วิธีการหาจำนวน เงินหลังเกษียณ ที่เราเคยได้ยินหรือได้อ่านกันตามคำแนะนำทางการเงินส่วนใหญ่ มักจะบอกให้เรามองถึงชีวิตยามเกษียณ ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปีก่อนที่จะ “ตาย” จากนั้นนำจำนวนปีที่จะมีชีวิตอยู่คูณด้วยจำนวนรายจ่ายที่เราคิดว่าเราจะใช้บวกกับอัตราเงินเฟ้อ แล้วก็ฟันธงไปเลยว่านั่นคือตัวเลขของเงินที่เราควรจะมีเมื่อเราเกษียณหรือหยุดทำงาน
ยกตัวอย่างเช่น หากเราตั้งใจที่จะหยุดทำงานหาเงินเมื่ออายุ 60 ปี และคาดว่าจะอยู่ได้อีก 20 ปี จนมีอายุขัยถึง 80 ปีตามค่าเฉลี่ยแล้วก็จากโลกนี้ไป โดยคาดว่าจะมีรายจ่ายในช่วงเวลาดังกล่าวปีละ 300,000 บาท ก็แค่นำเอา 300,000 บาทคูณกับตัวเลข 20 ปี เท่ากับ 6,000,000 บาทก็ถือเป็นจำนวนเงินที่เพียงพอสำหรับการเกษียณแล้ว แต่ปัญหาสำคัญของวิธีคิดแบบนี้ก็คือ ถ้าหากเรามีอายุยืนกว่า 80 ปีล่ะ เราจะทำอย่างไร?
สูตรหา เงินหลังเกษียณ แบบ FIRE Number
MenDetails เชื่อว่าวิธีที่ดีกว่าในการคำนวณหาตัวเลขจำนวนเงินที่เราควรมีหลังจากหยุดทำงานหาเงินนั่นคือวิธีที่เรียกว่า FIRE Number ของกลุ่ม FIRE Movement ที่เราได้เคยพูดถึงกันไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยตัวเลขดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยเป็นหลัก ได้แก่ รายจ่ายต่อปี, อัตราการถอนเงินที่ปลอดภัย หรือ Safe Withdrawal Rate และ ผลตอบแทนที่เงินของเราจะทำงานหามาให้เราได้ต่อปี โดยมีเป้าหมายว่า การถอนเงินมาใช้จ่ายในแต่ละปีนั้นจะต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายปี และจะต้องไม่ทำให้เงินต้นของเราหมดลงก่อนที่เราจะตาย ซึ่งสูตรการหา FIRE Number มีวิธีการดังนี้ครับ
สูตรหา FIRE Number
รายจ่ายที่เราต้องการใช้ “ต่อปี” เมื่อหยุดทำงานหาเงิน
หารด้วย
อัตรา % การถอนเงินที่ปลอดภัย (Safe Withdrawal Rate – SWR)
รายจ่ายต่อปีของเราควรเป็นเท่าไหร่กันแน่ ?
MenDetails คงไม่สามารถตอบแทนผู้อ่านทุก ๆ คนได้ว่าแต่ละคนควรจะมีรายจ่ายต่อปีเท่าไหร่ นั่นเพราะแต่ละคนก็มีมาตรฐานการครองชีพที่ต่างกัน บางคนอยากใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมากและมองว่า รายจ่าย 10,000 บาทต่อเดือนหรือ 120,000 บาทต่อปีก็เหลือแหล่แล้ว แต่ผู้ชายบางคนอาจบอกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 12 ล้านบาทต่อปีนั้นยัง “น้อยไป” ก็มีเช่นกัน ตัวเลขดังกล่าวจึงต้องเป็นตัวเลขที่แต่ละคนไปนั่งคิดนั่งหากันเอาเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องคิดเผื่อไว้ด้วยนั่นก็คือเรื่องของ “เงินเฟ้อ” นั่นเพราะเวลาเราพิจารณา “รายจ่ายต่อปี” นั้น เรามักจะคิดจากสถานการณ์ปัจจุบันเป็นหลัก แต่อัตราเงินเฟ้อจะทำให้เราต้องจ่ายเงินมากขึ้นในอนาคตเพื่อมาตรฐานการครองชีพที่เท่าเดิมในปัจจุบัน ซึ่ง MenDetails มีสูตรคิดง่าย ๆ แบบเผื่อเหลือเผื่อขาด นั่นก็คือ “ค่าครองชีพของเราจะคูณสองทุก ๆ 20 ปี”
หากปัจจุบันเรามีอายุ 40 ปี และมีรายจ่ายที่อยู่ได้อย่างโอเคในปัจจุบันประมาณ 25,000 บาทต่อเดือน หรือ 300,000 บาทต่อปี และอยากจะหยุดทำงานหารายได้ในอีก 20 ปีข้างหน้าที่อายุ 60 ปี เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวเลข FIRE Number ของเราไม่ควรจะคำนวณจากรายจ่าย 300,000 บาทต่อปี แต่ควรจะคำนวณด้วยรายจ่าย 600,000 บาทต่อปีแทน ตามสมมติฐานว่า เงินเฟ้อจะทำให้ค่าครองชีพของเราสูงขึ้นเป็น 2 เท่า ทุก ๆ 20 ปีนั่นเอง
Safe Withdrawal Rate คืออะไร ?
หลักการของ Safe Withdrawal Rate หรือ SWR คือ อัตรา % การถอนเงินที่ปลอดภัย เพื่อนำไปใช้จ่ายโดยที่เงินลงทุนของเราจะไม่หมดก่อนที่เราจะเสียชีวิต ซึ่งจะประกอบด้วย 2 ปัจจัยได้แก่ อัตราผลตอบแทนที่เงินลงทุนของเราจะหาได้ในแต่ละปี ลบออกด้วยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปี ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีความรู้ทางการลงทุนและสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ประมาณ 7% ต่อปี เมื่อลบออกด้วยอัตราเงินเฟ้อระยะยาวต่อปีที่ราว 3% ก็จะเหลือเป็น Safe Withdrawal Rate ที่ 4% ซึ่งสอดคล้องกับกฎ 4% หรือ 4% Rule แต่ถ้าหากเราคิดว่าสามารถสร้าผลตอบแทนได้แค่ 5% ต่อปี เมื่อนำไปลบออกด้วยเงินเฟ้อที่ 3% ก็จะทำให้อัตรา SWR ของเราลดลงมาอยู่ที่ 2% เท่านั้น เป็นต้น ดังนั้นตัวเลขอัตรา SWR ของเราจะเป็นเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความรู้และฝีมือในการลงทุนขนาดนั้นด้วยนั่นเองครับ
นำทั้งสองอย่างมาประกอบร่างกันเพื่อหา FIRE Number
เมื่อเราได้รายจ่ายต่อปีที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ กับอัตราการถอนเงินอย่างปลอดภัยของตัวเราเองแล้ว ก็นำทั้งสองอย่างมาคำนวณตามสูตรได้เลย
ตัวอย่างเช่น หากปัจจุบันนาย A มีอายุ 40 ปี และมีรายจ่ายที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ลำบากในปัจจุบันประมาณ 25,000 บาทต่อเดือน หรือ 300,000 บาทต่อปี เมื่อนาย A อายุครบ 60 ปี เขาน่าจะต้องใช้เงินเดือนละ 50,000 บาท หรือ 600,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ และเขามั่นใจว่าจะสามารถนำเงินไปหาผลตอบแทนได้ประมาณ 7% ต่อปีและคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3% ทำให้อัตราการถอนเงินมาใช้ (SWR) ของเขาจะอยู่ที่ 4% ต่อปี
FIRE Number ของนาย A = 600,000 หารด้วย 4% = 15,000,000 บาท
เงินหลังเกษียณ จะหมดก่อน หรือ เราจะตายก่อนกัน ?
จากการทดสอบสมมติฐานด้วยตัวอย่างของนาย A ข้างต้นนี้ หากนาย A ถอนเงินไปใช้จ่ายทุก ๆ ต้นปี เงินต้น 15 ล้านบาทของนาย A จะหมดลงในปีที่ 72 ซึ่งหากนาย A ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีอายุ 142 ปี แต่ถ้านาย A เลือกถอนเงินไปใช้จ่ายในช่วงปลายปีโดยปล่อยให้เงินต้นได้ออกไปหาผลตอบแทนทั้งปีก่อน เงินต้นของนาย A ก็จะไม่มีวันหมดลงเลย ซึ่งนั่นทำให้วิธีการคิดเช่นนี้ได้ผลดีในระยะยาวมากกว่าวิธีการแบบเดิม ๆ ที่เสี่ยงกับการเจอปัญหา “เงินหมดก่อนตาย” อันเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอแน่นอนครับ
การรู้ระดับค่าใช้จ่ายมาตรฐานความเป็นอยู่ของตัวเอง บวกเผื่อระดับเงินเฟ้อ ควบคู่กับการหาอัตราการถอนเงินที่ปลอดภัยตามระดับความรู้ทางการลงทุนที่จะช่วยให้เงินของเรายังคงทำงานหาผลตอบแทนต่อไปได้ในยามที่เราไม่ได้ทำงานหาเงินเองแล้ว 3 สิ่งนี้เองจะช่วยให้เราสามารถหา FIRE Number ของตัวเองได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ “เงินหมดก่อนตาย” แถมยังเหลือเป็นมรดกไว้ให้ลูกหลานหรือทายาทได้อีกต่างหาก
หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว รู้หรือยังครับว่า FIRE Number ของคุณเท่ากับเท่าไหร่ ?