เทรนด์การแต่งตัวของผู้ชายเดี๋ยวนี้ก็มีหลากหลายแบบ บางสไตล์ได้รับความนิยมมานานแล้วจากในอดีต บางสไตล์ก็เป็นเทรนด์ใหม่ ๆ ซึ่งแฟชั่นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ทั้ง Timeless และไร้พรมแดนเลยทำให้ใครที่ชอบการแต่งตัวได้สนุกกับมัน วันนี้ MenDetails.com รวบรวม 5 สไตล์การแต่งตัวผู้ชาย ที่สาว ๆ ชอบและออกความเห็นกันว่า แบบนี้แหละที่เธอเห็นแล้วแพ้ทาง มาให้ครับ มาลองดูกันดีกว่าว่าสไตล์ที่ผู้ชายหลายคนแต่งตรงใจสาว ๆ อยู่แล้วหรือไม่
(บทความนี้ได้วิเคราะห์และสรุปข้อมูลจากผลสำรวจของผู้หญิงไทยจำนวน 70 คน ในช่วงอายุตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนถึง 40 ปีครับ)
Smart Casual สไตล์ที่มาแรงที่สุด
สำหรับ สไตล์การแต่งตัวผู้ชาย แบบแรกได้ที่รับความนิยมที่สุดในหมู่สาวไทย คือ Smart Casual ครับ เสียงจะหนักไปทางแพ้ผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีเรียบ ดูสะอาดตา เพราะหนุ่มที่ใส่เชิ้ตจะดูภูมิฐาน ลุคเป็นผู้ใหญ่กว่า หากเทียบกับการใส่เสื้อยืดนั่นเองครับ
“ชอบคนใส่เสื้อเชิ้ต สแลคขาเต่อกับรองเท้าหนัง Loafer มากๆ” สาว ๆ หลายคนอธิบายพร้อมแนบรูปนักแสดงไทยและต่างประเทศหลายคนเพื่อเป็น Reference ว่าสไตล์แบบนี้แหละที่ดึงดูดสายตาเธอได้อย่างดีเยี่ยม บางคนยังเสริมมาว่า “แพ้ทางคนใส่เชิ้ตคอจีนมากค่ะ” แปลว่าในส่วนของการเลือกเสื้อเชิ้ต ดีเทลตรงปกคอเสื้อ ก็สามารถสร้างความรู้สึกที่แตกต่างกันให้กับคนรอบข้างได้มากกว่าที่คิดอีกครับ
โดยสไตล์ Smart Casual คือ สไตล์ที่สบายขึ้นกว่า Smart ไม่ต้องแต่งเต็มยศสวมชุดสูท ผูกเนกไท Dress Shoe อย่าง Oxford เพื่อไปร่วมงาน ซึ่งเกิดขึ้นเพราะงานบางงานไม่ได้เป็นทางการมากขนาดนั้น แต่เจ้าภาพก็ยังอยู่ในขอบเขตความสุภาพ ไม่ลำลองมากจนเกินไปครับ โดยเริ่มต้นได้รับความนิยมตั้งแต่ช่วง ปี 1980 เป็นต้นมาครับ
ยกตัวอย่าง การแต่งกาย Smart Casual ที่ไม่หนักสมาร์ทมากจนเกินไปหรือ Casual มากจนเกินไป MenDetails แนะนำให้ผู้ชายใส่เป็นเสื้อโปโลกับกางเกงสแลคหรือชิโน่ครับ ส่วนรองเท้าหนังเลือกเป็นพวก Loafer ก็เพียงพอ ถ้าจะเลือก Sneaker ควรเป็นสีขาวล้วนไม่ฉูดฉาดครับ หากจะใส่ Jacket ทับควรจะเลือกประเภทที่คล้ายเสื้อสูท
Minimal Style ผู้ชายที่แมตช์โทนสีเป็นคือผู้ชนะ
photo from : uniqlo
อีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมสูงใกล้เคียงสไตล์แรก คือ Minimal Style ครับ น่าจะเป็นสไตล์การแต่งตัวที่ผู้ชายหลายคนนิยมใส่อยู่เป็นประจำ สาว ๆ หลายคนบอกว่ามันใช่ในสายตาเธอเพราะ ‘ดูน้อยแต่มาก (Less is more)’ ครับ
โดยทีมงาน MDs รวบรวมความเห็นของสาว ๆ ที่ชอบสไตล์มินิมอลออกมาได้เป็น 2 ลุคครับ คือ เสื้อยืดสีเรียบ หลัก ๆ คือ ขาวและดำ กับ กางเกงยีนส์ไม่ขาดทรงตรง ๆ อย่างขากระบอกพอดีตัว และ เสื้อยืดสีเรียบกับกางเกงชิโน่ ลุคหลังนี้จะเน้นสีหลากหลายมากกว่าลุคเสื้อยืดคู่ยีนส์ครับ ในส่วนรองเท้า พวกเธอจะเห็นภาพหนุ่มที่แต่งตัวแบบนี้มากับ Sneaker สีขาวเรียบ ๆ สักคู่
