ผู้ชายหลายคนมีเป้าหมายที่จะมีสุขภาพที่ดี, มีรูปร่างที่สมส่วน, มีมัดกล้ามเนื้อที่ชัดเจน และไม่อ้วนลงพุง จึงทำให้การออกกำลังกายเพื่อ “ฟิตหุ่น” เป็นกิจกรรมที่ผู้ชายพึงปฏิบัติเพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดี แน่นอนมักจะมีเคล็ดลับและเทคนิคต่างๆที่เราได้ยินได้ฟังมาเสมอเพื่อที่จะพัฒนาให้การออกกำลังกายฟิตหุ่นของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทว่าบางคำแนะนำนั้นก็ไม่เป็นความจริงและอาจทำให้เราออกกำลังกายแบบ “ผิดทาง” ได้ วันนี้ MDs จะมาเสนอ 4 คำแนะนำเกี่ยวกับการฟิตหุ่นที่ไม่เป็นความจริงและผู้ชายไม่ควรหลงเชื่อโดยเด็ดขาดครับ
1. เหงื่อออกเยอะเท่าไหร่แปลว่าเราเผาผลาญแคลอรี่ได้มากเท่านั้น
คำแนะนำนี้เป็นสิ่งที่มีผู้ชายหลายต่อหลายคนหลงเชื่อกันมาตลอด บางคนถึงขั้นใส่เสื้อวอร์มหนาๆเพื่อไปออกกำลังกายโดยหวังว่าจะทำให้เหงื่อออกมากขึ้น แท้ที่จริงแล้ว “เหงื่อ” คือการระบายความร้อนออกจากร่างกาย ไม่ได้เป็นดัชนีชี้วัดปริมาณพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญได้แต่อย่างใด ซึ่งถึงแม้จะมีการใช้พลังงานเพื่อขับเหงื่อออกมา แต่อัตราการใช้ไม่ได้เยอะถึงขนาดที่จะทำให้เรามีกล้ามเนื้อที่เด่นชัดหรือมี Sixpacks ได้ กลับกันถ้าเราออกกำลังกายด้วยการยกเวตที่มีน้ำหนักมากอย่างต่อเนื่อง เหงื่อของเราอาจจะออกมาไม่มาก แต่ร่างกายก็ยังเผาผลาญพลังงานอยู่เช่นกัน หรืออีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ สมมติว่าเราวิ่งออกกำลังกายท่ามกลางอากาศหนาวราว 5-10 องศา ซึ่งที่อากาศระดับนั้น เหงื่อของเราจะออกมาน้อยมาก แต่ร่างกายก็ได้เผาผลาญพลังงานจากการวิ่งของเราอยู่ดี ดังนั้น “ปริมาณของเหงื่อ” ไม่ได้เป็นตัววัดว่าเราเผาผลาญพลังงานได้มากขนาดไหนหรอกนะครับ
2. ซิทอัพเยอะๆแล้วกล้ามท้องก็จะขึ้นมาให้เห็นเอง
ทุกวันนี้ก็ยังคงมีคนเชื่อเช่นนี้อยู่ว่าการซิทอัพเยอะๆจะช่วยให้กล้ามท้องโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็น Sixpacks ได้ ความเป็นจริงแล้ว การซิทอัพคือการบริการกล้ามท้องให้แข็งแรง ซึ่งจะทำให้มัดกล้ามที่หน้าท้องนั้นใหญ่ขึ้น แต่จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็น Sixpacks ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ปริมาณ “ไขมัน” ที่พอกอยู่บนหน้าท้อง หรือ “พุง” ของเราต่างหาก จึงต้องอาศัยการเผาผลาญพลังงานด้วยการออกกำลังกายอย่างอื่น ควบคู่กับการควบคุมอาหารเพิ่มเติม เพื่อกำจัดไขมันที่พอกอยู่ที่พุงของเราออกไปก่อนจึงจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องที่เกิดจากการ Situp นั้นโผล่พ้นชั้นไขมันออกมาให้เราเห็นเป็น Sixpacks ได้ในที่สุดครับ
3. ยกน้ำหนักเบาๆ แต่เพิ่มจำนวนครั้งที่ยก จะทำให้ได้กล้ามแขนที่แข็งแรงและ “เห็นชัดขึ้น”
กล้ามเนื้อจะพัฒนาให้แข็งแรงและมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้นั้น เราจะต้อง “ทำลาย” เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อให้เกิดความเสียหาย เพื่อให้ร่างกายจดจำและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายเหล่านั้นขึ้นใหม่โดยที่ร่างกายจะสร้างให้แข็งแรงขึ้นกว่าเดิมเพื่อรองรับการใช้งานที่หนักขึ้นในครั้งต่อไป ทว่าการยกน้ำหนักเบาๆ แม้จะยกหลายๆทีแต่นั่นก็ไม่ทำให้กล้ามเนื้อของเราเสียหายมากพอที่จะให้ร่างกายจดจำและจำเป็นต้องสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของเรานั้นไม่ได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นถ้าคุณต้องการกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น คุณต้อง “ท้าทาย” ร่างกายด้วยการยกน้ำหนักที่หนักขึ้นเรื่อยๆ และถ้าต้องการให้รอยกล้ามเนื้อเห็นชัดขึ้น ก็ต้องใช้หลักการเดียวกันกับ Sixpacks ในข้อที่แล้วนั่นก็คือการออกกำลังกายและควบคุมอาหารเพื่อเผาผลาญปริมาณไขมันที่ปกคลุมกล้ามเนื้อส่วนต่างๆออกไปด้วยนะครับ
4. ผู้ชายกล้ามใหญ่ = ผู้ชายที่มีสุขภาพดี
การเป็นผู้ชายที่มีสุขภาพดีเป็นอะไรที่มากกว่าการมีกล้ามแขนใหญ่โต มี Sixpacks ที่หน้าท้อง และมีกล้ามไหล่ที่กว้างและแน่นปึ้ก เพราะคำว่าสุขภาพดีหมายรวมถึงสภาพร่างกายภายในที่จะต้อง “ฟิต” ทั้งระบบการเผาผาญพลังงาน, ระบบการหายใจ และความอึดในการออกกำลังกาย ซึ่งเราสามารถพัฒนาได้จากการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ไม่ว่าจะวิ่ง, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน ฯลฯ รวมไปถึงความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อร่างกายที่จะพัฒนาได้ยากหากเรามุ่งแต่จะยกเวตให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นเพียงอย่างเดียว ดังนั้นอย่ามัวแต่เน้นที่กล้ามเพื่อหวังว่าจะให้รูปร่างดูดีอย่างเดียว แต่ควรออกกำลังกายอย่างรอบด้านเพื่อพัฒนาสุขภาพโดยรวมของเราด้วยนะครับ
และนี่คือ 4 ความเชื่อผิดๆที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อฟิตร่างกายของผู้ชายครับ MenDetails หวังว่าจะเป็นประโยชน์และเปลี่ยนความคิดของคนที่เคยเชื่อคำแนะนำเหล่านี้มาก่อน เพื่อพัฒนาตัวเองให้ออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เคยด้วยนะครับ