ผ่านไปอีกเช้าหนึ่ง เช้าวันที่ร่างกายไม่อยากจะขยับออกจากที่นอนเพื่อเดินไปยังห้องน้ำ ร่างกายพยายามต่อต้านและขัดขืนมาตลอดทั้งอาทิตย์ เหมือนมันกำลังกร่นด่าอยู่ภายในว่า “ใช้งานผมหนักเกินไปแล้วนะ” ในทางกลับกัน เราก็ไม่ได้ตั้งใจหรือใส่ใจที่ดูแลร่างกายน้อยๆ ของเราเลย อาบน้ำแบบลวกๆ เพราะต้องเตรียมตัวไปทำงานให้ทันเวลา ทานข้าวเที่ยงแบบเดิมๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ได้อร่อยขนาดนั้น เลิกงานดึกเกินกว่าที่จะพาร่างกายอันแสนบอบบางไปออกกำลังกาย “เฮ้ย ไม่ได้ละ” ใจลึกๆ ของผมกล่าวขึ้นมา “ต้องไปกินอะไรดีๆ บ้างสิวะ”
-เดินเข้าไปภายในแล้วเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลยครับ-
และแล้วเราก็พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าร้าน Washoku Aji ครับ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า Big C เอกมัย ร้านนั้นตั้งอยู่ที่ชั้น 3 บรรยากาศออกแนวคล้ายๆ กับโรงอาบน้ำสมัยก่อน (ใครเคยไปพวกเรียวกังน่าจะพอนึกภาพออก) ซึ่งร้านนี้ขึ้นชื่ออย่างมากเรื่องความสดของเนื้อปลา และวันที่เราไปนั้น เราเห็นแต่ชาวญี่ปุ่นเดินเข้าเดินออกแบบไม่ขาดสายเลยครับ หาคนไทยแท้ๆ ได้น้อยมากจริงๆ “แปลว่าที่นี่ต้องมีอะไรดีแน่นอนๆ” น่าจะเป็นที่ที่เติมพลังให้กับร่างกายได้แบบถึงลูกถึงคน
บรรยากาศร้านนั้นถือว่ามีกลิ่นไอความเป็นญี่ปุ่นมากจริงๆ คล้ายๆ กับเราเดินเข้าไปในร้านอาหารที่ประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว บรรยากาศออกแนวการ์ตูนในเรื่อง Spirited Away กับโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แค่ที่นี่ไม่ใช่โรงอาบน้ำเท่านั้นเอง ว่าแล้วก็ไม่รอช้าครับ เราเริ่มสั่งอาหารที่จะช่วยเติมพลังมาทานกันเลย
-ชิ้นใหญ่ๆ จัดหนักแบบไม่กั๊ก-
มากันที่จานแรกเลยละกันครับกับ Hotate (190.-) หรือหอยเชลล์สดครับ ชิ้นใหญ่แบบบิ๊กมากๆ หันแบ่งได้ที 4 ชิ้นเลย โรยไข่ปลาแซลมอนมาให้ด้วย วิธีทานคงไม่ต้องอธิบายให้มากความครับ ที่เราชอบมากๆ ก็คือ ตัวหอยเชลล์ค่อนข้างสดและหวานมากทีเดียว จิ้มกับโชยุหน่อยๆ เข้าปากปุ๊บ เราเชื่อว่าใครที่เซงๆ มาตลอดทั้งวันจะอมยิ้มได้ก็เพราะเจ้านี่เนี่ยแหละ
จานต่อไปคือ Engawa (270.-) ลนไฟครับ สำหรับใครที่ชอบความมันและกลิ่นทะเล เราแนะนำชิ้นเนื้อส่วนนี้เลย Engawa คือเชิงกลางของปลาตาเดียวครับ ยิ่งเอาไปลนไฟยิ่งได้กลิ่นหอมไหม้นิดๆ ยิ่งอร่อย อันนี้ MDs’ RECOMMENDED เลยครับ แนะนำให้ลองสั่งมาทาน แต่ห้ามทานกับโชยุธรรมดาๆ นะครับ คุณต้องขอซอสปอนซึมาทานคู่กับ Engawa ครับ เพราะความมันของชิ้นเนื้อจะเข้ากับกลิ่นหอมๆ อมเปรี้ยวจากส้มญี่ปุ่นแบบเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยแหละ
มาถึง Highlight ของมื้อนี้กันครับกับ Chu-Toro / Akami Nigiri Morikomi 5pcs (480.-) นี่คือที่สุดของวันเลยทีเดียว ถ้าไม่เชื่อ ให้คุณดูรูปที่เราถ่ายมาครับ (ขนาดตอนนี้เขียนยังน้ำลายไหลเลย) เอาจริงๆ เลยคือ Akami ของที่อื่นนั้นจะแบบธรรมดาๆ ครับ ได้กลิ่นปลาทูน่า เนื้ออาจไม่ละมุนอะไรมาก แต่ที่นี่นอกจากหวานแล้ว เนื้อยังมี Texture ที่น่าสนใจ ไม่นุ่มยวบแบบที่อื่นๆ และ Chu-Toro นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย พอหยิบเข้าปากเท่านั้น สวรรค์อยู่ตรงหน้าเลย มันของปลาทูน่านั้นแตกและหวานมากๆ MDs’ RECOMMENDED เลยครับ แถมราคานี่ไม่ได้แพงเลย มาที่นี่ต้องลองสั่งดูนะครับ
-เธอเห็นชิ้นเนื้อนั่นมั้ย-
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราไม่เลือก O-Toro แทน อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ชอบชิ้นเนื้อที่มันขนาด O-Toro ก็เป็นได้ ไม่ได้หมายความว่า O-Toro ไม่อร่อยนะครับ แต่ปากเราเองนี่แหละที่เลือกชอบ Chu-Toro มากกว่า ซึ่งถ้าใครชอบ O-Toro ทางร้านก็มีให้สั่งเช่นเดียวกัน
บอกเลยว่ามื้อนี้ “เติมพลังแบบสุดๆ ให้กับร่างกายที่พังยับมาทั้งอาทิตย์” ได้ดีจริงๆ ใครอยากลองตามไปทานแบบเรา จำชื่อร้านไว้ครับ ‘Washoku Aji’ รู้แล้วเหยียบไว้นะ ร้านดีๆ แบบนี้อย่าไปบอกใคร เก็บไว้ทานกันเองในวันที่เหนื่อยๆ รับรองสดชื่นในวันรุ่งขึ้นแน่นอน