สถานการณ์ Locking Down จากวิกฤติการณ์ COVID-19 ที่ลากยาวมาเป็นแรมปี อาจทำให้ผู้ชายหลายคนมีความมั่นใจว่า การ แต่งตัวให้ดูดี จากภายนอกนั้นไม่น่าจะมีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว นั่นเพราะเมื่อเราไม่จำเป็นออกไปทำงานนอกบ้าน ไม่ต้องไป ออกเดทกับสาว ที่ไหน แถมไม่ต้องนัดประชุมกับใครแบบเจอตัวเป็น ๆ อีกต่อไปแล้ว การแต่งตัวเพื่อเสริมบุคลิกภาพของตัวเองมันจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า?
เพราะ “เพื่อนบ้าน” มีโอกาสเห็นบุคลิกของเราบ่อยขึ้น
ชีวิตคนเมืองก่อนหน้านี้ที่เราต้องเดินทางออกจากบ้านไปในย่านต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้เรามักรู้สึก “ละเลย” การแต่งกายในเวลาที่เราอยู่บ้าน หรือในเวลาที่ต้องเอาไปทำธุระนอกบ้านแค่ใกล้ ๆ เช่น เดินไปซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ ด้วยภาพลวงตาที่บอกเราว่า “แค่นี้เอง ไม่มีใครเห็นหรอก” แต่อย่าลืมว่าเมื่อเราใช้ชีวิตอยู่บริเวณบ้านมากขึ้น นั่นหมายความว่าโอกาสที่เพื่อนบ้านโดยรอบของเราจะได้เห็นสภาพร่างกายและการแต่งกายของเรานั้นมีเพิ่มสูงขึ้นด้วย การแต่งกายอยู่บ้านหรือทำธุระใกล้บ้านกลับกลายเป็นมีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์และตัวตนของเรามากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งเราไม่ควรละเลยเช่นกัน
เพราะผู้คนยังมองหาความเป็น “มืออาชีพ” แม้ Work From Home
อย่าเข้าใจผิดว่า MenDetails กำลังบีบบังคับให้ทุกคนเชื่อว่า “การแต่งกาย” เพียงอย่างเดียวจะทำให้คุณดูเป็นผู้ชายที่ทำงานได้ดี เป็น Professional และมีความเป็นมืออาชีพ เราเองรู้ดีว่ามันมีปัจจัยนอกเหนือจากการแต่งกายอีกมากนัก แต่ทว่า หากผู้ชาย 2 คนที่มีความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงานเท่ากัน สิ่งที่แตกต่างกันคือคนหนึ่งมีความพยายาม “แต่งตัวให้ดูดี” อยู่เสมอแม้ทำงานทางไกลหรือประชุมแบบออนไลน์ กับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ “ไม่แคร์ใครทั้งสิ้น” และเชื่อว่าจะแต่งกายให้ชุ่ยแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ตราบใดที่เขายังทำงานได้ดี ซึ่งหากมองโดยผิวเผินแล้วนั้น เหตุผลของคนที่สองก็ไม่ได้ผิดตรงไหน แต่ลึก ๆ แล้ว เราทุกคนต่างยังคงมองหาความเป็นมืออาชีพบางอย่างในตัวผู้ร่วมงาน และถ้าหากเราเชื่อว่าการแต่งกายคือการสื่อสารอย่างหนึ่งที่ช่วยบอกว่าตัวตนของเราเป็นอย่างไร การ Dressing Up แม้ในจังหวะ Locking Down ยังคงมีความหมายเสมอในแง่นี้ครับ
เพราะการ Dressing Up ช่วยเพิ่มความรู้สึกดีกับตัวเองได้ แม้อยู่คนเดียว
ลองนึกภาพการตื่นนอนขึ้นมาทุกวัน ด้วยชุดนอนตัวย้วยใส่สบายสุด ๆ กับผมเผ้ายุ่งเหยิงที่เราไม่รู้สึกว่ามีความจำเป็นใด ๆ อีกแล้วที่จะต้องจัดทรงให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมทั้งกลิ่นกายธรรมชาติไร้การปรุงแต่งใด ๆ หากเป็นช่วงแรกของการ Lockdown เหตุการณ์ดังกล่าวคงจะเป็นสวรรค์ของใครหลายคน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป การแต่งกายที่เหี่ยวเฉาจะไปลดความกระปรี้กระเปร่าและความรู้สึกกระฉับกระเฉงในการทำงานและกิจวัตรต่าง ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อถึงจุดนี้การลุกขึ้นมา Dressing Up ด้วยการ แต่งตัวให้ดูดี อีกครั้ง สามารถช่วยเพิ่มความรู้สึกดีให้กับตัวเราเองได้ แม้เราอยู่คนเดียวไม่มีใครเห็นก็ตาม เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดร่างกายและใบหน้าให้สะอาด เติมครีมบำรุงผิวหน้าเล็กน้อย จากนั้นฉีดน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองชอบสักหน่อย แล้วจึงหยิบเครื่องแต่งกายที่เราใส่แล้วรู้สึกดีขึ้นมาสวมใส่อีกครั้ง MenDetails เชื่อว่าความรู้สึกดีกับตัวเอง หรือ Self-Esteem จะกลับมาได้หลังจากที่แห้งเฉาไปนาน
ไม่มีใครสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนแน่นอน ว่าเหตุการณ์ Locking Down แบบนี้จะยังคงอยู่ไปอีกนานแค่ไหน นอกจากนั้น MenDetails ยังเชื่อว่ารูปแบบการทำงานในอนาคตของเราจะเปลี่ยนไปอย่างถาวร การรวมกลุ่มกลับมาทำงานกันเป็นก้อนใหญ่จะลดลง ผู้คนจะทำงานอย่างกระจายตัวและพบเจอหน้ากันน้อยลงอีกด้วย กระนั้นก็ดีเรายังเชื่อว่า การแต่งกายให้ดูดีอยู่เสมอ ยังคงมีประโยชน์ทั้งสำหรับตัวเราเอง และสำหรับการสื่อสารตัวตนของคุณให้สังคมภายนอกได้รับรู้เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง อย่าลืม “Dressing Up” แม้ในช่วงเวลา “Locking Down” กันนะครับ