เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินวลีที่บอกว่า “บ้านคือวิมานของเรา” ว่ากันตามตรง บ้านคือหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มนุษย์ควรเพื่อเพื่อคุณภาพในการดำรงชีวิต เราจึงมักให้ความสำคัญกับบ้านเป็นอย่างมาก และสำหรับผู้ชายนั้นการมีบ้านเป็นของตัวเอง คือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่บอกให้กับคนรอบข้างได้รู้ว่า เขาคือผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ และมีความรับผิดชอบที่ดี จึงไม่แปลกที่เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ผู้ชายแทบทุกคนมักจะนึกถึงการซื้อบ้านเป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ในวันนี้ MenDetails อยากจะมาพูดถึงอีกมุมมองหนึ่งที่เรามองว่า “ผู้ชายไม่จำเป็นต้องรีบที่จะซื้อบ้านเพื่อเอาไว้อยู่เองก็ได้” ทำไมเราจึงคิดเช่นนั้น? ถ้าไม่มีบ้านแล้วเราจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน? ลองอ่านบทความนี้เพื่อทำความเข้าใจกันดูนะครับ
มุมมองของผู้ชายที่เป็นนักลงทุน
ก่อนอื่นคงจะต้องมาอธิบายให้ฟังกันก่อนว่า มุมมองเรื่องการไม่จำเป็นต้องมีบ้านเพื่อเอาไว้อาศัยอยู่เองนั้น เป็นมุมมองที่มาจากการพิจารณาของคนที่มองว่าตัวเองเป็น “นักลงทุน” คนในกลุ่มนี้จะนึกถึงสิ่งที่เรียกว่า “กระแสเงินสด” หรือการคำนวณเงินที่จะไหลเข้ากระเป๋า และไหลออกจากกระเป๋าตัวเองเป็นสำคัญ ผู้ชายที่คิดแบบนี้จะมองว่า “อะไรก็ตามที่จะทำให้เงินในกระเป๋าเราเพิ่มขึ้น นั่นคือทรัพย์สิน ส่วนอะไรก็ตามที่จะทำเงินของเราลดลง และไหลออกจากกระเป๋าของเราไป สิ่งนั้นคือหนี้สิน” หากเรามีทรัพย์สินที่เรียกเงินเข้ากระเป๋าเรามากกว่าหนี้สิน ก็จะทำให้เรามี “เงินเหลือ” เพื่อนำไปลงทุนทำอย่างอื่นเพื่อสร้างรายได้ต่อไป คำถามสำหรับคนกลุ่มนี้ก็คือ แล้วสิ่งที่เรียกว่า “บ้าน” นั้น ความจริงแล้วเป็นทรัพย์สิน หรือ หนี้สิน กันแน่?
บ้านที่เราอยู่เอง ทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้น มีเงินเหลือน้อยลง
มองในมุมหนึ่ง บ้านคืออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มักมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆในอนาคต คนส่วนใหญ่จึงมักคิดกันว่า ซื้อบ้านเก็บเป็นมรดกไว้เถอะ ยังไงราคาก็ขึ้นอยู่ดี อย่างไรก็ตามในอีกมุมหนึ่งการมีบ้านคือการสร้าง “รายจ่าย” เพิ่มขึ้นให้กับตัวเอง เช่น ค่าบำรุงรักษา, ค่าส่วนกลาง, ค่าตกแต่งต่อเติมบ้าน, ค่าตัดหญ้า, ค่าซ่อมหลังคา และอื่นๆอีกมากมายที่เราจำเป็นต้องจ่ายเมื่อเรามีบ้านเป็นของตัวเองเพื่อเอาไว้ “อยู่เอง” ยิ่งบ้านของเราสวยแค่ไหน หลังใหญ่เท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้รายจ่ายเหล่านี้สูงมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้การซื้อบ้านเป็นของตัวเองเพื่อเอาไว้อาศัยอยู่เองนั้นกลายเป็น “หนี้สิน” ที่จะทำให้เรามีรายจ่ายเพิ่มขึ้น และมี “เงินเหลือ” เพื่อนำไปลงทุนทำอย่างอื่นน้อยลง เพราะเราได้ทุ่มเททรัพยากรไปกับการซื้อบ้านจนเกือบหมดแล้วนั่นเอง ถึงแม้ราคาบ้านของคุณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณจะได้ยินดีกับตัวเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นก็ต่อเมื่อคุณ “ขายบ้าน” ออกไปได้สำเร็จ และถ้าคุณรู้สึกรักและผูกพันกับบ้านหลังนี้ที่ตัวเองเป็นเจ้าของจนไม่อยากขายทิ้ง คุณเองก็อาจจะไม่ได้ขายบ้านหลังนี้เลยตลอดชีวิตก็เป็นได้ นั่นเท่ากับคุณจะไม่มีโอกาสได้ใช้ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากบ้านหลังนี้ที่คุณซื้อไว้เลย
อิสระของการไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า การไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านนั้นแตกต่างจากการไม่มีบ้านอยู่ เราสามารถหาบ้านอยู่ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเช่าห้องพัก, เช่าบ้าน, เช่าเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ หรือโรงแรม เป็นต้น เหล่านี้ทำให้เรามีที่อยู่อาศัยได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปเป็นเจ้าของโดยตรงในบ้านหลังนั้น ข้อดีสำคัญของการไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านก็คือ “มีอิสระมากกว่า” นั่นเพราะคุณสามารถย้ายที่อยู่ได้เมื่ออยู่ครบสัญญาเช่า ซึ่งปกติก็จะมีอายุไม่นานมากนัก จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายที่มีโอกาสต้องย้ายงานบ่อยๆ หรือผู้ชายที่รู้ว่าตัวเอง “ขี้เบื่อ” จนไม่อยากผูกตัวเองติดอยู่กับบริเวณใดบริเวณหนึ่งนานเกินไป อย่างไรก็ตามการไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านก็มีข้อเสียที่ต้องแลก เช่น คุณไม่สามารถดัดแปลงต่อเติมบ้านเพื่อให้ตรงกับที่ใจต้องการได้อย่างเต็มที่ เพราะถ้าขืนดัดแปลงอาจถูกเจ้าของบ้านตัวจริงปรับเงินเอาได้ เป็นต้น
เปลี่ยนบ้านให้เป็นทรัพย์สิน
ถ้าหากว่าการซื้อบ้านไว้อยู่เองเป็นการเพิ่มรายจ่ายให้กับเรา และคอยดึงเงินออกจากกระเป๋าเราอยู่เรื่อยๆ เพื่อแลกกับความสุขที่ได้อยู่ในบ้านที่เรารู้ว่า “เราเป็นเจ้าของ” แล้วจะมีวิธีไหนหรือไม่ที่จะทำให้บ้านกลายเป็นทรัพย์สินที่คอยเรียกเงิน? คำตอบคือมีความเป็นไปได้หลายรูปแบบครับ อย่างแรกที่ตรงไปตรงมาก็คือการซื้อบ้านเพื่อมุ่งให้คนอื่นเช่ามากกว่าเอาไว้อยู่เอง เมื่อมีค่าเช่าก็จะทำให้บ้านหลังนี้มีรายได้เกิดขึ้น ยิ่งถ้าค่าเช่าที่เก็บได้นั้นสูงกว่ารายจ่ายที่ผู้ซื้อบ้านต้องจ่าย แปลว่าเรามีเงินเหลือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป บ้านหลังนี้จึงนับเป็นทรัพย์สินสำหรับเราครับ
อีกตัวอย่างหนึ่งเช่นการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านที่สามารถทำการค้าได้ เช่น Home Office หรือ อาคารพาณิชย์เพื่อทำการค้า และอาจทำเป็นที่พักอาศัยอยู่ชั้นบน ซึ่งหากการค้าหรือธุรกิจเป็นไปด้วยดี นั่นแปลว่าบ้านหลังนี้ช่วยสร้างรายได้ให้คุณได้เช่นกัน เหล่านี้เป็นตัวเลือกที่จะทำให้บ้านกลายเป็นทรัพย์สินสร้างรายได้ ตรงข้ามกับ “การซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองล้วนๆ” ที่จะทำให้บ้านกลายเป็นสิ่งที่สร้างรายจ่ายให้กับคุณอย่างสม่ำเสมอ
ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อหารายได้ก่อน แล้วค่อยซื้อบ้านเพื่ออยู่เองทีหลัง (หรือไม่ต้องซื้อเลยก็ได้)
