เวลาผู้ชายเราเลือกซื้อกางเกง เรามักสนใจแค่ขนาดเอวว่าจะใส่ได้ไหม และความยาวของขากางเกงประมาณเท่าไหร่ เท่านั้นก็จบแล้ว บางคนถึงขั้นไม่ได้สนใจว่ากางเกงจะยาวเกินไปหรือไม่ด้วยซ้ำ แต่ทว่าความเป็นจริงนั้นเรื่องของกางเกงขายาวของผู้ชายยังมีรายละเอียดยิบย่อยซับซ้อนอีกมากมายครับ และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ “ความกว้างของปลายขากางเกง” นี่แหละครับ
ความกว้างที่ต่างกันแค่ 1 เซ็นติเมตร อาจเปลี่ยนสไตล์การแต่งกายได้เลย
ความกว้างของขากางเกงเป็นสิ่งที่อ่อนไหวมากอย่างคาดไม่ถึง เพราะขนาดความกว้างที่ต่างกันจะให้อารมณ์และสไตล์ของการใส่กางเกงที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางครั้งแค่ 1 เซ็นติเมตรก็มีผลต่อสไตล์การแต่งกายโดยรวมได้อย่างมากเลยทีเดียว สิ่งที่ผู้ชายควรจำไว้เป็นแนวทางคร่าวๆก็คือ ยิ่งความกว้างของปลายขากางเกงของเราเล็กลงเท่าไหร่ กางเกงตัวนี้ก็จะยิ่งสุภาพและมีความเป็นทางการ “น้อยลง” เท่านั้น อธิบายง่ายๆก็คือ กางเกงที่เราจะใส่คู่กับเสื้อเชิ้ตหรือชุดสูทควรจะมีความกว้างของปลายขากางเกงที่กว้างกว่ากางเกงลำลองอย่างยีนส์หรือชีโน่ที่เราใส่กันเล่นๆในชีวิตประจำวันครับ
ปลายขากางเกงที่แคบหรือกว้าง ช่วยกำหนดสไตล์และรูปแบบการแต่งกายให้แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน | haggar.com
กว้างประมาณครึ่งหนึ่งของรองเท้าที่ใส่
นี่คือหลักการที่เป็นทางสายกลางสำหรับคนที่ขี้เกียจคิดมากให้เสียเวลา วิธีการเลือกความกว้างของขากางเกงที่เหมาะสมและใช้งานได้หลากหลายที่สุดก็คือ เมื่อเราใส่กางเกงของเราคู่กับรองเท้าคู่โปรด จากนั้นหันด้านข้าง แล้วให้ใครสักคนช่วยจับจีบกลางของปลายขากางเกงของเราแบบคร่าวๆทั้งด้านหน้าและหลัง โดยไม่ดึงผ้าให้ยืดออก หากปลายขากางเกงของเรามีความกว้างที่ครอบคลุมประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวของรองเท้าโดยรวม ถือว่ากางเกงตัวนี้มีความกว้างของขากางเกงที่ใช้ได้ครับ การที่เรากำหนดให้ปลายขากางเกงคลุมพื้นที่รองเท้าให้ได้ครึ่งหนึ่ง นั่นก็เพื่อสร้างความสมดุลไม่ให้ดูแล้วเหมือนเราใส่รองเท้าที่ยาวเกินไปจนเหมือนเรากำลัง “ลากเรือ” หรือสั้นเกินไปจนแทบมองไม่เห็นตัวรองเท้านั่นเองครับ
ตัวอย่างของปลายขากางเกงที่คลุมได้ประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวของรองเท้า เพื่อสมดุลที่ดี | hespokestyle.com
ส่วนใครที่ไม่มีกางเกงตัวจริงให้ลอง ก็สามารถคำนวณแบบคร่าวๆเพื่อหาความกว้างของขากางเกงที่เหมาะสมของตัวเองได้ครับ ตัวอย่างเช่น หากความยาวโดยรวมของรองเท้าที่เราใส่นั้นยาวประมาณ 30 เซ็นติเมตร ถึงแม้ครึ่งหนึ่งของความยาวของรองเท้าคือ 15 เซ็นติเมตรก็จริง แต่ปลายขากางเกงของเราควรมีความกว้างประมาณ 19 เซ็นติเมตรเมื่อวัดบนพื้นเรียบๆนะครับ เพราะเราต้องเผื่อไว้ราว 4 เซ็นติเมตรสำหรับส่วนโค้งที่โอบข้อเท้าของเราเวลาที่เราใส่กางเกงจริงๆด้วยครับ
วิธีการวัดความกว้างของปลายขากางเกงให้เราวัดเมื่อวางราบกับพื้น จากรูปเป็นการวัดด้วยหน่วยเป็น “นิ้ว” ซึ่งขากางเกงยีนส์ตัวนี้มีความกว้างประมาณ 8 นิ้ว หรือราว 20.5 ซม. เหมาะกับคนที่ใส่รองเท้าเบอร์ใหญ่หน่อยนะครับ| rivetandhide.com
