สำหรับผู้ชายที่ชื่นชอบและหลงใหลในงานวิศวกรรมอันน่าทึ่งของนาฬิกา คงจะพอทราบกันดีว่าโลกของนาฬิกาสำหรับผู้ชายมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่เราเห็นตามสื่อทีวีและนิตยสารเป็นประจำ และ MenDetails ก็ได้เคยแนะนำค่ายนาฬิกาอิสระหรือที่เรียกว่า “Independent Watch” กันไปบ้างแล้ว ในครั้งนี้เราได้มีโอกาสสัมผัส นาฬิกา Speake-Marin ที่เป็นค่ายนาฬิกาอิสระที่ยังคงอนุรักษ์ความคลาสสิค บนวิศวกรรมอันน่าทึ่ง จึงอยากนำมาแนะนำให้ผู้อ่าน MenDetails ได้รู้จักกันครับ
นาฬิกา Speake-Marin ‘Inspired with British Style’
Speake-Marin (สะปี๊ค-มาริน) เป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีขั้นตอนการผลิตทั้งหมดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่มีต้นกำเนิดของงานออกแบบแรกสุดจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยช่างนาฬิกาและนักออกแบบนาฬิกาฝีมือดีนามว่า Peter Speake-Marin ต่อมาได้ร่วมทุนกับตัวแทนจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนที่เปรียบเสมือนเมืองหลวงของนาฬิการะดับสูง จนกลายมาเป็นแบรนด์ Speake-Marin อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
‘One & Two Openworked’ Collection
เป็นปกติของค่ายนาฬิกาอิสระ (Independent watch brand) ที่จะมีคอลเล็คชั่นนาฬิกาของตัวเองไม่เยอะนัก แต่ Speake-Marin มุ่งเน้นให้แต่ละคอลเล็คชั่นนั้นน่าสนใจ และมีดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมกับระบบวิศวกรรมนาฬิการะดับสูงสุด
หน้าปัดแบบ Openworked คือหน้าปัดที่เปิดเผยให้เห็นถึงกลไกบางส่วนของนาฬิกา ซึ่ง Speake-Marin ใช้กลไกประเภท Micro-Rotor กับคอลเล็คชั่นนี้ และตั้งใจเปิดเผยกลไกดังกล่าวให้เห็นโดยเฉพาะ ส่วนที่เหลือถูกปิดไว้ด้วยโครงสร้างที่ตกแต่งลวดลายที่เรียกว่า Geneva Stripes (ริ้วเจนีวา) อันเกิดจากการค่อย ๆ เจียพื้นผิวเป็นร่องโค้งตื้น ๆ ทีละร่องอย่างประณีตบรรจง จนมีลักษณะคล้ายเกลี่ยวคลื่น เป็นรัศมีโค้งรอบ ๆ หน้าปัด ที่จะสะท้อนเป็นลวดลายสวยงามเมื่อต้องกับแสงไฟ
– เจียร่องตื้น ๆ ทีละแถว จนมีลักษณะคล้าย “เกลียวคลื่น” Geneva Stripes (credit : Hodinkee.com) –
ตัวเรือน Piccadilly Case
ตัวเรือนนาฬิกาที่มีชื่อว่า Piccadilly (พิคคาดิลลี่) ตั้งชื่อตามย่าน Piccadilly Circus ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ Peter Speake-Marin เริ่มฝึกฝนอาชีพ Watchmaker ของตัวเอง ถือเป็นตัวเรือนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากการดีไซน์ใหม่หมดโดย Peter Speake-Marin ด้วยขาของตัวเรือนที่ประกบด้วยน็อตสกรูอันใหญ่เบิ้ม ถือเป็นความตั้งใจของ Speake-Marin ที่ต้องการให้ขาของนาฬิกานั้นแข็งแรง ไม่บอบบางบิดเบี้ยวง่ายเหมือนขานาฬิกาของยี่ห้ออื่น ๆ ทั่วไป ขณะเดียวกันยังคงความความคลาสสิคด้วยตัวเรือนที่บางเพียงแค่ 10.5 มิลลิเมตร ในรุ่น One & Two Openworked ซึ่งต้องถือว่าบางมากสำหรับนาฬิกาประเภท Mechanical Micro-Rotor แบบนี้
