มนุษย์เราล้วนขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เป็นเป้าหมายระยะสั้นหรือยาวก็ตาม และเราก็จะพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้เพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น แต่ในชีวิตก็ไม่ได้พาเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการในทุกครั้ง บ่อยครั้งเราจะต้องเจอกับตัวเลือก อุปสรรค ปัญหามากมาย ดังนั้นการที่เราสามารถไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถช่วยได้ เป็นที่มาของแนวคิดการตั้งเป้าหมายที่เรียกว่า SMART Goal ที่ MenDetails อยากมาแนะนำให้รู้จักกันในบทความนี้ครับ
SMART Goal เป็นเทคนิคการตั้งเป้าหมาย ที่จะมาช่วยให้เราไปสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แบบชัดเจนและวัดผลได้ โดยใช้กรอบแนวคิดหลัก 5 อย่าง สามารถใช้ได้กับเรื่องการงาน ไปจนถึงเรื่องชีวิตส่วนตัว แต่ละข้อจะมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
S – Specific ต้องชัดเจน มีขอบเขตที่แน่นอน
ขั้นแรกในการไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เราต้องเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่มีความชัดเจน มีความเฉพาะเจาะจง เป็นการสร้างขอบเขตที่แน่นอนให้กับเป้าหมายนั้น ไปจนถึงอาจจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเราตั้งเป้าหมายดังกล่าวไปเพื่ออะไร และเรามีโอกาสเจออุปสรรคอะไร มีใครเกี่ยวข้อง เป็นต้น เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็จะได้รู้ตัวว่าต้องทำอะไร ไม่หลงทางหรือเปลี่ยนเป้าหมายกลางคันนั้นเองครับ
ตัวอย่างของการตั้งเป้าหมายแบบนี้ เป็นสิ่งที่เราสามารถเจอได้ในชีวิตประจำวันและการงานครับ เช่น จากเดิมที่เราตั้งเป้าหมายว่า ปีนี้จะลดน้ำหนัก ก็อาจจะต้องตั้งเป้าเพิ่มเป็น ปีนี้จะออกกำลังกายบ่อยขึ้นเพื่อลดน้ำหนัก หรือ ปีนี้จะกินอาหารที่มีไขมันสูงน้อยลง เพื่อลดน้ำหนัก เป็นต้น
M – Measurable เป้าหมายต้องวัดผลได้
เราจะรู้ได้ว่าเป้าหมายสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องมีการวัดผลที่เห็นได้ ไม่ใช่ใช้ความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดตัวเลขที่เห็นได้เพื่อวัดผล หรือบางเรื่องที่อาจไม่มีตัวเลขที่เห็นชัด ก็อาจจะใช้อย่างอื่นเพื่อวัดผล เพื่อให้รู้ว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จแล้ว หรือมีความคืบหน้าที่เห็นผลได้ ไปจนถึงขั้นย่อย ๆ ที่พาเราไปสู่เป้าหมายที่เราทำสำเร็จในกรณีที่เป็นเป้าหมายระยะยาว
ตัวอย่างที่ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว หากเราตั้งใจจะลดน้ำหนัก ก็ต้องตั้งเป้าต่อว่าจะลดน้ำหนักให้ได้กี่กิโล หรือจะไปออกกำลังกายสัปดาห์ละกี่ครั้ง หากเป็นการวางแผนการทำงาน เช่น สัปดาห์นี้จะทำงานให้เสร็จกี่งาน หรือหากเป็นโครงการระยะยาวก็ต้องเป้าว่าจะทำให้เสร็จถึงขั้นตอนไหน แบบนี้ถึงจะวัดผลได้
A – Achievable ต้องทำได้จริง ไม่เว่อร์เกินไป