“ชอบผู้ชายที่แต่งตัวเรียบๆ เสื้อยืดเสื้อเชิ้ตธรรมดานี่แหละ แต่การแมตช์สีเป็นยิ่งทำให้ดูน่าดึงดูดไม่รู้ทำไม” สาว ๆ หลายคนไม่ได้ระบุสไตล์มาอย่างชัดเจนว่าต้องเป็นแนวไหน แต่จะให้คำตอบว่าพวกเธอชอบคนแต่งตัวโทนสีเรียบ ๆ ดูลุคคลีน ๆ ครับ
photo from : uniqlo
ซึ่ง Minimal Style โดยหลักการจริง ๆ แล้วก็คือการแมตช์เสื้อผ้าด้วยสีพื้น และเนื้อผ้าเรียบ ๆ เป็นหลักครับ ยืนพื้นด้วยสีขาว ดำ เทา น้ำตาล กรมท่า ประกอบกับ Earth Tone ธรรมชาติ เป็นแนวคิดแฟชั่นที่มาจากช่วง 1960s แนวคิดที่ตรงกันข้ามกับ Maximalist ก็คือ Minimalist นั่นเองครับ ความงามที่มาจากพื้นฐานของสิ่งนั้น ๆ ซึ่งแนวคิดแฟชั่นในสมัยนั้นก็อินสไปร์มาจากงานสถาปัตยกรรมอีกที
photo from : Yohji Yamamoto
โดยการได้รับความนิยมอย่างมากในไทยช่วง 3 – 4 ปีนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะมีจากแฟชั่นผู้ชายของประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นด้วยครับ อย่างลุคหนุ่มญี่ปุ่นที่หลายคนเรียกสไตล์ Nippon Boy ก็มักจะมาพร้อมการแต่งกายแบบเรียบง่าย เน้นโทนสีเรียบสบายตากันเสียส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างแบรนด์ญี่ปุ่นที่ชัดที่สุดในเรื่องแนวคิด Minimalist และมีส่วนร่วมในช่วงแฟชั่นนี้กลับมาบูมก็คงเป็น Yohji Yamamoto ที่เน้นใช้สีดำในการออกแบบช่วงปี 1990 นั่นล่ะครับ
Street Style
สำหรับกลุ่มสาว ๆ วัยรุ่นอายุช่วงก่อนเลขสองไม่จนถึงก่อนเลขสาม ส่วนใหญ่จะชอบหนุ่มที่แต่งตัวแนว Street Style ครับ มีคนอธิบายไว้ว่าเธอมักจะชอบหนุ่มที่มาพร้อม “เสื้อ Oversized ตัวใหญ่ ๆ หน่อย มีลายหรือเรียบ ๆ ก็ได้ ส่วนก็เป็นกางเกงวอร์ม ไม่ก็ Jumper Plant และ Sneaker เท่ๆสักคู่”
ซึ่งหลังอธิบายจบ สาว ๆ หลายคนเรียกลุคหนุ่มในฝันของเธอว่า อเมริกันบอย แต่จริง ๆ ที่เธอบอกนั้นมันเป็น Street Style มากกว่าครับ ถ้าเป็นแฟชั่นหนุ่มอเมริกาจริง ๆ จะต้องเป็น Preppy / Ivy Style
ที่มาของ Street Fashion จริง ๆ เกิดขึ้นที่ลอนดอนครับ ซึ่งแฟชั่นเริ่มต้นขึ้นจากยุคของชนชั้นขุนนางก่อน เน้นความหรูหราอย่างมาก จนกระทั่งในยุค 60s แฟชั่นของชนชั้นกลางเริ่มกระพรือไปทั่วเกาะอังกฤษ เหมือนเป็นความขบถว่าทำไมแฟชั่นต้องมาพร้อมหุ่นเพอร์เฟค ประกอบกับเกิด Sub-Culture มากมาย อย่างเช่น Punk, Hip Hop, Grunge ซึ่งทุกกลุ่มล้วนมีแนวทางการแต่งกายของตัวเอง
