ขึ้นชื่อว่า “งาน” ไม่ว่าจะเป็นอะไร แค่ได้ยินชื่อก็พาลไม่รู้สึกอยากทำแล้ว และเชื่อว่าผู้อ่านจำนวนไม่น้อยก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน แม้จะมีงานที่ต้องทำมากมาย แต่กลับไม่มีอารมณ์จะทำเอาเสียเลย รู้สึกขี้เกียจ ไม่มีไฟ ไม่ Productive และสารพัดเหตุผลฉบับคนขี้เกียจ ทำให้งานไม่คืบหน้าไปไหน และต้องมาปั่นเอาตอนใกล้ Deadline ซึ่ง MenDetails เอง ก็มีช่วงเวลาที่เป็นแบบนั้นอยู่ไม่น้อยครับ ครั้นจะให้ไปใช้วิธีแบบมหาเศรษฐีระดับโลก ก็ดูยุ่งยากไปสำหรับเราอีก แต่มีก็มี เทคนิคจัดการเวลา บางอย่าง ที่เราคิดว่าง่าย (และเราใช้วิธีเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง) ที่สามารถช่วยกระตุ้น ทำให้เราทำงานจนเสร็จได้ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับ
กฎ 5 นาที เพราะบางครั้งทุกอย่างก็เริ่มต้นใน 5 นาที
วิธีแรกที่เราอยากแนะนำให้รู้จัก คือ กฎ 5 นาทีครับ เป็นเทคนิคที่ MenDetails เองก็ใช้บ่อย ๆ โดยเทคนิคนี้จะบอกว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นใน 5 นาที และเป็นการเล่นกับกลไกความคิดของสมองมนุษย์ที่ได้ผลมาก ๆ เพราะสมองของมนุษย์ในปัจจุบัน เวลาเจองานหรือภาระอะไรที่เรารู้สึกว่ายุ่งยาก มันจะเริ่มคิดว่าทางหนี สั่งให้เราพุ่งความสนใจไปที่อย่างอื่น ที่ทำแล้วสบายใจกว่า มีความสุขกว่า ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกความกดดันจากงานถาโถมใส่ (และเป็นคำตอบว่า ทำไมเวลาเราจะทำงาน เรามักเผลอหยิบมือถือมาไถ Social media หรือหาอะไรทำเรื่อยเปื่อยไม่ยอมทำงานให้เสร็จเสียที)
ปัญหาคือ ยิ่งเรารู้สึกสบายมากเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งไม่อยากกลับไปทำงานที่ทำให้ตัวเองต้องเครียดมากขึ้นเท่านั้น พอไม่กลับไปทำงาน งานก็ไม่เสร็จ สมองเราก็จะเริ่มเครียดอีกเพราะกลัวมันจะเสร็จไม่ทันเวลา แต่ก็จะยิ่งปกป้องตัวเองด้วยการเหความสนใจไปที่อื่นอีก
สำหรับสมองของเราในการทำงานสักงานหนึ่ง สมองเราจะทำการประเมินงานนั้น ๆ โดยที่บางทีเราเองก็ไม่รู้ตัว ว่างานมันยากขนาดไหน และต้องใช้เวลาทำนานหรือไม่ ยิ่งงานยาก ใช้เวลาทำนาน ก็ยิ่งไม่อยากทำ แต่ตรงจุดนี้ก็มีทางหลอกสมองนิดหน่อย เพราะที่จริงเราไม่จำเป็นต้องทำรวดเดียวเสร็จก็ได้ แค่แบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ แล้วแยกกันทำตามเวลาที่กำหนด ก็น่าจะเสร็จได้ไม่ยาก
และนี่คือจุดเริ่มต้นของกฎ 5 นาทีครับ สำหรับเทคนิคนี้ ขอแค่เราฝืนใจเริ่มทำงานนั้น ๆ เป็นเวลา 5 นาที เมื่อครบ 5 นาทีแล้ว เราสามารถเลิกทำ พักผ่อนได้ทุกเมื่อ นำมาสู่ความแปลกของการทำงานของสมองคนเราอีกอย่างครับ เพราะเมื่อมันเริ่มจดจ่อกับสิ่งใด หรืองานใดแล้ว มันมักจะต้องการทำสิ่งนั้น ๆ ให้เสร็จ เพราะสมองไม่ชอบทำอะไรให้ค้างคา
นั่นทำให้การเริ่มทำงาน 5 นาทีของเรา เมื่อเวลาครบแล้ว งานที่เราฝืนใจทำมันก็ยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่ สมองของเราก็จะรู้สึกว่า “5 นาทีผ่านไปไวจัง ทำต่ออีกนิดดีกว่า” หรือ “ทำตรงนี้อีกนิดให้เสร็จ แล้วจะไปพักล่ะ ค่อยมาทำใหม่” แล้วเราก็จะนั่งทำมันต่อเกิน 5 นาที หากเป็นงานที่ไม่ยุ่งยากมาก เราอาจทำมันเสร็จเลยก็ได้ ใครจะรู้?
