ในยุคที่เศรษฐกิจในอเมริกาเติบโตถึงขีดสุดช่วงปี 1980s ผู้คนเริ่มต้นหันมาจับจ่ายใช้สอยอย่างสนุกมือ และถือเป็นยุคที่ผู้คนเริ่มติดแบรนด์เนมอย่าง BMWs / Sony Walkmans / Ralph Lauren และรองเท้าที่ราคา $100 อย่าง New Balance 900 เป็นต้น จนกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทุกคนกล่าวถึงหากต้องการซื้อรองเท้า Sneakers สักคู่ในชีวิต และอาจกลายเป็นรองเท้าแบรนด์โปรดของใครหลาย ๆ คนในเวลาต่อมา และรุ่นที่บุกตลาดคนไทยได้ดีที่สุด ต้องยกให้ New Balnace 574 คู่นี้เลยครับ
กำเนิดในปี 1988
หลังจากประสบความสำเร็จจากการวางขาย 575 และ 576 ทางแบรนด์ก็เริ่มอยากออกแบบรองเท้าที่นำเอา Design จากทั้ง 2 รุ่นข้างต้นมามัดรวมกัน และนำเสนอให้แก่คนรุ่นใหม่ จึงถือกำเนิดรุ่น 574 ในปี 1988 ในเวลาต่อ ซึ่งแบรนด์เอง ไม่ได้คาดหวังว่ารองเท้ารุ่นนี้จะติดตลาดแต่อย่างใด จึงไม่ได้นำเอามาโฆษณาลงนิตยสาร แต่กลับกลายเป็นรองเท้าที่ทุกเพศทุกวัยให้ความสนใจอย่างมาก
Go Everywhere Shoes
สมัยก่อนนั้น New Balance มักผลิตรองเท้าสำหรับนักวิ่งเป็นหลัก อย่างเช่น รุ่น 9xx ซึ่งสมัยนั้น ยังไม่มีรองเท้ารุ่นไหนเลยที่ทางแบรนด์ตั้งใจผลิตมาเพื่อ All Purposes หรือใช้ได้หลากหลายในชีวิตประจำวัน จนเมื่อรุ่น 574 ถูกวางขายเท่านั้น รองเท้ารุ่นนี้ก็กลายเป็นที่นิยมนำมาใส่แบบ Lifestyle แถมยังโด่งดังให้หมู่นักร้อง Hip-Hop อีกด้วย
ในปี 2003 ถือเป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ของ NB 574 ซึ่งกลุ่มประเทศที่ปลุกกระแส ให้กับบ้านเรามากที่สุดคือ ญี่ปุ่น โดย 574 นั้นได้ขโมยซีนบนถนน Harajuku แบบหยุดไม่อยู่ จนมีงาน Collaboration ต่าง ๆ ออกวางขายอย่างไม่หยุดหย่อน เช่น Eric Haze / Nitraid / atmos / Undefeated / และ mita sneakers เป็นต้น
บ้านเราก็รับช่วงต่อของวัฒนธรรมจากญี่ปุ่นเหมือนส่งไม้ต่อ ทำให้เหล่าวัยรุ่นในช่วงนั้น ต่างหันไปหาแบรนด์ New Balance กันหมด และคู่แรกที่ทุกคนตามหากันก็คือ NB 574 สีเทาสุด Classic ชนิดที่ว่าใส่ชนกันทั่วสยามเลยก็มี
New Balnace 574 กลับมาวางขายอีกครั้ง (แต่ไม่บ่อย)
บ้านเราอาจไม่ค่อยได้เห็นรุ่น 574 บ่อยสักเท่าไรนักครับ ส่วนมาก เราจะเห็นได้เยอะในญี่ปุ่นอย่างร้าน ABC-MART เป็นต้น เพราะเหมือนเป็นรองเท้า Timeless Piece ที่คนญี่ปุ่นมักหาซื้อใส่กัน ส่วนในบ้านเรานั้น มักจะไม่ค่อยเห็น แต่โผล่มาเป็น Drop สั้น ๆ ไม่บ่อยนัก และครั้งนี้ New Balance เองก็หยิบเอารองเท้าคู่นี้มาวางขายอีกครั้ง (หลังจากวัน Grey Day เมื่อปีที่แล้ว)
วางขายแบบไม่เยอะครับ เพราะเข้ามาเป็น Drop เล็ก ๆ วางขายที่ Selected Store ด้วยเช่นเดียวกันอย่างร้าน SEEK Thailand เป็นต้น ด้วยราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ที่ 2,990.- เท่านั้น คุณจะได้เทคโนโลยีแบบครบ ๆ จากทางแบรนด์ทั้ง ENCAP Midsole ชิ้น Upper เป็นหนัง Suede และ Nylon Mesh พร้อมทรงรองเท้าที่เหมาะกับคนเท้าแบนและ Arch Support ที่ยอดเยี่ยม ถือเป็นรองเท้า Classic ที่คุณควรมีไว้ใส่ในวันสบาย ๆ แบบไม่ต้องกลัวตกแทรนด์ครับ