อีกหนึ่งร้านอาหารแนว Casual Fine Dining ที่เราอยากให้ทุกท่านได้ไปลิ้มลองกันแถวเอกมัย ก่อนที่ทางร้านจะปิดตัวลงแล้วย้ายร้านไปที่แห่งใหม่ กับ Stage (สตาช) กับสไตล์อาหารแบบ Modern French Cuisine ที่หยิบเอาเทคนิคจากทั่วทุกมุมโลก และสิ่งที่ เชฟเจย์ สายนิสา แสงสิงแก้ว (Chef Patron) ได้ไปเห็นหรือสัมผัสมา ซึ่ง MenDetails เคยรีวิวไว้แล้วครั้งหนึ่ง (คลิกที่นี่) แต่ครั้งนี้ ถือเป็นเมนูสุดท้าย หรือ Stage Last Menu เนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปี ก่อนที่ทางร้านจะย้ายไปที่ใหม่ และปิดตัวลงในวันที่ 9 มีนาคม 2567 นี้
Stage Last Menu หยิบเอาเมนู Classic ของอาหารฝรั่งเศสมาตีความใหม่ให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้นในรูปแบบของ Stage แน่นอนว่า บรรยากาศยังคงอยู่ในรูปแบบที่คุ้นเคยกับ Semi Open Kitchen ให้ทุกท่านได้ชมการทำงานจริงของคนครัว และ Final Touch ของเชฟเจย์แบบใกล้ ๆ ซึ่งครั้งนี้ MenDetails เลือกทานเป็น Stage Experience 10 Course (ราคา 4,900++) เราเริ่มต้นกันด้วยของว่างทานเล่นกันก่อนครับ มีมาด้วยกันทั้งหมด 3 คำ เพื่อเปิดปุ่มรับรสชาติ โดยไล่จากความ Creamy ด้วยโคนเนื้อปูแล้วท๊อปด้วย Caviar / ต่อด้วยความเปรี้ยวจากผักดองและปลา และสุดท้ายคือรส Umami จากเห็ด Shitake จับคู่กับ ไวน์รสดี เรียกว่าเป็นการเปิดต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี
Starter มีด้วยกันทั้งหมด 3 จานครับ เปิดด้วยจานปลา Chutoro ที่เชฟจะมา Burn ไฟให้พอสุกด้วยตัวเอง ทานคู่กับสลัดหอม ๆ ท๊อปด้วย Yuzu Vinaigrette จานนี้ เนื้อปลาหอมมากครับ ยิ่งทานคู่กับสลัดที่มีการรมควันมาแล้ว ยิ่งเข้ากันได้ดี ต่อด้วย Pâté en Croûte ที่มี Foie Gras อยู่ด้านใน จานนี้หอมอร่อยเช่นกัน และปิดท้ายชุด Starter ด้วย Scallops ชิ้นโต นำไป Sear บนกระทะจนหอม พร้อมซอสต่าง ๆ ทานคู่กับ Churos Caviar จานนี้คือดีเลยครับ หอมอร่อยมากจริง ๆ
มาถึงจาน Soup ที่เห็นเด่นชัดมากตรงหน้าคือไข่หอยเม่น หรือ Uni ราดด้วยซอส Butternut Squash จานนี้รสชาตดีทีเดียว ใครที่ชื่นชอบความครีมมี่ กลิ่นหอม ๆ ของ Truffle จานนี้น่าจะถูกใจแน่นอน
ต่อกันด้วย Pre-Main Course ซึ่งมีมาด้วยกันทั้งหมด 2 จานครับ เริ่มต้นด้วยกัน Lobster ที่นำไป Confit หรือนำไปตุ๋นในน้ำมันสักพักหนึ่ง ก่อนจะนำมาลงกระทะให้ขึ้นสีสวยงาม ราดด้วยซอสทั้งหมด 3 ชนิด โรยด้วยผงที่ทำจากเปลือกของตัว Lobster เพิ่มความ Umami จานนี้แนะนำทานซอสทั้ง 3 ชนิดคู่กับกุ้งไปเลยนะครับ รสชาติจะกลมกล่อมเข้ากันเป็นพิเศษ ยิ่งใครชอบทาน Lobster อยู่แล้ว จานนี้ไม่ควรพลาด เพราะเนื้อกุ้งชุ่มช่ำมากจากการตุ๋นในน้ำมัน แถม Texture ดีเยี่ยมจนน่าตกใจ ไปกันต่อที่จานที่ 2 ครับกับ Coq au Vin จานนี้เราของยกให้เป็นอันดับ 1 เลยครับ กับรสชาติที่ลงตัว แถมด้วย Texture ที่หลากหลายและกลิ่นที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี กับเนื้อไก่ออร์แกนิค ที่ปรุงจนหนังกรอบกำลังดี เนื้อนุ่มและเหนียวเลย ทานคู่กับซอสต่าง ๆ คือยอดเยี่ยมมาก ๆ ครับ
Main Course เราเลือกเป็นเนื้อ Tenderloin Milk-Fed Veal ซึ่งนุ่มและรสชาติดี สีสันสวยงาม แต่ที่ว้าวเป็นพิเศษ คงต้องยกให้ตัว Baked Potato ที่ทำออกมาได้กรอบ เพิ่ม Texture ที่หลากหลายบนจาน แถมแตกต่างจาก Baked Potato ทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าคุณเป็นคนไม่ทานเนื้อ ก็สามารถเลือกจานปลาได้นะครับ จะเป็นปลา Renkodai ซึ่งตัวใหญ่เลยทีเดียว
ของหวานคือ Rhubarb Clafoutis และ Signature Dessert Trolley ซึ่งทำออกมาได้ดีเยี่ยมอีกเช่นเคย โดยเฉพาะ Signature Dessert Trolley ที่คุณสามารถเลือกทานได้ทั้งหมด 3 คำ จากทั้งหมดน่าจะ 8 อย่างที่วางอยู่บน Trolley เรียกว่าเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ถือเป็น Course ที่ปรุงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และกลมกล่อมมากจริง ๆ นะครับ กับ Stage Last Menu ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ 7 Courses ราคา 3,500++ และ ‘STAGE Experience’ 10 Courses ราคา 4,900++ หรือใครจะเพิ่มไวน์แพริ่งก็ได้นะครับ มีให้เลือกทั้งแบบ 3 แก้ว (1,700++) และแบบ 6 แก้ว (3,200++)
Stage เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวัน เวลา 12.00-14.30 น. สำหรับ 4 ท่านขึ้นไปกรุณาจองโต๊ะล่วงหน้า 1 วัน สำหรับมื้อดินเนอร์ เวลา 18.00-00.00 น. (เปิดรับจองโต๊ะรอบสุดท้ายเวลา 20.30 น.) สอบถามข้อมูล โทร. 0-2002-5253, 083-623-4444