นับเป็นโอกาสที่ดีอีกครั้งของ MenDetails ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์สุดพิเศษพร้อมร่วมแสดงความยินดีกับ LE LABO แบรนด์น้ำหอมสุด Niche จาก New York ที่ชวนเราไปเยี่ยมชมบูทีกสโตร์แห่งแรกในไทย พร้อมบอกเล่าเรื่องราวสุดล้ำลึกของน้ำหอมหลากหลายกลิ่น และชวนทำ Personalization ขวดน้ำหอมในสไตล์ของตัวเอง
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้จักและคลุกคลีอยู่กับน้ำหอม LE LABO เป็นแบรนด์น้ำหอมที่ต้องประจำการอยู่ในลิสต์ส่วนตัวของคุณ แต่หากคุณเพิ่งเข้าสู่วงการน้ำหอม นี่คือเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้รู้จักแบรนด์น้ำหอมจาก New York แบรนด์นี้มากขึ้นครับ
Born in Grasse
จุดเริ่มต้นของ LE LABO เกิดขึ้นที่เมือง Grasse ประเทศฝรั่งเศส โดยสองผู้ก่อตั้งชาวฝรั่งเศส Edouard Roschi และ Fabrice Penot ที่อยากทำอะไรให้แตกต่างจากแบรนด์น้ำหอมระดับ Mass แบรนด์อื่น ๆ ทั้งคู่มุ่งหน้าสู่เมือง Grasse เมืองที่ถูกขนานนามว่า “เมืองหลวงของน้ำหอม” ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เพื่อเริ่มศึกษาเรียนรู้ศาสตร์การปรุงน้ำหอมอันล้ำลึก และด้วยแพสชันอันแรงกล้ารวมกับความตั้งใจที่อยากจะทำน้ำหอมที่ดีที่สุด ทั้งคู่จึงเกิดไอเดียในการนำเอา Lab น้ำหอมที่ปกติแล้วอยู่ในพื้นที่ปิดที่ไม่มีใครเห็น ออกมาเปิดเผยสู่ภายนอกให้ผู้คนได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งนี่ก็เป็นที่มาของชื่อแบรนด์ LE LABO ที่แปลว่า ‘ห้องทดลอง’ ในภาษาฝรั่งเศสด้วยนั่นเอง
เปิดสาขาแรกที่ Nolita, New York
หลักจากใช้เวลาบ่มเพาะศาสตร์การปรุงน้ำหอมอยู่ระยะหนึ่ง LE LABO ก็ได้เปิดบูทีกสโตร์สาขาแรกบนแผ่นดินอเมริกาที่ย่าน Nolita, New York ในปี 2006 เหตุที่เลือกย่านนี้เป็นเพราะทั้งสองผู้ก่อตั้งมีความเชื่อว่าที่นั่นสามารถแสดงจุดยืนด้านความขบถและความสุดโต่งบนความแตกต่างที่มีอยู่ในตัว และสามารถสื่อสารความไม่เหมือนใครได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการบอกว่าสโตร์ของแบรนด์น้ำหอมไม่จำเป็นต้องอยู่บนย่านหรูหราก็ได้เหมือนกัน
Wabi-Sabi ปรัชญาที่ LE LABO ยึดถือ
New York เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของผู้คน สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งทั้งหมดหล่อหลอมให้สองผู้ก่อตั้ง LE LABO ได้รู้จักกับปรัชญาญี่ปุ่นที่เรียกว่า Wabi-Sabi (侘寂) ซึ่งเป็นปรัชญาที่ว่าด้วยการโอบรับความไม่สมบูรณ์แบบ การมีตำหนิ รวมถึงร่องรอยอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาของทุกสรรพสิ่งโดยมีรากฐานมาจากความเข้าใจในธรรมชาติ สิ่งนี้สะท้อนออกมาเป็นสไตล์การตกแต่งภายในบูทีกสโตร์ทุกสาขาที่เน้นความเก่าและวินเทจ เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ล้วนเป็นของที่ผ่านการใช้งานมาแล้วทั้งสิ้น เพราะสิ่งของเหล่านี้ล้วนมีจิตวิญญาณและมีความสวยงามในแบบของมันเอง
Slow Perfumery กรรมวิธีการปรุงน้ำหอมที่ให้ความสำคัญกับเวลา
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของน้ำหอม LE LABO ทุกกลิ่นคือกรรมวิธีการปรุงน้ำหอมที่เรียกว่า Slow Perfumery ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่ให้ความสำคัญกับเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างเชื่องช้าในแต่ละขั้นตอนจากความประณีตและความใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียด หลายขั้นตอนจะเน้นการทำมือเพื่อความพิถีพิถัน ทำให้กว่าจะออกน้ำหอมแต่ละกลิ่นแบรนด์จะใช้เวลาในการคิดค้นและวิจัยอย่างเต็มที่เพื่อค่อย ๆ หาสิ่งที่ดีและลงตัวที่สุด เพราะทางแบรนด์เชื่อว่าถ้าได้ใช้เวลาอย่างเชื่องช้าในการหาสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว สิ่งที่ได้จะมีคุณค่าและคงอยู่ไปตลอด
สัมผัสเรื่องราวและความประทับใจได้ที่ LE LABO Lab @ Siam Paragon
ในโอกาสที่ LE LABO ได้เปิดบูทีกสโตร์สาขาแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ MenDetails ไม่พลาดที่จะเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในการเยี่ยมชมบรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งภายใต้ปรัชญา Wabi-Sabi พร้อมร่วมทดลองกลิ่นน้ำหอมสูตรต่าง ๆ ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยความพิถีพิถันและความใส่ใจ รวมถึงชมขั้นตอนการทำ Label ขวดน้ำหอมที่ทางแบรนด์จะค่อย ๆ ทำอย่างประณีตและสวยงาม ซึ่งบ่งบอกความเป็น Slow Perfumery ได้อย่างชัดเจน
นอกจากกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการทำ Personalization หรือกำหนดตัวหนังสือชื่อและข้อความลงบนขวดน้ำหอมตามต้องการ สิ่งนี้สามารถสร้างคุณค่าให้กับน้ำหอมที่เลือก รวมถึงสร้างความประทับใจและประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับคุณได้เป็นอย่างดี
ค้นพบกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของ LE LABO ทีจะทำให้คุณรู้สึกแตกต่างไปจกาประสบการณ์เดิมๆ ได้แล้ววันนี้ที่ห้างสรรพสินค้า Siam Paragon ชั้น 1 โซน Fashion Gallery และ EMSPHERE ชั้น M