MenDetails เชื่อว่าผู้ชายทุกๆคนต้องเคยปิ๊งไอเดียธุรกิจบางอย่างในหัวที่เรารู้สึกว่ามันเป็นไอเดียที่เจ๋งมากๆ และน่าที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขายอาหาร, application เก๋ๆบนมือถือ หรือแม้แต่ไอเดียเขียนพ็อกเก็ตบุ๊ควางขายตามร้านหนังสือ สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่เราหลงใหลคลั่งไคล้เป็นทุนเดิม หรือว่าอาจเป็นแค่ไอเดียที่เกิดขึ้นมากระทันหัน แต่สุดท้ายเรามักจะไม่ได้เอามันออกมาทำให้เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างจริงๆกันสักเท่าไหร่นัก
วันนี้ MenDetails เลยจะมาลองเสนอวิธีที่จะทำให้คุณดึงเอาไอเดียในหัวออกมาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมในโลกแห่งความเป็นจริง แถมช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับตัวเองได้ด้วย จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้น ตามไปอ่านกันได้เลยครับ
เลือกไอเดียที่ “ใช่” ให้ได้เสียก่อน
ความคิดของคนเรามันฟุ้งไปได้กว้างไกลมาก บางคนอาจเกิดความคิดบรรเจิดจำนวนมาก แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความคิดหรือไอเดียธุรกิจอันไหนที่ “ใช่” จริงๆสำหรับเรา เรื่องนี้สามารถทำได้ด้วยการตอบคำถามง่ายๆ 3 ข้อ ได้แก่
ข้อแรก : เรารู้สึกตื่นเต้นกับไอเดียนี้หรือไม่?
ข้อที่สอง : เรามีความสามารถ หรือพรสวรรค์ด้านใดของเราที่จะช่วยทำให้ไอเดียนี้ไปรอดได้จริงๆบ้างไหม?
ข้อที่สาม : ไอเดียนี้จะดึงดูดความสนใจ และสร้างประโยชน์ต่อผู้อื่นได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง?
ถ้าตอบว่าใช่ และสามารถอธิบายได้เป็นฉากทั้งสามข้อ นั่นคือสัญญาณชัดเจนว่า เราเจอกับไอเดียธุรกิจที่ “ใช่” สำหรับเราแล้ว
ตั้งเป้าให้ใหญ่ แต่ต้องเริ่มแบบเล็กๆก่อน
ฝันให้ไกลถึงเป้าหมายที่เราต้องการจะให้ไอเดียธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จ แต่จงเริ่มต้นแบบเล็กๆเป็นก้าวแรกก่อน อย่าเพิ่งทุ่มหมดทั้งตัวด้วยทุกสิ่งทีเรามีไปกับมันตั้งแต่ต้น การเริ่มแบบเล็กๆจะทำให้เราหยั่งเชิงไอเดียนี้กับลูกค้าจริงๆว่าจะมีแววที่จะไปต่อได้ไกลกว่าอีกหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากแต่งหนังสือขาย ก็ลองเริ่มต้นเขียน blog ลงบนเว็บไซต์ที่ให้บริการ weblog ฟรีติดต่อกันให้ได้ต่อเนื่องเสียก่อน และดูว่าผลตอบรับเป็นอย่างไร หรือถ้าอยากทำเสื้อผ้าขาย ก็ลองพยายามหาลูกค้ารายแรกให้ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ก่อนเป็นอันดับแรก เหล่านี้คือการเริ่มต้นให้เล็ก และถ้ามันดูเข้าท่าในสายตาคนอื่น เราก็ค่อยขยายให้ใหญ่ขึ้นทีหลังก็ยังไม่สายครับ
อย่ารอจนกว่าทุกอย่างจะเพอร์เฟ็คท์ซะก่อน ถึงจะเริ่มลงมือทำ