จากเหตุผลที่ MenDetails อธิบายมาทั้งหมด เราจึงคิดว่าบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ชิ้นแรกที่ผู้ชายควรซื้อนั้น ควรจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อเพื่อเน้นการหารายได้มากกว่าซื้อเพื่อที่จะเอาไว้อยู่เองล้วนๆเพียงอย่างเดียว หากคุณต้องการที่พักอาศัยแต่ไม่สามารถอาศัยอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ชิ้นดังกล่าวได้ เราแนะนำให้ใช้วิธีการ “เช่าห้องพัก” ไปก่อนเพื่อความคล่องตัว โดยรายได้ที่เกิดขึ้นจากอสังหาริมทรัพย์ชิ้นแรกนี้จะมาช่วยจ่ายเงินงวดกับธนาคาร รวมถึงอาจช่วยจ่ายค่าเช่าห้องพักของคุณได้ด้วย หลังจากนั้นเมื่อคุณมีรายได้จากการลงทุนเพิ่มมากขึ้น คุณอาจเลือกที่จะเช่าห้องที่ดีขึ้น ใหญ่ขึ้น สวยขึ้น หรืออาจจะตัดสินใจซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเองภายหลังเมื่อต้องการลงหลักปักฐานอย่างชัดเจนในที่สุดครับ
ในกระบวนการดังกล่าว ผู้ชายบางคนอาจเลือกที่จะไม่ซื้อบ้านเลยก็เป็นได้ หากพวกเขารู้สึกว่าถนัดในการลงทุนในทางอื่นที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ เช่น ชอบลงทุนในหุ้นสามัญ หรือกองทุนรวม เป็นต้น ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่การเลือกจัดสรรเงินไปลงทุนเพื่อหารายได้ไว้ก่อน ไม่ว่าการลงทุนจะเป็นสินทรัพย์แบบใดก็ตาม ต่อเมื่อเรามีรายได้จากการลงทุนมากพอ เราค่อยเลือกจัดสรรเงินรายได้จากการลงทุนเหล่านั้นไปทำอย่างอื่นที่เราต้องการ เช่น การซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง เป็นต้นครับ
บทสรุป
การได้เป็นเจ้าของบ้านอาจเป็นความใฝ่ฝัน และจุดมุ่งหมายของใครหลายๆคน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องแลกมาด้วยหนี้ระยะยาว บางคนต้องผ่อนบ้านเป็นเวลากว่า 25-30 ปี เพื่อให้ได้เป็นเจ้าของบ้านหนึ่งหลัง นั่นหมายความว่าหากรายได้ของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมายอะไรนัก เขาอาจซื้อบ้านหลังนี้ได้แค่หลังเดียวในชีวิต ในทางกลับกันผู้ชายบางคนเลือกที่จะเอารายได้ของตัวเองนำไปลงทุนกับสินทรัพย์ที่สร้างรายได้แทนการผ่อนบ้าน เช่น ลงทุนในกองทุนหรือหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล หรือลงทุนในบ้านหรือคอนโดมิเนี่ยมเพื่อเน้นการปล่อยเช่า แล้วจึงนำรายได้ที่เกิดจากการลงทุนเหล่านั้นไป “เช่าบ้านอยู่” เพื่อที่จะให้ตัวเองนั้นคล่องตัวและมีอิสระมากขึ้น หากมีฝีมือและมีความรอบคอบในการลงทุนผู้ชายกลุ่มหลังก็จะสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินหลายประเภท และมีรายได้จากทรัพย์สินเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆได้ พวกเขาอาจตัดสินใจซื้อบ้านภายหลังหรือไม่ก็ได้ แต่บ้านหลังแรกๆที่พวกเขาซื้อเป็นเจ้าของนั้นมักจะไม่ใช่บ้านที่เขาซื้อเอาไว้เพื่ออาศัยอยู่เอง
อย่างไรก็ตามหนทางแบบนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายทุกคนควรเลือกทำ เพราะคนเราแต่ละคนมีความจำเป็นและความรับผิดชอบไม่เหมือนกัน สำหรับบางคนที่รู้สึกว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีบ้านเป็นของตัวเองจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การซื้อบ้านสักหลังหนึ่งไว้อยู่เองคือสิ่งสำคัญที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรก แต่ถ้าคุณไม่ใช่ผู้ชายที่มีความจำเป็นแบบนั้น แต่กำลังตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหรือคอนโดไว้อยู่เองเพราะว่า “ก็เห็นคนอื่นเขามีกัน เลยอยากมีบ้าง” MenDetails อยากให้ลองอ่านเหตุผลของเราดูแล้วคิดดูอีกสักนิดว่า เราอาจไม่ได้ “จำเป็น” ที่จะต้องเป็นเจ้าของบ้านที่เราจะอยู่อาศัยเองก็เป็นได้นะครับ