เมื่อเราหยิบ รองเท้าหนังประเภท Goodyear Welt ขึ้นมาแล้วพลิกส่วนที่เป็นพื้นรองเท้าของเราดู สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นความแตกต่างนั่นก็คือรองเท้าบางคู่จะโชว์ด้ายเย็บพื้นรองเท้าที่อยู่ภายในร่องที่เซาะตื้นๆไปรอบพื้นรองเท้าหนัง ในขณะที่บางคู่จะไม่มีรอยเย็บตรงนี้เลย มีเพียงพื้นหนังเรียบๆสะอาดตาให้เห็นเท่านั้น
แบบหนึ่งเห็นด้ายเย็บ อีกแบบหนึ่งไม่เห็น แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?
ความแตกต่างของทั้งสองลักษณะนี้ ในศัพท์ของวงการรองเท้าหนังจะเรียกว่า “การเย็บแบบเปิดร่อง” (Open Channel) กับ “การเย็บแบบปิดร่อง” (Closed Channel) คำถามคือทั้งสองอย่างนี้แบบไหนดีกว่ากัน วันนี้ MenDetails จะลองมาอธิบายและไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ให้ฟังกันครับ
การเย็บพื้นแบบเปิดร่อง (Open Channel)
คำว่า ‘Channel’ ในที่นี้ก็คือร่องตื้นๆ รอบพื้นรองเท้า ที่โชว์ด้ายเย็บพื้นรองเท้าอยู่ภายในนั่นเอง ซึ่งด้ายเย็บดังกล่าวคือการเย็บตัวพื้นรองเท้า Outsole ด้านนอกสุด เข้ากับ Welt ด้านบนที่ช่างทำรองเท้าเย็บติดกับตัวรองเท้าเอาไว้รอในขั้นแรก ตามรูปแบบการเย็บแบบ Goodyear Welt Construction การเย็บแบบโชว์ด้ายหรือ Open Channel แบบนี้จึงค่อนข้างตรงไปตรงมา และไม่ต้องอาศัยเทคนิคยุ่งยากใดๆ เพิ่มเติมอีก
หากเราเห็นร่องของรอยเย็บที่อยู่รอบๆ พื้นรองเท้า Goodyear Welted แบบนี้แปลว่ารองเท้าคู่นี้เย็บพื้นแบบ ‘Open Channel’
ข้อดีของรองเท้า Goodyear Welt ที่มีพื้นแบบ Open Channel ก็คือ เป็นวิธีการเย็บพื้นที่ประหยัดกว่า Closed Channel อีกทั้งมีความซับซ้อนที่น้อยกว่า ทำให้เราสามารถซ่อมแซมและเปลี่ยนพื้นได้ง่ายและรวดเร็ว เพราะช่างซ่อมรองเท้าจะเห็นด้ายเย็บอย่างชัดเจน แค่จัดการเลาะด้ายทั้งหมดออกตรงๆ พื้นรองเท้าก็จะเปิดออกให้ช่างทำรองเท้าจัดการเปลี่ยนได้ทันที
รองเท้า Tassel Loafers จากแบรนด์ Fugashin Shoemaker ที่เย็บพื้นแบบ Goodyear Welt และใช้วิธีการเย็บแบบ Open Channel เช่นกัน
เมื่อเราหงายพื้นแล้วเห็นรอยเย็บแบบนี้ เราจะเรียกว่าเย็บแบบ ‘Open Channel’
ส่วนข้อเสียของพื้นรองเท้าแบบ Open Channel นั้น จะเป็นประเด็นในเรื่องของความสวยงามเป็นสำคัญ นั่นเพราะการโชว์ด้ายเย็บบนพื้นรองเท้า จะไปลดระดับความเนี้ยบและความสุภาพของรองเท้าหนังให้น้อยลง อีกข้อเสียหนึ่งก็คือ รองเท้าบางยี่ห้อไม่เซาะร่อง Channel ให้ลึกลงไปเล็กน้อยก่อนถึงตัวด้ายเย็บ ทำให้อาจเกิดอาการด้ายขาดหรือหลุดเมื่อใช้งานเดินไปมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องซ่อมแซมพื้นรองเท้าไวกว่าที่ควรจะเป็น
การเย็บพื้นแบบปิดร่อง (Closed Channel)
บางคนเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าไม่เห็นรอยเย็บที่พื้น แปลว่าพื้นรองเท้าไม่ได้เย็บ และเป็นของไม่ดี แต่ความจริงกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะถ้าหากเป็นรองเท้าแบบ Goodyear Welted แล้วนั้น การไม่โชว์ด้ายเย็บออกมา เราจะเรียกว่าเย็บพื้นแบบปิดร่องหรือ Closed Channel ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่เย็บอย่างแข็งแรงแล้วนั้น ยังมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากขึ้นอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือช่างทำรองเท้าจะนำเอาพื้น Outsole มาแซะขอบด้านนอกไปรอบๆตัวพื้นรองเท้าก่อน เพื่อให้ขอบรองเท้าโดยรอบเผยอเปิดเป็นลิ้นหนัง จากนั้นจึงนำพื้น Outsole นั้นไปเย็บเข้ากับ Welt เมื่อเย็บพื้นเสร็จแล้วช่างทำรองเท้าจะทากาวตรงลิ้นหนัง จากนั้นจึงพับลิ้นหนังเพื่อปิดทับ “ด้ายเย็บพื้น” ที่เย็บไปก่อนหน้านี้
ภาพระหว่างการเย็บพื้นรองเท้า สังเกตลิ้นหนังแผ่นบางๆที่เปิดออกมาด้านล่าง ลิ้นหนังตรงนี้จะถูกทากาวและแปะกลับขึ้นไปเพื่อปิดบังรอยเย็บพื้นรองเท้าที่เกิดขึ้น (Closed Channel) | credit : carreducker.blogspot.com
เมื่อทากาวปิดลิ้นหนังลงไปก็จะทำให้พื้นรองเท้าไม่มีรอยเย็บโผล่ออกมาแบบนี้ ทำให้ตัวรองเท้าดูเรียบเนียนและเนี้ยบมากขึ้นกว่าเดิม
ข้อดีของพื้นรองเท้าแบบ Closed Channel ที่ชัดเจนที่สุดก็คือความสวยงามเรียบร้อย, ความเนี้ยบ และความสุภาพที่มีมากกว่าพื้นรองเท้าแบบโชว์รอยเย็บหรือ Open Channel นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รองเท้าระดับ High End ที่มีราคาแพง หรือรองเท้าสั่งตัดแบบ Bespoke Shoes ที่ต้องใช้ในงานสำคัญจึงมักเย็บพื้นแบบ Closed Channel เช่นนี้เอง
รองเท้า Suede Adelaide Oxfords จาก Fugashin Shoemaker ที่มี Last สวยงามจริงๆ
รองเท้าทรง Oxfords แบบนี้จะเนี้ยบและสุภาพกว่า Tassel Loafers ทางช่างทำรองเท้าจึงมักเย็บพื้นแบบ Closed Channel เพื่อไม่ให้เห็นรอยเย็บที่พื้นรองเท้า
ส่วนข้อเสียของพื้นรองเท้าแบบ Closed Channel อยู่ที่เรื่องของราคา เนื่องจากมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากกว่า และต้องการความละเอียดในการทำที่สูงกว่าพื้นแบบ Open Channel พอสมควร ทำให้รองเท้าแบบ Closed Channel มักมีราคาที่สูงกว่า อีกสิ่งหนึ่งคือเรื่องของการใช้งาน เนื่องจากใช้วิธีการปิดบังรอยเย็บด้วยกาว ดังนั้นถ้าหากเดินบนทางขรุขระมากๆ หรือมีการกระแทกที่ด้านข้างหรือหัวรองเท้าอย่างรุนแรง อาจทำให้ตัวลิ้นหนังที่ปิดกาวไว้กลับเผยอขึ้นมาได้ เราจึงควรระวังในการใช้งานด้วยครับ
แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?
โดยส่วนตัวแล้ว MenDetails เห็นว่าทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อเสียในตัวเอง และเหมาะกับการเลือกใช้งานที่ต่างกัน หากเป็นรองเท้าที่เราเน้นใช้งานในโอกาสสำคัญ เพื่อความสุภาพ ไม่ได้ใช้งานอย่างสมบุกสมบันเป็นประจำ เช่น รองเท้าทรง Oxfords หรือ Dress Derby เช่นนี้เราแนะนำให้เลือกใช้พื้นแบบปิดหรือ Closed Channel เพื่อความเนี้ยบที่มากกว่า
พื้นหนังแบบ Closed Channel ดูเนี้ยบ และเหมาะสมกับรองเท้าสุภาพ อย่าง Adelaide Oxfords หนังกลับคู่นี้โดย Fugashin Shoemaker
แต่ถ้าเป็นรองเท้าหนังที่ Casual มากขึ้น และเราต้องการหยิบใช้งานเป็นประจำ เช่น รองเท้าบู๊ท หรือรองเท้าประเภท Loafers ไม่ว่า Tassel หรือ Penny Loafers ที่เราอยากจะใส่บ่อยๆ จึงต้องเน้นในเรื่องของความสะดวกสบายในการแก้ไขซ่อมแซมหากมีปัญหา หรือเมื่อต้องการเปลี่ยนพื้นรองเท้าใหม่ แบบนี้เราสามารถเลือกใช้พื้นแบบ Open Channel ที่โชว์ร่องเย็บได้ ไม่เสียหายแต่อย่างใด แถมจะเหมาะสมกว่าอีกด้วยครับ
รองเท้าที่ค่อนข้างลำลองอย่าง Loafers คู่นี้ของ Fugashin ก็จะนิยมเย็บพื้นแบบ Open Channel
ในปัจจุบันร้านที่มีวางขายรองเท้าประเภทที่ตัดเย็บแบบ Goodyear Welted Construction นั้น ยังมีไม่เยอะนักในประเทศไทย แม้แต่ในกรุงเทพมหานครเองก็มีเพียงไม่กี่แบรนด์ และวางขายแค่ 2-3 ร้านเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็จะมีแบรนด์รองเท้าอย่าง Fugashin Shoemaker ที่เรานำมาเป็นแบบในการอธิบายในครั้งนี้ ก็จะมีทั้งรองเท้าที่เย็บแบบ Closed Channel สำหรับทรง Oxfords และ Double Monk และจะใช้วิธี Open Channel ในรองเท้าแบบ Loafers ของทางแบรนด์ ใครที่เห็นจากภาพแล้วชอบใน Last ของ Fugashin สามารถไปลองสวมใส่และหาซื้อได้ที่ร้าน The Decorum ซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 นะครับ