ในขั้นตอนแรกของการแปลงไอเดียในหัวแล้วนำมาปฏิบัติจริงนั้น อย่าเพิ่งไปกังวลให้มากนักเกี่ยวกับเรื่องแผนธุรกิจ, นามบัตร หรือ โลโก้บริษัทที่จะต้องออกแบบให้เท่ที่สุดหรืออะไรแบบนั้น แต่จงทุ่มเทให้กับการสร้างผลิตภัณฑ์ หรือบริการขั้นแรกที่เราต้องการนำเสนอให้สำเร็จให้ได้เสียก่อน ถ้าอยากทำกระเป๋าขาย ก็จงเริ่มทำกระเป๋าก่อนเลย หรือถ้าอยากเขียน blog ก็เริ่มเขียนบทแรกทันที และจงทำให้ดีที่สุด ตัวอย่างที่ดีมากก็คือ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง facebook นั้น ใช้เวลาแค่ 30 วันในการสร้างเว็บไซต์ facebook เวอร์ชั่นแรกสุด ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่เหมือนกับ facebook ในปัจจุบันแต่อย่างใดเลย ดังนั้นอย่าเพิ่งนึกถึงดีไซน์ที่หรูหรา และภาพพจน์ที่ดูดี แต่จงลงมือทำผลิตภัณฑ์ตามไอเดียของเราให้เสร็จให้ได้เสียก่อนเป็นอันดับแรกครับ
เลือกช่องทางที่จะให้ไอเดียของเราหาเงินให้เรา
หากไอเดียของคุณที่ทำออกมานั้นมันใช้การได้จริง ก็จะมีวิธีการหาเงินมากมายโผล่ออกมาให้เราเลือก ถ้าอยากจะขายของก็จงเลือกว่าจะขายทาง online หรือจะเปิดหน้าร้านขาย หรือถ้าจะทำ blog หรือ E-Book ก็ต้องเลือกว่าจะรับเงินเป็นค่าโฆษณา หรือจะขายเป็น E-Book บนเว็บไซต์ หรือจะตีพิมพ์เป็นหนังสือขายตามร้านหนังสือไปเลย สิ่งเหล่านี้คือช่องทางที่ไอเดียจะทำเงิน ซึ่งเราต้องศึกษาและเลือกอย่างฉลาด อย่าพยายามจับปลาหลายๆมือ เพราะจำไว้ว่านี่คือขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งเราควรจะเริ่มจากจุดเล็กๆก่อนเสมอนะครับ
หาจุดเด่นที่จะสร้างความแตกต่างจากคนอื่นให้ได้
เชื่อเถอะว่าไอเดียทั้งหลายบนโลกใบนี้นั้น ถ้าเราเองคิดได้ คนอื่นๆก็สามารถคิดได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือจุดเด่นที่แต่ละคนเน้นให้สินค้าหรือบริการนั้นแตกต่างจากของคนอื่น เพราะฉะนั้นจงสร้างจุดยืนของตัวเอง และอย่าให้คนอื่นทำเราไขว้เขว ลูกค้าของเราอาจจะอยากให้เราทำโน่นทำนี่ให้ แต่ถ้ามันไม่ใช่แนวทางที่แตกต่างจากคนอื่นตามที่เราออกแบบไว้ เราก็ควรต้องตอบปฏิเสธ เพื่อไม่ให้เสียทรงที่เราสร้างมา จำไว้ว่าสินค้าและบริการที่แตกต่าง ย่อมไม่สามารถเป็นที่ถูกใจทุกคนได้ แต่คนที่ชอบและรู้สึกถูกใจกับสินค้าและบริการที่แตกต่างของเราก็จะกลายเป็นลูกค้าประจำ และยินดีที่จะจ่ายในราคาที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ของที่เขาถูกใจจริงๆนั่นเอง ดังนั้นหากลองดูแล้วได้ผล มีฐานลูกค้าพอสมควร ก็จงรักษาจุดยืนตรงนั้นของเราไว้ อย่าได้ไขว้เขวนะครับ
ทั้ง 5 ข้อที่ MenDetails นำมาฝากกันในครั้งนี้นั้น ไม่ใช่สูตรสำเร็จหรือเป็นวิธีที่การันตีว่าไอเดียของคุณจะประสบความสำเร็จนะครับ แต่อย่างน้อยที่สุดหากใครที่อ่านและนำทั้ง 5 ข้อนี้ไปใช้จริง ก็เท่ากับเป็นการดึงสิ่งที่เป็นเพียงแค่ความคิดฟุ้งๆในหัว ให้ออกมาปรากฎกายได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งนั่นก็ถือเป็นพัฒนาการที่ดีมากๆแล้วในขั้นแรกครับ แต่ในขั้นต่อไปย่อมต้องอาศัยความพยายามและการต่อสู้มากกว่านี้ หากมีโอกาสในคราวหน้า MenDetails ก็จะเอาเคล็ดลับการพัฒนาธุรกิจของเราให้เติบโตมาฝากกันอีกนะครับ