จำแนวทางครึ่งหนึ่งของรองเท้าที่ใส่นี้เอาไว้ จากนั้นปรับเปลี่ยนตามสไตล์ของตัวเองครับ หากต้องการความสุภาพมากขึ้น ก็ให้เพิ่มความกว้างของปลายขากางเกงได้อีกเล็กน้อย และถ้าเป็นกางเกงยีนส์หรือชีโน่ที่ต้องการความลำลองก็ให้ลดความกว้างลงไปอีกเล็กน้อยได้เช่นกัน แต่จะเพิ่มหรือจะลดก็อย่าให้เกิน 2 เซ็นติเมตรจากมาตรฐานของตัวเองนะครับ เพราะเพิ่มมากไปก็จะดูแก่และโคร่งเกิน แต่ถ้าลดลงมากไปก็จะกลายเป็นกางเกงขาเดฟรัดข้อเท้าทันทีครับ
ใส่เสื้อแบบไหน ใส่กางเกงแบบนั้น
หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเรานับหน่วยที่ละเอียดถึงขั้นเป็นหลักเซ็นติเมตร นั่นก็เพราะปลายขากางเกงมีส่วนสำคัญมากที่ช่วยกำหนดรูปทรงและสไตล์ของกางเกงที่เราใส่ ส่งผลโดยรวมต่อสไตล์การแต่งกายของเราครับ และหลักสำคัญของเรื่องนี้อยู่ตรงที่การสร้างสมดุลของการแต่งกายทั้งตัวของเรา หากเราใส่เสื้อผ้าที่ Slim fit หรือเข้ารูป เราก็ควรใส่กางเกงทรงที่เข้ารูปและมีปลายขากางเกงที่เล็กกว่า “มาตรฐานกลาง” ของตัวเองเล็กน้อย แต่ถ้าเราใส่ชุดสูทเต็มตัวซึ่งจะทำให้ช่วงลำตัวของเราดูหนาขึ้นกว่าปกติเพราะมีเสื้อแจ็กเก็ตสูทตัวนอกทับอีกชั้น กางเกงของเราก็ควรจะมีทรงที่ใหญ่ขึ้น และมีปลายขากางเกงที่กว้างขึ้น เพื่อให้สอดรับกับช่วงลำตัวครับ การเอากางเกงขาเดฟหรือกางเกงที่มีปลายขากางเกงแคบๆเล็กๆไปใส่คู่กับสูทจะทำให้ความสมดุลเสียไป และทำให้เราดูเป็นผู้ชายที่มี “ขาตะเกียบ” คือช่วงลำตัวดูใหญ่ แต่ช่วงขาดูเล็กลีบกว่าความเป็นจริงครับ
เสื้อแจ็กเก็ตสูทกับกางเกงขาเดฟ และมีปลายขาลีบเล็ก ที่ทำให้ผู้ชายดูมี “ขาตะเกียบ” แม้จะเป็นเทรนด์แฟชั่นที่ได้รับความนิยม แต่ MenDetails ไม่แนะนำนะครับ | asos.com
Beckham เลือกใส่กางเกงที่ทรงใหญ่ขึ้นอีกหน่อย เพื่อรับกับแจ็กเก็ตของตัวเอง แบบนี้จะดูดีและสมดุลกว่าในความคิดของเราครับ
“กางเกงขาม้า” คือข้อยกเว้น
หลักการทั้งหมดที่เรานำมาบอกกันในวันนี้สามารถใช้ได้กับกางเกงขายาวแทบทุกทรงที่มีลักษณะ ‘Taper’ หรือเข้ารูปไล่จากเอวและเล็กลงเรื่อยๆจนถึงข้อเท้า ซึ่งจะ Taper มากหรือน้อยนั้น ขนาดของปลายขากางเกงจะมีส่วนสำคัญมาก แต่ว่ามีข้อยกเว้นอยู่ 1 อย่างนั่นคือ “กางเกงขาม้า” ซึ่งเป็นมรดกตั้งแต่ยุคดิสโก้, ฮิปปี้ และยุค 90’s ที่มีปลายขากว้างผิดสัดส่วน และไม่สามารถใช้คำแนะนำของเรามาประยุกต์ใช้ได้นะครับ
สาวกกางเกงขาม้า ไม่สามารถใช้คำแนะนำของเราในครั้งนี้ได้ครับ
ในยุคที่กางเกงทรง Skinny และการใส่กางเกงยีนส์แบบลดไซส์ยังคงได้รับความนิยมอยู่เป็นวงกว้าง จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นผู้ชายบางคนใส่กางเกงยีนส์ที่ปลายขากางเกงลีบเล็กและรัดกับข้อเท้ามากๆ แต่ผู้ชายเราก็ควรตระหนักว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เราไม่สามารถใส่กางเกงที่มีปลายขาแคบๆแบบนั้นได้ตลอดเวลา การรู้จักปรับขนาดความกว้างของปลายขากางเกงตามความเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่สุภาพบุรุษไม่ควรมองข้าม เพื่อปรับสมดุลสำหรับการแต่งกายของเราเองให้ถูกต้องและเหมาะสมกับกาลเทศะนะครับ