จังหวัดนางาซากิเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์การติดต่อกับชาติอื่น ๆ มาอย่างยาวนาน จากการเป็นเมืองท่า จนถ้าจะเรียกว่าตัวเมืองนางาซากิเป็นประตูสู่ญี่ปุ่นก็คงไม่ผิดนัก ในขณะเดียวกันเมืองนี้ก็รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากประเทศอื่น ๆ เข้ามามากมาย จนเกิดการผสมผสานและกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่ชาวเมืองนางาซากิภาคภูมิใจ และหนึ่งในวัฒนธรรมที่ชาวเมืองนางาซากิรับเข้ามาก็ คือ วัฒนธรรมจีน ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ไปจนถึงการที่หนึ่งในสาม Chinatown ที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น อย่าง Nagasaki Shinchi Chinatown ที่มีทั้งร้านอาารและสถานที่ท่องเที่ยว ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมจีนในนางาซากิมากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีเทศกาลใหญ่ในช่วงฤดูหนาว อย่าง Nagasaki Lantern Festival (เทศกาลโคไฟนางาซากิ) ที่เป็นอีกหนึ่งเทศกาลใหญ่ของเมืองด้วย
ในบทความนี้ MenDetails อยากมาแนะนำให้รู้จักเทศกาลโคมไฟนางาซากิให้มากขึ้นกันครับ เพราะเป็นหนึ่งในเทศกาลที่น่าสนใจของเมือง และยังเป็นหนึ่งในเทศกาลฉลองช่วงตรุษจีนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย เผื่อว่าเทศกาลนี้จะเป็นเป้าหมายในทริปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งต่อไปของท่านผู้อ่านครับ
ต้นกำเนิดของ Nagasaki Lantern Festival
เทศกาลโคมไฟนางาซากิ มีการเริ่มจัดครั้งแรกในปีค.ศ. 1994 แต่ก่อนหน้าที่มันยังไม่เป็นเทศกาลใหญ่ของเมือง มันเป็นเหมือนการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่จีนที่จัดโดยเหล่าผู้อยู่อาศัยใน Chinatown และเหล่าพ่อค้าชาวจีนครับ เพราะในนางาซากิมีการรับวัฒนธรรมจีนเข้ามามาก ทำให้มีคนจีนและเหล่าพ่อค้าเข้ามาอาศัยอยู่มากมาย ชุมชนชาวจีนในนางาซากิจึงมีขนาดใหญ่ เทศกาลที่จัดจึงมีขนาดใหญ่เรื่อย ๆ จนในปีค.ศ. 1994 นี่ล่ะครับ ที่มันถูกจัดให้กลายเป็นเทศกาล Nagasaki Lantern Festival กลายเป็นเทศกาลประจำเมืองไป หลังจากนั้นก็ได้จัดต่อเนื่องมาทุกปี โดยเทศกาลจะจัดเป็นเวลา 15 วันนับจากวันตรุษจีน ทำให้ช่วงเวลาที่จัดงานจะเปลี่ยนไปในแต่ละปีขึ้นอยู่กับว่าตรุษจีนปีนั้น ๆ ตรงกับวันอะไร แต่ก็จะอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ครับ
เมืองที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันจากโคมไฟ ในยามค่ำคืน
จากวันนั้นถึงวันนี้ เทศกาลโคมไฟนางาซากิ กลายเป็นหนึ่งในเทศกาลใหญ่ประจำฤดูหนาวของเมือง มีการออกร้าน การแสดง และการโปรโมตกันใหญ่โต ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากให้มาเยี่ยมชมในแต่ละปี ในช่วงเวลาของงานเทศกาล Chinatown จะถูกย้อมไปด้วยสีสันของโคมไฟราว ๆ 15000 ดวง ที่สวยงามและน่าหลงใหล น่ามาถ่ายรูปอย่างยิ่งสำหรับใครที่อยากได้รูปสวย ๆ ไปลงโซเชียล นอกจากนี้เราจะเห็นสถานที่หลาย ๆ แห่งนอก Chinatown ที่จะมีการเอาโคมไฟ หรืองานศิลปะจากโคมไฟไปตั้งจัดแสดงให้คนมาชมด้วย โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมจีน
สำหรับคนที่จะมาชมงานโคมไฟนางาซากิ ในช่วงเวลาที่จัดงาน จะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. และจะมีกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการออกร้านในพื้นที่ Chinatown ไปจนถึงดึกดื่น นอกจาก Chinatown แล้ว บริเวณใกล้เคียงอย่าง Minato Park, Chou Park และย่าน Kanko-dori Arcade ก็มีกิจกรรมเช่นกัน หากใครพักในบริเวณใกล้ Chinatown ก็อาจจะเจอคนเยอะสักหน่อย และอาจหาที่พักยากถ้าจองช้า โดยเฉพาะใครที่อยากนอนโรงแรมดี ๆ แต่เนื่องจากการเดินทางไปในบริเวณเทศกาลนั้นสะดวกมาก เพราะรถรางในเมืองวิ่งผ่าน ทำให้สามารถขยับออกมานอนแถว Downtown หรือไกลกว่านั้นได้อีกครับ
สิ่งที่น่าสนใจในเทศกาล
พอเป็นเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับตรุษจีน เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอเดาได้ว่าเทศกาลโคมไฟนางาซากิจะต้องมีกิจกรรมหรือการแสดงอย่าง ขบวนแห่ การแสดงกายกรรมจีน งิ้ว การเชิดสิงโต อย่างแน่นอน แต่กลิ่นอายหรือความรู้สึกก็จะมีความต่างออกไปจากที่เราคุ้นเคยกันอยู่สักหน่อย เพราะมันจะมีกลิ่นความเป็นญี่ปุ่นผสม ๆ อยู่ โดยเฉพาะบรรยากาศที่บริเวณงานถูกย้อมไปด้วยโคมไฟมากมาย ราวกับอยู่ในภาพยนตร์สักเรื่องที่ต่างออกไปจากในย่านเยาวราช เจริญกรุงของไทย
นอกจากการแสดงแล้ว ยังมีการออกร้านขายของมากมาย โดยเฉพาะเมนูอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากจีน เช่น จัมปง หรือแม้แต่ Kakuni Manju เป็นหมูสามขั้นตุ๋นจนเปื่อยห่อด้วยแป้งหมั่นโถวนุ่ม ๆ กินร้อน ๆ นอกจากนี้ก็มีอาหารกินเล่นสไตล์ญี่ปุ่นมากมายให้ได้ลิ้มลองกัน หากใครที่เข้าไปเดินเทศกาลใน Chinatown ก็ยังสามารถแวะร้านอาหารแถวนั้นที่มีมากมาย ที่เปิดต้อนรับลูกค้าเพื่อกินมื้อเย็นได้ แต่ก็อาจจะต้องรอคิวนานสักหน่อย และอาจจะต้องเลือกร้านดี ๆ ถ้าใครอยากกินอาหารสไตล์จีนดีจากร้านที่ดังหน่อย ก็แนะนำร้าน Kosanro ครับ ราคาอาจสูงไปสักหน่อย แต่ปริมาณถือว่าคุ้มค่า จัมปงนี้ใครกินน้อยอาจจะต้องแบ่งกันกินเลยทีเดียว
เทศกาลโคมไฟนางาซากิ เป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีความน่าสนใจของเมือง และยังแสดงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอยู่ในเมืองแห่งนี้ได้อย่างลงตัว จนเกิดเป็นความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ถ้าหากใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาลองเที่ยวตรุษจีนที่นางาซากิบ้าง ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ และนอกจากเที่ยวชมงานเทศกาลแล้ว ก็ยังสามารถไปแช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายได้บนเขา Unzen ที่เดินทางไม่ไกลจากตัวเมืองได้ด้วย ทั้งหมดทั้งมวล นี่เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่เราอยากให้ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองครับ