ไม่นานมานี้ MenDetails เคยเขียนเรื่อง ประวัติ Fish & Chips ให้ทุกท่านได้อ่านและรู้จักกับอาหาร Comfort food ขึ้นชื่อของประเทศอังกฤษเมนูนี้กันไปแล้ว ซึ่งถ้าใครอยากลิ้มลองรสชาติ Fish & Chips สไตล์อังกฤษนี้ว่ามีรสชาติประมาณไหน วิธีกินต่างจากแบบที่เราคุ้นเคยอย่างไร วันนี้จะพาไปเยือน Buster’s Fish and Chips – Comfort Food and Drinks พร้อม ๆ กันกับเราครับ
ร้าน Fish & Chips สไตล์อังกฤษ ใกล้ BTS พร้อมพงษ์
Buster’s Fish and Chips เป็นร้านที่เปิดให้บริการในช่วงปี 2020 เนื่องจากเจ้าของร้าน คือ คุณ ‘David’ ชายอังกฤษที่มาลงหลักปักฐานในประเทศไทยหลายสิบปีและคลุกคลีในวงการอาหารมานาน ต้องการขายอาหารที่สามารถที่ Take away ได้สะดวกในช่วงสถานการณ์โควิด และ Fish & Chips ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม จึงร่วมมือกับลูกสาว ‘คุณฟ้า’ ทำ Fish & Chips ขาย เมื่อได้รับผลตอบรับดี จึงทำการเปิดร้านขึ้นในซอยสุขุมวิท 33/1 และล่าสุดก็เพิ่งขยายสาขา 2 ที่สาทร
ครั้งนี้เราเลือกมาที่สาขาแรกที่สาขาสุขุมวิท เพราะสามารถเดินทางได้สะดวก นั่ง BTS มาลงสถานีพร้อมพงษ์ แล้วเดินลงทางฝั่งเอ็มควอเทียร์เดินย้อนมาหน่อย ร้านอยู่กลาง ๆ ซอย หาไม่ยากเพราะหน้าร้านมีตู้ไปรษณีย์สไตล์อังกฤษสีแดงและประตูทางเข้าสีแดงที่เหมือนตู้โทรศัพท์แบบอังกฤษ
ร้านมี 2 ชั้น ชั้นแรกจะแต่งโทนสีขาว – ดำ แซมด้วยสีแดง มีครัวอยู่หลังเคาน์เตอร์ทอดปลาให้เห็นกันไปเลย บนผนังมีร้านชื่ออาการและราคาติดอยู่ ให้กลิ่นอายความเป็น British ที่ Vintage หน่อย ๆ ส่วนชั้นสองเหมาะกับการมานั่งเป็นหมู่คณะ ด้วยโต๊ะที่มีขนาดใหญ่กว่า การตกแต่งที่ดูสบายเหมือนนั่งอยู่ริมแม่น้ำ ริมทะเล ปกติร้านนี้นอกจากคนจะกินที่ร้านแล้ว คนที่ Take away กลับไปก็มีอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างนั้นคนในร้านในช่วงเวลาปกติก็มากันไม่ขาดสาย หากมาช่วงเวลาที่คนเยอะอาจต้องรอสักนิดครับ
อาหาร Comfort ที่ทำด้วยใจ ให้ลูกค้าได้กินสิ่งที่ดีที่สุด
ทีมงาน MenDetails มีโอกาสพูดคุยกับคุณ David เจ้าของร้านอยู่เล็กน้อย โดยมีการแนะนำเมนูอาหารที่ห้ามพลาด แน่นอนว่ามาถึงร้าน Fish & Chips จะไม่กิน Fish & Chips ได้อย่างไร และยังสั่ง Pacific Cod (330.-) กับ Atlantic Haddock (380.-) ที่เป็นปลานำเข้า และปลา Haddock ซึ่งเป็นปลาที่ไม่ค่อยเห็นร้านไหนในไทยเอามาทำนัก นอกจากปลาสองชนิดนี้ ร้านยังมีปลา Seabass (กะพง) ที่คนไทยคุ้นเคย ปลา Halibut จาก Greenland และแซลมอนจาก Norway ให้เลือกสั่งด้วย ใครอยากกินปลาชนิดไหนก็สั่งได้ตามชอบ หรือถ้าไม่แน่ใจถ้าพนักงานในร้านได้ครับว่าแต่ละชนิดมีความต่างกันอย่างไร
หัวใจสำคัญของการทอดปลา หนึ่งในนั้น คือ สูตรของแป้งที่นำไปชุบก่อนทอด คุณ David เล่าให้ฟังว่า เขาศึกษาสูตรจากหลาย ๆ สูตรก่อนจะนำมาปรับเป็นของตัวเอง โดยสูตรแป้งของร้านจะใส่เบียร์ลงไปแบบที่ร้านในอังกฤษหลาย ๆ ร้านทำ แต่สัดส่วนต่าง ๆ นั้นเป็นความลับ และ Fish & Chips ที่ทอดจะต้องแป้งกรอบ แต่ปลายังฉ่ำ เพราะแป้งจะทำการหุ้มตัวปลาเวลาทอด ทำให้ปลาด้านในได้รับความร้อนจนสุด เหมือนเอาปลาไปอบ
อีกเมนูหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก Wagyu Beef & Onion (195.-) ที่ใครมาต่างก็ต้องสั่ง นอกจากพายนี้ ทางร้านก็มีพายอื่น ๆ อีก เช่น Chicken Tikka Masala ที่ลูกค้าหลายคนชื่นชอบ และเมื่อมากินอาหารสไตล์อังกฤษ เราคงจะขาด Shepherds Pie (295.-) ไม่ได้ครับ เป็นสูตรของอังกฤษจริง ๆ เพราะใช้เนื้อแกะทำ (ถ้าใช้เนื้อวัวทำ เขาจะเรียกว่า Cottage Pie ไม่ใช่ Shepherds) Shepherds Pie นี้เป็นสูตรพิเศษของคุณ David ที่ทำให้ลูกสาวกิน มาทำการปรับเปลี่ยนสูตรเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลอง
แค่พายยังไม่พอ ด้วยความหิวปนความอยาก เราจึงสั่ง Macaroni 3 Cheese (260.-) สุดยอดอาหาร Comfort food ที่คนทั่วโลกหลงรัก ชีสเน้น ๆ กับเส้นมักกะโรนี เป็นสูตรพิเศษของทางร้านเช่นกัน และสำหรับใครที่ชอบเครื่องดื่มรสหวานก็ยังมี Milkshake (95.-) ที่มีให้เลือกสามรส คือ วานิลา ช็อกโกแลต และ สตรอเบอร์รี่
อาหารทุกจานมาเสิร์ฟด้วย Portion ที่ใหญ่มาก โดยเฉพาะ Fish & Chips ทั้งสองจานที่ปลาชิ้นโต ๆ กับมันฝรั่งทอดอีกหนึ่งกองใหญ่ ๆ เป็น Portion ที่ถ้าอยู่ที่อังกฤษคงเป็นขนาดทั่วไป แต่มองในสายตาคนไทยน่าจะถือว่าเยอะทีเดียว แต่เรากำลังหิวได้ที่พอดี ไม่รอช้าจับมีดกับส้อมคู่กายแล้วลงมือกิน
Fish & Chips รสเยี่ยม Pie รสเด็ด มื้ออาหาร Comfort food สไตล์อังกฤษที่เราอยากให้ได้มาลิ้มลอง
Fish & Chips แบบอังกฤษจะไม่จิ้มซอสมะเขือเทศแบบที่เรากินกันครับ แต่จะเหยาะน้ำส้มสายชู Malt หรือ Malt vinegar ลงบนตัวมันฝรั่งทอด (จะเหยาะลงบนปลาด้วยก็ได้ แต่มันจะทำให้แป้งเละ) ซึ่งตัวมันฝรั่งทอดของร้านโรยเกลือมาให้พอดีแล้ว ชิ้นใหญ่เต็มคำ รสความเค็มกับความเปรี้ยวตัดกันอย่างลงตัว ส่วนปลาที่สั่งมานั้น เนื้อปลา Cod จะมีความรู้สึกเบากว่า มีความนุ่มฟู ในขณะที่ Haddock จะมีความเต็มปากเต็มคำ หนักแน่น และปลา Haddock ที่ร้านนี้เขาทอดหนังมันด้วยนะครับ เวลาหั่นปลาเราจะเห็นหนังปลากรอบ ๆ ด้วย ได้ Texture อีกแบบดี บีบเลม่อนที่เขาให้มาในจานลงบนปลา กินคู่กับมันฝรั่งทอด แค่นี้ก็อร่อยได้ง่าย ๆ แล้วครับ
แต่ถ้าใครต้องการรสชาติอื่น ๆ เพิ่มก็สามารถปรุงเพิ่มเองได้ เพราะการกิน Fish & Chips ไม่มีผิดไม่มีถูก ใครอยากลองกินกับซอสแบบใดก็ถือเป็นความสนุกในการได้ค้นหารสชาติใหม่ ๆ ครับ ทางร้านมีซอสมะเขือเทศให้ทุกโต๊ะ และทุกเมนู Fish & Chips เราสามารถเลือกซอสได้ 1 อย่าง แต่ที่เราอยากแนะนำจะเป็น Tartar sauce ซอสคลาสสิกที่กินคู่กับปลาทอด ที่สำคัญ Tartar sauce ทางร้านทำเองครับ ได้รสชาติและความเข้มข้นที่ไม่เหมือนใครแน่นอน
ส่วน Side dish หรือเครื่องเคียงในการกิน Fish & Chips ของคนอังกฤษนั้น ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ถั่วบดที่เรียกกันว่า Mushy Peas (60.-) สามารถสั่งเพิ่มได้ แต่รสชาติของถั่วบดนี้ค่อนข้างเป็นปัจเจก ส่วนเราคิดว่าพอกินคู่กับ Fish & Chips แล้ว ถือว่าโอเคครับ แต่ถ้ากินเปล่า ๆ อาจมีกลิ่นหืนถั่วขึ้นจมูก นอกจากถั่วบดแล้วยังมี Pickled Onion (60.-) หอมดองลูกเล็ก ๆ 4 ลูก รสออกเปรี้ยวไว้กินตัดเลี่ยน
คนอังกฤษบางภูมิภาคจะกิน Fish & Chips กับ Curry sauce (70.-) บางคนก็จิ้ม บางคนก็ราด ทางร้านจึงมีซอสแกงกะหรี่มาเป็นตัวเลือกให้ลองเช่นกัน เป็นแกงกะหรี่แบบ British ที่รสนวล จิ้มมันฝรั่งทอดกินกับปลา อร่อยไปอีกแบบครับ เป็นซอสที่เราชอบไม่แพ้ Tartar sauce เลย จิ้มสลับไปสลับมาอยู่ 2 ถ้วย
มาลิ้มลองพายกันต่อครับ เริ่มจาก Wagyu Beef & Onion ที่แป้งไม่บางหรือหนาจนเกินไป อบมากำลังพอดี แม้ตัวพายจะมีซอสเกรวี่มาให้ แต่ทางเจ้าของร้านบอกเราว่าข้างในมีน้ำเกรวี่อยู่แล้ว รสชาติเข้มข้นกว่าเกรวี่ถ้วยนี้อีก ตัดแล้วกินเลยไม่ต้องราดอะไรเพิ่ม ซึ่งพอลองตัดแล้วก็เห็นจริงดังว่า น้ำเกรวี่รสเข้มข้นที่ได้รสชาติของเนื้อกับหัวหอม กับเนื้อวากิวนุ่ม ๆ เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม ส่วน Shepherds Pie นั้นก็ไม่มีกลิ่นสาบของแกะเลย ตัวมันฝรั่งบดกับเนื้อแกะและซอสเข้ากันดีมาก ๆ ครับ ใครที่อยากเพิ่มมิติของรสชาติขึ้นอีกก็สามารถกินกับน้ำเกรวี่ได้
ด้าน Macaroni 3 Cheese ชีสเน้น ๆ รสชีสไม่เลี่ยนโดดจนเกินไป กินได้เพลิน ๆ ครับ และ Vegetarian Lasagna เมนูใหม่ที่เอาใจมังสวิรัติก็รสชาติดีครับ มีส่วนผสมของเห็ด หัวหอม แครอท มะเขือเทศ กับซอสรสเยี่ยม ทั้งหมดนี้กินคู่กับ Milkshake เย็น ๆ ที่เอาไอศกรีมไปปั่นกับนมและครีม เนื้อแน่น ๆ รสชาติเข้มข้นก็อิ่มมากแล้วครับ
แต่เราก็มีที่ว่างสำหรับของหวานเสมอ และหนึ่งในของที่ห้ามพลาด คือ Fried Mars Bar & Ice Cream (90.-) เป็นช็อกโกแลต Mars ไปชุบแป้งทอด กินกับไอศกรีมครับ เมนูง่าย ๆ ที่อร่อยเกินคาด เดิมเป็นเมนูของหวานที่มีต้นกำเนิดจากร้าน Fish & Chips ใน Scotland ตัวแท่งช็อกโกแลตที่ทอดมาด้านในกำลังร้อน ๆ เคี้ยวหนึบหนับกินกับไอศกรีมเย็น ๆ เป็นการส่งท้ายมื้อนี้ของเราอย่างสมบูรณ์
สำหรับใครที่อยากแวะเวียนลองไปทาน เราก็มีคำเตือนให้เล็กน้อย เนื่องจากอาหารร้านนี้เสิร์ฟใน Portion ใหญ่ ใครเป็นคนกินน้อยอาจจะกินไม่หมดครับ ถ้ามากินสองคนควรแบ่งกันกินกับเพื่อน หรือถ้ามาตอนเที่ยงสั่งเป็น Lunch set อาจจะดีกว่า เพราะทางร้านบอกว่า Lunch set จะมีปริมาณที่น้อยกว่าในราคาที่ถูกลง และราคาอาหารแต่ละจานถือว่าค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับปริมาณที่ได้ก็ถือว่าคุ้มครับ สุดท้าย เครื่องเคียงบางอย่างมีรสชาติแบบ Britsih มากอยู่สักหน่อย เช่น Mushy Peas ที่เรากล่าวไป ใครที่ไม่ชอบก็จะไม่ชอบเลย
หากใครกำลังมองหาร้าน Fish & Chips และอาหาร Comfort food สไตล์อังกฤษแท้ ๆ เดินทางสะดวก ร้าน Buster’s Fish and Chips เป็นร้านควรมาโดนอย่างยิ่ง ถ้าใครขับรถมาก็สามารถเอารถไปจอดที่เอ็มควอเทียร์ได้ครับ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 22.10 น. แต่ในช่วงที่มีมาตรการของรัฐบาลก็จะปิดเร็วขึ้นครับ ส่วนทีมงาน MenDetails ที่ได้กิน Fish & Chips สมใจก็ตั้งใจว่าจะกลับมาซ้ำอีกครั้ง และคุณ David ยังทิ้งท้ายกับเราไว้ว่า ในอนาคตจะมีเมนูใหม่ ๆ ออกมาให้ได้ลิ้มลองอย่างแน่นอนครับ