เวลาที่เราตั้งเป้าหมาย การมองสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงก็สำคัญ เพราะหากเราตั้งเป้าหมายที่สูงหรือเว่อร์เกินไป ไม่สามารถทำได้ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเราตึงต้องวิเคราะห์ด้วยว่าเป้าหมายดังกล่าวเมื่อเริ่มลงมือทำตามเป้าหมายแล้ว จะสามารถทำสำเร็จได้ และเราได้ประโยชน์จากมัน ไม่ทำให้เราเสียเวลาไปฟรี ๆ ส่วนเรื่องที่ว่ามันจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ ยากง่ายเกินไปไหม ก็อยู่ที่การวิเคราะห์ของแต่ละคนครับ
ต่อจากข้อที่แล้ว หากเราต้องการลดน้ำหนัก และกำหนดวิธีการวัดผลที่ต้องการได้แล้ว ต้องมองด้วยว่าน้ำหนักที่ต้องการลด หรือวิธีหารวัดผล มันทำได้จริงหรือไม่ เช่น หากตั้งเป้าหมายว่าอยากลดน้ำหนักโดยการไปออกกำลังกายทุกวัน ก็อาจจะหักโหมเกินไป ไม่ดีต่อสุขภาพ หรือตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลภายในหนึ่งเดือน ก็คงเป็นไปไม่ได้
R – Relevant เชื่อมโยงในระยะยาว
การตั้งเป้าหมายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เราต้องมองถึงประโยชน์ที่ได้รับ หรือความต่อเนื่องในระยะยาวด้วย ว่าทำแล้วเราจะได้อะไร มันจะส่งผลต่อเรา หรือคนอื่น ๆ อย่างไร ถ้ามันช่วยเสริมให้ชีวิตเราดีขึ้น หรือเสริมให้เราไปสู่เป้าหมายที่สูงกว่าได้ง่ายขึ้น ก็ถือเป็นเป้าหมายที่ดี และเราจะมีแรงบันดาลใจในการทำมันมากขึ้นด้วยครับ
ยังคงต่อเนื่องในเรื่องการลดน้ำหนัก เราต้องมาวิเคราะห์ว่าหากมองความเชื่อมโยงในระยะยาวแล้ว เป้าหมายในการลดน้ำหนักของเราจะส่งผลอย่างไร อาจจะทำให้เราสุขภาพดีขึ้น หรือพอหุ่นดีขึ้น ก็จะทำให้เราแต่งตัวเท่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ไปจนถึงอาจจะทำให้ผู้หญิงประทับใจ ทั้งหมดก็ล้วนส่งผลต่อเนื่องไปชีวิตความเป็นอยู่ หรือเป้าหมายต่อไปได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ
T – Time-based ต้องมีกำหนดขอบเขตเวลาที่แน่นอน
สุดท้าย การกำหนดเวลาก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากตั้งเป้าหมายแต่ไม่มีการกำหนดขอบเขตเวลาที่แน่นอน เป้าหมายที่เราตั้งไว้ก็จะเลื่อนลอย หรือถูกเราผลัดออกไปเรื่อย ๆ มันก็จะไม่สำเร็จเสียที ดังนั้นการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน จะช่วยให้การวัดผลง่ายขึ้น และทำให้เราไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ตรงเวลาตามที่ต้องการครับ
อย่างการลดน้ำหนัก เราก็ต้องกำหนดกรอบเวลาว่าเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ว่าจะลดให้ได้เท่าไหร่ ลดอย่างไร จะต้องสำเร็จภายในหนึ่งปี หรือกี่เดือนก็ว่าไป
เมื่อเอาทั้ง 5 ข้อมารวมกัน ก็จะทำให้เราได้เป้าหมายที่สามารถทำได้จริง มีการวัดผลที่ชัดเจน มีการกำหนดกรอบเวลาที่แน่นอน และยังส่งผลต่อตัวเราในระยะยาว ถือเป็นการตั้งเป้าหมายอย่างมีสิทธิภาพและทำให้เราไม่หลงลืมเป้าหมายที่เราวางไว้แต่ต้นครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น SMART goal นี้ บางครั้งก็จะถูกให้คำนิยามที่ต่างกันออกไป เช่น ตัว S – simple, sensible, significant M – meaningful, motivating A – attainable R – reasonable, realistic T – time-sensitive แต่ที่เรายกมาในบทความนี้เป็น 5 นิยามของ SMART ที่ได้รับความนิยมในการตั้งเป้าหมายครับ หากใครที่มีเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไป การตั้งเป้าหมายแบบ SMART ก็อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยได้ครับ