สรุปแล้วมันก็คือการแต่งตัวธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน ห้าง สถานที่รวมกลุ่มของวัยรุ่น แต่มาได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะ Luxury Brand ดีไซน์เนอร์ชื่อดังกระโดดเข้าไปร่วมกับ Street Wear Style นี้นั่นเองครับ สำหรับยุคนี้ก็น่าจะอธิบายออกมาได้เป็นแนว เสื้อยืด เสื้อ Oversized แมตช์กับแจ็คเกตหรือ Hoodie ที่ไปในแนว Sporty ส่วนกางเกงก็ใส่ได้หมดทั้งยีนส์ กางเกงขาสั้น กางเกงขาเต่อ กางเกงวอร์ม แต่รองเท้าจะเป็น Sneaker ครับ
Layering เสื้อสองชั้นเพิ่มความน่าสนใจ
สำหรับสไตล์ Layering เป็นการแต่งกายแบบใส่เสื้อทับกันหลายชั้นครับ สาว ๆ หลายคนพูดถึงประเภทเสื้อไม่เหมือนกัน แต่มีจุดร่วมเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ ชอบคนที่แต่งตัวมี Layer ครับ ยกตัวอย่างเช่น “ชอบคนใส่เสื้อเชิ้ตกับ Blazer” “ชอบผู้ชายที่ใส่เสื้อยืดกับ Jacket อาจจะมี accessories เพิ่มนิดหน่อย” และ “เสื้อยืดแล้วทับเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมก็ดูดีนะ” ซึ่งคีย์เวิร์ดที่สาว ๆ ชอบผู้ชายใส่เสื้อสองชั้นก็ด้วยเหตุผลที่ว่ามันดูมีอะไรดีนี่ล่ะครับ ง่าย ๆ เลย
ซึ่งย้อนกลับไปเรื่อง Layering Style ดูเหมือนว่าจะเริ่มต้นขึ้นจากการใส่เสื้อผ้าซ้อนทับการหลาย ๆ ชั้นในฤดูหนาวนั่นเองครับ เมื่อก่อนเวลาใส่เสื้อทับกันหลายชั้นก็จะส่งผลให้ขยับตัวลำบาก ไม่ค่อยทะมัดทะแมงนัก แต่พอตอนหลัง Layering กลายเป็นอีกเวย์หนึ่งของแฟชั่นไป การเลือกหยิบเสื้อแต่ละตัวมาใส่ ก็ไม่ได้มีแต่เสื้อกันหนาวเสื้อกันลมหนา ๆ มาทับกันแล้วครับ
Street Fashion เป็นแฟชั่นแนวหนึ่งที่หยิบ Layering เข้ามาผสมผสาน หากลูกเล่นเยอะหน่อยก็ใส่เป็น 3 ชั้น ตัวอย่างเช่น เริ่มต้นด้วยเสื้อตัวในที่เนื้อผ้าบางหน่อย ทับด้วยเสื้อเชิ้ตแล้วก็ Jacket อีกชั้นหนึ่งครับ ถ้าเป็นหน้าหนาวของต่างประเทศก็อาจจะทำให้แต่งงานขึ้นเพราะเลือกเสื้อใส่แมตช์ได้อย่างหลากหลายขึ้นครับ เช่น สเวตเตอร์คอเต่า Jacket ยีนส์แล้วทับด้วย Coat สั้นสักตัว
แต่สำหรับ Layering ในเมืองไทยนั้น คงต้องบอกว่า Layering แค่ 2 ชั้นก็เพียงพอแล้วล่ะครับ เลือกเสื้อตัวในสุดเป็นผ้าที่บางเบาและใส่สบายสักหน่อย อย่างเสื้อยืดสีเรียบหรือเสื้อโปโล แล้วก็สวมเสื้อ Jacket, Blazer, Sport Coat ที่ดูดีอีกสักตัวทับไป เท่านี้เราก็จะดูมีลูกเล่นและเพิ่มความน่ามองในตัวขึ้นมาในสายตาสาว ๆ ได้แล้วครับ
Classic Menswear น่าสนใจเพราะผู้ชายไทยใส่เฉพาะกลุ่ม
สไตล์การแต่งตัวผู้ชาย สไตล์สุดท้ายที่สาว ๆ พูดถึง คือ ผู้ชายใส่สูทที่ไม่ใช่พวกสูททำงานนี่แหละที่พวกเธอให้ความสนใจ โดยคำตอบนี้ก็จะมาจากสาววัยเลขสองปลาย ๆ ขึ้นไปที่ชอบมองหนุ่มแต่งตัวภูมิฐานเต็มยศหน่อยครับ
โดยพวกเธอกล่าวว่าผู้ชายใส่สูทที่น่ามอง ไม่ใช่ผู้ชายใส่สูทสีดำไปทำงานออฟฟืศแบบนั้น แต่เป็นผู้ชายใส่สูทที่ใส่เป็นเหมือนพวกผู้ดีอังกฤษ ให้ความรู้สึกแบบหนุ่มนักเรียนนอก เรียนจบต่างประเทศมาแล้วชอบแต่งตัวแบบที่ไม่ซ้ำกับผู้ชายไทยส่วนใหญ่
ตัวอย่างความเห็นสาวไทยที่สนใจหนุ่มที่แต่งตัวแบบ Classic Menswear ก็จะมี “เราว่าผู้ชายใส่สูทน่าสนใจ ใส่คู่กับรองเท้าหนังสีดำหรือสีน้ำตาลเนี้ยบ ๆ นะดูดี” และ “ถ้าไม่ใช่คนที่ทำงานออฟฟิศ ไม่ค่อยเห็นผู้ชายไทยใส่สูทไปห้างไปเดท เวลาเห็นก็จะรู้สึกว่าเท่ดี”
ผู้ชายใส่สูทในที่นี้ ถ้าให้จำกัดประเภทการแต่งตัว ก็จะเป็นแบบ Classic Menswear ครับ กล่าวสั้น ๆ พอให้พอเห็นภาพสไตล์นี้มากที่สุดก็คงจะเป็นการแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ต สูท หรือ Blazer กับ Trouser ผูกเนกไท และสวมรองเท้าหนัง โดยเป็นสไตล์ที่ได้รับนิยมในประเทศอังกฤษและอิตาลีครับ
ย้อนประวัติศาสตร์สำหรับการใส่สูท Modern Suit เสียหน่อย มันเริ่มต้นในยุค 1920 เป็นต้นมา ช่วงของการปฏิวัติยุคเสื้อผ้าแบบหรูหราฟู่ฟ่าให้ลดระดับลงมาจนดูเรียบง่ายึ้น จาก Tailcoat สูทตัวยาว, กางเกง Breeches ที่ยาวระดับหัวเข่า และการสวมใส่วิก เหลือเพียง Jacket สูทที่ความลดระดับความยาวจาก Tailcoat กางเกงเป็นแบบ Trouser ซึ่งช่วงนี้ก็ตรงกับช่วงที่เสื้อเชิ้ตคอปกแบบ Point Collar ได้รับความนิยมขึ้นมานั่นเองครับ โดย Beau Brummel (โบ บรัมเมลล์) เป็นผู้บุกเบิกการเดินทางของชุดสูทแบบใหม่นี้ขึ้นมา
หลังจากนั้นชุดสูทก็มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนไปตามสไตล์นิยม ทั้งในแง่สีสันและเนื้อผ้าที่ใช้ ในช่วงสงครามโลกที่วัตถุดิบในการผลิตเสื้อผ้าขาดแคลน ชุดสูทก็ได้รับความนิยมน้อยลงตามระดับ แล้วก็กลับมาอีกครั้งในช่วงที่ Elvis Presley (เอลวิส เพรสลีย์) โด่งดัง ยุคหลังจากนั้นก็เป็น The Beatles, David Bowie (เดวิด โบวี่) ตามลำดับ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เราก็จะมีภาพของสูทแบบที่ได้รับความนิยมและเป็นมาตรฐานความดูดีในยุคนั้น ๆ จากหลายแบรนด์ Luxury ของดีไซน์เนอร์ เช่น Giorgio Armani หรือ Tom Ford เป็นต้น
ซึ่งถ้าจะให้ MenDetails แนะนำสูทสักชุด หรือ Jacket สูทพร้อมกางเกงสักตัว เราแนะนำให้เริ่มต้นจากการเลือกสีสูทก่อนครับ ผู้ชายไทยหลายคนมักเลือกสูทสีดำเป็นสูทเริ่มต้น แต่จริง ๆ สูทสีดำมีความเป็นทางการและเคร่งขรึมสูงมากครับ ควรจะเริ่มต้นจากสูทสีเทาหรือสีกรมท่าเสียมากกว่า แถมยังสามารถหยิบมาใส่แยกเดี่ยวเป็น Odd Jacket ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น จะลงทุนตัดเป็นชุด หรือซื้อแยกชิ้น สีที่เลือกได้ง่ายที่สุด ที่เรา MenDetails แนะนำเลยก็คือ สี Navy และ Grey ครับผม
และนี่ก็คือ 5 สไตล์การแต่งตัวผู้ชาย ที่ได้รับความนิยมในสายตาสาว ๆ ไทยหลายคนมากที่สุดครับ จริงอยู่ที่ว่าการเลือกเสื้อผ้าต้องเลือกให้เหมาะกับตัวและเลือกที่เราชอบที่สุด แต่บางโอกาสหากตั้งใจจะไปพบกับสาวคนที่ชอบเพื่อสร้างความประทับใจให้เธอ หรือไปเจอกลุ่มสังคมใหม่ ๆ เพื่อทำความรู้จักคนเยอะ ๆ แล้วล่ะก็การได้รู้ความคิดเห็นของสาว ๆ ไว้บ้างก็น่าจะมีประโยชน์ไม่น้อยเลยครับ