แต่ถ้าท้ายที่สุดแล้ว เมื่อ 5 นาทีผ่านไป แล้วเรายังรู้สึกขี้เกียจ เราก็สามารถพักได้เลยเพราะอย่างน้อยใน 5 นาทีนี้เราก็ได้เริ่มงานบางอย่างไปแล้ว พอมันเริ่มแล้ว เดี๋ยวสมองมันจะค่อย ๆ สั่งให้เรากลับมาทำต่อให้เสร็จเอง ยิ่งถ้าใครแบ่งส่วนการทำงานว่า ตอนนี้ทำถึงแค่นี้ เดี๋ยวค่อยมาทำต่อก็ยิ่งง่ายเลยครับ เพราะสมองจะไม่ได้มองงานเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว แต่จะมองเป็นชิ้นเล็ก ๆ ที่ง่ายกว่ามาก
สำหรับเราเวลาใช้วิธีนี้ มักจะนั่งทำต่อเนื่องได้ไม่เกิน 30 – 50 นาที เพราะความสนใจในเรื่องหนึ่ง ๆ ของมนุษย์มักจะอยู่ในช่วงกรอบเวลานี้ พอพ้นกรอบนี้ไปความสนใจเราจะตกลงไปเรื่อย ๆ ถึงตอนนั้น MenDetails ก็ไปนั่งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อะไรต่อมิอะไรแล้วครับ แต่เป็นวิธีที่เราใช้แล้วได้ผลดี จึงอยากบอกต่อ เพราะบางครั้งทุกอย่างก็เริ่มต้นใน 5 นาทีจริง ๆ แต่วิธีนี้อาจพลิกแพลงได้นิดหน่อย อาจเปลี่ยนจากลองเริ่มทำแค่ 5 นาที เป็น 10 หรือ 15 นาทีแทนก็ได้ครับ แล้วแต่ว่าใครถนัดเท่าไหร่
กฎ 10 นาที เพราะเราจะทำให้เสร็จใน 10 นาที
วิธีนี้มีแนวคิดคล้ายๆ กฎ 5 นาที แต่จะต่างตรงที่เราจะตั้งเวลาไว้ 10 นาที และตั้งใจว่าจะทำงานนั้น ๆ ให้เสร็จ ซึ่งวิธีนี้ ส่วนตัวจากที่ใช้ คิดว่าเหมาะกับงานเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ยากมาก แต่เพราะเป็นงานเล็ก ๆ ที่ไม่ยากมากนี่ล่ะครับ สมองเราเลยไม่ยอมสั่งให้ลงมือทำเสียที จนต้องมานั่งปั่นเอานาทีสุดท้าย และยังเหมาะกับงานที่ไม่ใหญ่ ไม่ยากมาก แต่มีขั้นตอนที่ยิบย่อยที่วุ่นวาย เราก็สามารถแบ่งขั้นตอนเหล่านั้นออกเป็นส่วนละ 10 นาทีได้
วิธีนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เราตั้งเวลาไว้ 10 นาที แล้วทำงานนั้น ๆ ให้เสร็จใน 10 นาทีนี้ ในช่วงเวลานั้นที่เรากำลังทำงาน สมองและสติของเราจะทุ่มไปที่สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้เสร็จ เป็น 10 นาทีที่ไฟในตัวของเราจะพลุ่งพล่าน จนทำงานเสร็จได้ง่าย ๆ ครับ แต่ถ้าเป็นงานที่ขั้นตอนวุ่นวาย เราแบ่งมันทำขั้นตอนละ 10 นาที พอทำแต่ละขั้นตอนเสร็จ ถ้ามีเวลาก็สามารถพักไปนั่ง ๆ นอน ๆ ได้สักหน่อยครับ แต่ถ้าเป็นงานเร่ง การแบ่งเป็นส่วน ๆ แล้วทำให้เสร็จส่วนละ 10 นาที ก็พอช่วยได้เหมือนกัน เพราะเวลาเราทำแต่ละขั้นตอนเสร็จ สมองของเราจะมีความรู้สึกว่าเราได้ทำบางอย่างสำเร็จไปแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่านี่คืองานก้อนใหญ่ ที่พอทำเสร็จไปนิดเดียว การหลอกสมองด้วยความรู้สึกแบบนี้จึงเป็นหัวใจสำคัญครับ
กฎ 2 นาทีสำหรับงานเล็ก ๆ
มีอีกเทคนิคหนึ่งที่เราอยากแนะนำให้รู้จัก และก็เป็นเทคนิคเล็ก ๆ ที่เราชอบใช้ในหลาย ๆ โอกาส นั่นคือ เทคนิค 2 นาทีครับ เทคนิคนี้ง่ายยิ่งกว่า 2 อันแรกที่เขียนถึงไปก่อนหน้า