เข็มนาฬิกา Foundation Hands
เข็มนาฬิกา Foundation Hands ได้แรงบันดาลใจจากการออกแบบเข็มนาฬิกาของ Pocket Watch ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 ตัวเข็มชั่วโมงตั้งต้นมาจากสัญลักษณ์ “โพธิ์ดำ” (Spade) ในสำรับไพ่โป๊กเกอร์ ต่อมาถูกปรับแต่งโดย Speake-Marin จนมีรูปร่างคล้ายรูป “หัวใจ” และให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับเข็มนาฬิกาของหอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางกรุงลอนดอน อันเป็นสถานที่กำเนิดงานดีไซน์ของ Speake-Marin อีกด้วย
นาฬิกา Speake-Marin ‘Classic Beauty & Style’
แม้จะเป็นนาฬิกาจากค่ายอิสระ แต่ด้วย DNA ของความเป็นผู้ดีอังกฤษ ทำให้นาฬิกาจาก Speake-Marin ยังคงอยู่ในใจความของคำว่า ‘Classic’ ด้วยงานออกแบบที่ปฏิเสธการโหมประโคมเทคนิคและลูกเล่นให้ดูมากเกินพอดี แบบที่เรามักจะพบเห็นในนาฬิกาสายอินดี้แบรนด์อื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่ง MenDetails เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะลูกเล่นแพรวพราว บนนาฬิกาข้อมือขนาดใหญ่ ที่อัดเต็มไปด้วยกลไกมากมาย แม้จะดูน่าตื่นตาตื่นใจในช่วงแรก แต่สำหรับเราแล้ว มันไม่คลาสสิคพอที่เราจะหยิบใช้งานได้ทุกวันโดยไม่ถูกมองว่าเป็นผู้ชาย “ขี้อวด” ในท้ายที่สุด
โดยส่วนตัวเราชอบ นาฬิกา Speake-Marin ‘One & Two Openworked’ ขนาดตัวเรือน 38 มิลลิเมตร ที่ทำจากวัสดุไทเทเนี่ยม มาพร้อมสายหนังจรเข้สีดำ ซึ่งด้วยความบางของตัวเรือนทำให้เราสามารถใส่คู่กับเสื้อเชิ้ตและชุดสูทได้อย่างเหมาะสม กลับกันด้วยการเปิดเผยกลไกในสไตล์ Openworked ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความสนใจเพียงพอที่คุณจะใส่กับเสื้อเชิ้ต OCBD พับแขนเสื้อขึ้น คู่กับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง หรือแม้แต่กางเกงขาสั้นในวันพักผ่อนสบาย ๆ ได้เช่นกัน
Speake-Marin ‘One & Two Openworked’ ยังมีเวอร์ชั่นสีทอง Red Gold ให้เลือกซื้อ และทั้งสองสีมีขนาด 38 มิลลิเมตร และ 42 มิลลิเมตร สำหรับคนที่ชอบนาฬิกาไซส์ใหญ่หน่อย แต่สำหรับ MenDetails แล้วนั้น เราแนะนำไซส์ 38 มิลลิเมตร และสีเงินไทเทเนี่ยม (ราคาเริ่มต้นประมาณ 5 แสนกลาง ๆ) ดูจะเป็นสีและขนาดที่น่าจะเหมาะกับสไตล์ผู้ชายไทยสายคลาสสิคของเราเป็นอย่างดี หากใครสนใจก็คงต้องรีบหน่อย เพราะแต่ละรุ่นผลิตออกมาจำนวนจำกัดเพียงไม่ถึง 20 เรือนทั่วโลกเท่านั้น ลองไปแวะดูตัวจริงของ Speake-Marin ได้ที่ร้าน Timezone ศูนย์การค้า Gaysorn Village ไปจิบกาแฟชิลล์ ๆ แล้วพบปะสนทนากับผู้รู้จริงเรื่องนาฬิกาแบบสบาย ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อนะครับ