะแห่งหนึ่งใกล้เทือกเขาโบร๊กแบ็กในไวโอมิง ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากมิตรภาพ แต่การต้องอยู่ด้วยกันนานหลายเดือน บรรยากาศและความใกล้ชิด ทำให้พวกเขาเปิดใจจนพบว่าต่างคนต่างรักกัน หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้แยกย้ายไปมีครอบครัว ทว่าก็ยังมีอาจลืมความทรงจำในครั้งนั้นได้ 4 ปี ต่อมา แจ็ก กับ เอนนิส จึงตัดสินใจกลับมาเจอกันอีกครั้ง
3. Blue Is the Warmest Color (2013)
Blue Is the Warmest Color มีชื่อไทยว่า วันที่หัวใจกล้ารัก คือหนังแนวเลสเบี้ยนที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก หนังสร้างมาจากนิยายภาพชื่อเดียวกันของนักเขียนหญิงชาวฝรั่งเศส จูลี มาโรห์ ผลงานการกำกับของ อับเดลลาทิฟ เคชิช (Abdellatif Kechiche) ผู้กำกับมากฝีมือชาวตูนีเซีย หนังได้ดาราหน้าใหม่อย่าง เลอา เซย์ดู และ อาเดล เอ็กซาคูปูลัส มารับบทนำ โดยหนังเป็นแนวดราม่า coming of age ใช้สีฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายมาเป็นตัวแทนของสาวบุคลิกห้าว
Blue Is the Warmest Color เล่าถึง อเดล สาวน้อยช่างฝันวัย 17 กำลังอยู่ในระยะทำใจหลังจากเพิ่งเลิกราจากแฟนหนุ่ม คืนหนึ่งเพื่อนสาวของเธอชวนไปเที่ยวบาร์เลสเบี้ยน ที่นั่น อเดลก็ได้พบกับ หญิงสาวบุคลิกสุดห้าวที่ย้อมผมสีฟ้าโดดเด่นสะดุดตา นามว่า เอ็มม่า อเดลตกหลุมรักในทันที เพราะเสน่ห์ของเอ็มม่า และทั้งสองก็ได้ลองรักและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
4. Moonlight (2016)
Moonlight หนังดราม่า LGBT คนผิวสีเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์ ผลงานของ แบร์รี่ เจนกินส์ (Barry Jenkins) เรื่องนี้เป็นหนังแนวดราม่าเกย์สะท้อนสังคมที่เผยให้เห็นถึงผลกระทบจากความรุ่นแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว รวมถึงมีมุมมองของกลุ่มคนชายขอบแปลกแยกอย่าง นิโกรรักร่วมเพศ ที่ย่อมไม่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง ต้องต่อสู้อย่างยากลำบากตลอดมา และอาจจะตลอดไป ซึ่งล่าสุด Moonlight ยังได้รับการจัดอันดับจากเว็บไซต์ editorial.rottentomatoes.com ให้เป็นหนังแนว LGBT อันดับ 1 ของโลกด้วย
Moonlight เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสามช่วงวัยของ “ไชรอน” หนุ่มผิวสีชนชั้นล่างในไมอามี ที่พยายามค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ และตั้งคำถามว่าเขาควรทำตามความต้องการที่แท้จริงภายในจิตใจของตนหรือไม่ ท่ามกลางสังคมแอฟริกัน-อเมริกันที่ โคตรจะแมน จนทำให้ผู้ชายต้องคอยกดทับด้านที่อ่อนแอของตนเอาไว้ และนำไปสู่การระบายผ่านความรุนแรงรูปแบบต่างๆ
5. Call Me By Your Name (2017)
Call Me By Your Name ภาพยนตร์แนวโรแมนติกดราม่ารักต่างวัยสุดป็อปที่ดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายขายดีของ อังเดร เอซิแมน กำกับโดย ลูก้า กัวดาญีโน (Luca Guadagnino) นำแสดงโดย ทิโมธี ชาลาเมต์ และ อาร์มี แฮมเมอร์ กับหนัง LGBT ใสๆเรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างมากในด้านการถ่ายทอดภาพอันงดงาม จนมีแฟนๆทั่วโลกที่ตกหลุมรักหนังเดินทางไปตามรอยโลเคชั่นจริงที่เมืองเกรมา , มอสคาซซาโน ปันดิโน , ในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลีกันล้นหลาม ขณะเดียวกันภาพยนตร์ยังมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 4 สาขาคือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชาย , บทภาพยนตร์ดัดแปลง และ เพลงนำภาพยนตร์
Call Me By Your Name เรื่องราวเกิดขึ้นในหน้าร้อนปี 1983 โอลิเวอร์ นักศึกษาชาวอเมริกันวัย 24 ปีมาพักที่บ้านของ เอลิโอ เด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อให้พ่อของเอลิโอช่วยดูงานเขียนวิชาการให้ ตลอดระยะเวลาสั้นๆ ความสัมพันธ์พวกเขาค่อยๆพัฒนา ความรู้สึกแปลกใหม่ผลิบาน ต่างคนต่างเรียนรู้อะไรบางอย่าง ทิ้งความทรงจำที่จะอยู่กับพวกเขาไปทั้งชีวิต
หวังว่าสุภาพบุรุษเมื่อได้รับชมภาพยนตร์ในลิสต์ด้านบนแล้วจะได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิตของชาว LGBT มากขึ้น รวมทั้งมีมุมมองต่อกลุ่มคนรักเพศเดียวกันในทางเปิดกว้างมากขึ้น โดยมองว่าพวกเขาก็มีความเท่าเทียมกับผู้ชายหรือผู้หญิงทั่วไป การรักคนเพศเดียวกันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะยุคสมัยนี้ ความแตกต่างหรือความหลากหลายต้องได้รับการยอมรับและให้เกียรติกัน