เทคนิคนี้เหมาะกับงานยิบย่อยมาก ๆ ถ้าหากงานของเรา มีอะไรที่ทำเสร็จได้ใน 2 นาที ให้เราเริ่มทำอันนั้นก่อน หรือ ถ้าทำงานใหญ่อะไรที่เป็นส่วนง่าย ๆ ก็ทำให้เสร็จก่อน อย่าปล่อยไว้นาน เมื่อทำเสร็จอย่างน้อยสมองเราจะคิดว่า งานหมดไปหนึ่งอย่างแล้ว ก็จะมีงานน้อยลงไปอีกนิด
แต่ในบางกรณี เทคนิคจัดการเวลา อาจไม่ได้ผล ก็ลองโยนมันทิ้งไป
อันนี้แถมท้ายอีกสักหนึ่งเทคนิค แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคนิคการจัดการเวลาที่เรากล่าวมาใน 3 หัวข้อก่อนหน้า แต่เหมาะสำหรับกระตุ้นสายขี้เกียจอย่างเรา ๆ ได้ดีเช่นกัน และเหมาะกับการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยครับ เพราะในบางกรณีเราก็ขี้เกียจ หรือรู้สึกไม่อยากทำงานนั้น ๆ จนไม่สามารถแบ่งเวลาได้
หากเป็นแบบนั้น คงต้องใช้หลักจิตวิทยาเข้าช่วย และโยนเทคนิคการจัดการเวลาออกนอกหน้าต่างไปก่อน อย่างที่บอกไปในกฎ 5 นาทีว่า เมื่องานมีขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อน หัวสมองเราจะไม่อยากทำสิ่งเหล่านั้น วิธีการง่าย ๆ คือ แทนที่จะไปคิดว่างานนั้น ๆ หรือสิ่งที่ต้องทำมันมีรายละเอียดยิบย่อยอะไรบ้าง ให้เราเลิกคิดถึงรายละเอียด ขั้นตอนยิบย่อยต่าง ๆ เหล่านั้น แล้วมองให้มันเป็นก้อนกลม ๆ มากขึ้น มองให้ขั้นตอนมันดูน้อยลงมากขึ้นแทนครับ
ยกตัวอย่างเช่น งานนี้เราต้องทำไฟล์นำเสนองาน แล้วในไฟล์ต้องประกอบด้วย A B C D แล้วในหัวข้อต้องประกอบด้วย A B C D ยิ่งเรามองมันยิบย่อยมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกว่ามันยุ่งยากมากขึ้น แต่ถ้าเรามองแค่ หัวข้อหลักที่ต้องใส่ในไฟล์เสนองานมีอะไรบ้าง แล้วพอทำหัวข้อนั้น ๆ ค่อยใส่รายละเอียดย่อยลงไป มันก็จะดูน้อยลงครับ และอาจจะช่วยลดความไม่อยากทำได้มากขึ้น
ซึ่งหลักการคิดแบบนี้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น วันนี้ทำงานเสร็จ กลับถึงบ้านเราต้องทำ A B C D เยอะไปหมด แค่คิดก็เหนื่อย อย่างแรกอย่าเพิ่งไปคิดถึงรายละเอียดที่ต้องทำตอนถึงบ้าน แต่ให้คิดว่าเดี๋ยวเลิกงานจะได้กลับบ้านก่อน ค่อย ๆ คิดทีละอย่าง อย่าเพิ่งคิดหลายขั้นตอน ข้ามขั้นไปนั่นไปนี่ เพราะมันจะทำให้เราเหนื่อยโดยที่ยังไม่ได้ทำเลยครับ
และนี่คิดวิธีการจัดการเวลา เพื่อกระตุ้นให้เราทำงานเสร็จได้ฉบับคนขี้เกียจ ที่ MenDetails ก็ใช้เป็นประจำและได้ผลดีเสียด้วย แต่ก็ต้องบอกก่อนนะครับว่าแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน และวิธีที่เราบอกนี้ไม่ได้ใช้ได้ทุกครั้งและทุกงาน ก็ลองปรับให้เข้ากับงานที่จะทำ หรือตามความสะดวกนะครับ ถ้าเราแบ่งสัดส่วนงานดี ๆ ตั้งเป้าทำไปเรื่อย ๆ ถ้าทำได้ตามที่ตั้งใจยังไงก็เสร็จครับ และถ้ายิ่งเริ่มทำไว เสร็จไว ก็จะยิ่งมีเวลาไปพักผ่อนได้ไวขึ้นครับ