วงการแฟชั่นเป็นหนึ่งวงการที่ไม่เคยหลับใหล ไม่หยุดพัฒนาและปรับเปลี่ยนตามหรือนำยุคสมัยอยู่ตลอด หลายคนจึงให้ความสนใจกับเรื่องราวของแฟชั่นเป็นอย่างมาก ที่ ๆ ได้หยิบจินตนาการและสีสันเล่าเรื่องผ่านผลงานออกมากลายเป็นคอลเลกชันใหม่ ๆ แต่เมื่อผู้สร้างสรรค์ผลงานล้วนมีความเป็นศิลปินสูง เรื่องราวของโลกแฟชั่นจึงมาพร้อมกับแสงสีความมัวเมาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ วันนี้ MenDetails.com รวบรวม 7 หนังแฟชั่น ที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของแฟชั่นดีไซเนอร์ชั้นนำถึง 7 คนมาให้ทุกคนได้ย้อนไปดูที่มาของความสำเร็จและเรื่องราวชีวิตของพวกเขากันครับ
จุดเชื่อมโยงของแฟชั่นดีไซเนอร์แต่ละแบรนด์
สำหรับภาพยนตร์และซีรีส์ที่เราหยิบมาในวันนี้จะมีเรื่องราวของ Chanel, Dior, Dries, Halston, Karl Lagafeld, Versace และ Yves Saint Lauren ครับ มีทั้งแฟชั่นดีไซเนอร์จากฝั่งยุโรปอย่างแบรนด์ฝรั่งเศสและอิตาลี และจากฝั่งอเมริกาครับ
ภาพขวา เรียงจากซ้ายสุด Anne-Marie, Loulou de la Falaise, Yves Saint Laurent และ Karl Lagerfeld
เมื่อเป็นแบรนด์ชั้นแนวหน้าทั้งหมด จึงไม่แปลกที่แฟชั่นดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์บางคนจะมีความข้องเกี่ยวกันมาก่อน บ้างก็เคยเป็นครูสอนกับลูกศิษย์ บ้างก็เคยทำงานให้แบรนด์อื่นมาก่อนทำแบรนด์ของตัวเอง อย่าง Yves Saint Lauren เริ่มต้นชีวิตในวงการแฟชั่นจากประกวดโครงการออกแบบเสื้อผ้า The International Wool Secretariat fashion design competition ซึ่ง Christian Dior ได้ชมผลงานนั้นเห็นเซนส์ในการออกแบบและตัดเสื้อผ้าจึงทำให้เกิดการทาบทามให้มาทำงานที่แบรนด์ Dior ในเวลาต่อมา
ในขณะที่ Karl Lagafeld ก็ได้รางวัลจากการประกวดออกแบบเสื้อนั้นมาครองเช่นกัน เพียงแต่เป็นคนละสาขากับที่ Saint Lauren ประกวด (ภายหลังการประกวดนี้เปลี่ยนชื่อเป็น International Woolmark Prize) ทั้งสองคนรู้จักกันจากงานนั้นและได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ Karl Lagefeld จากแบรนด์ของเขาเอง แต่จริงๆ Karl มีชื่อเสียงมากขึ้นในช่วงที่ทำงานให้ Fendi และ Chanel ครับ เป็นดีไซเนอร์คนสำคัญของ Chanel ที่ช่วยปรับให้เสื้อผ้ามีความสมัยใหม่มากขึ้น ดึงให้ผู้หญิงที่อายุน้อยลงมาสนใจในตัวแบรนด์
และสุดท้าย จุดเชื่อมโยงของ Halston แฟชั่นดีไซเนอร์ฝั่งอเมริกาหนึ่งเดียวกับแบรนด์อื่น ๆ คือ เขาเคยข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังปารีสเพื่อร่วมแสดงแฟชั่นโชว์ที่พระราชวังแวร์ซาย ในปี 1973 เป็นหนึ่งในงานแฟชั่นโชว์ประวัติศาสตร์ที่มี 5 แบรนด์จากฝั่งอเมริกาและปารีเซียงมาโชว์ผลงานประชันกัน ซึ่งงานนี้ Yves Saint Laurent และแบรนด์ Dior ก็ได้เข้าร่วม (คนเข้าร่วมคือ Marc Bohan)
Dries (2017)
ถ้าพูดถึงเมืองแห่งแฟชั่น เราเชื่อว่าปารีสและมิลานแห่งฝรั่งเศส คงเป็นอันดับต้น ๆ ที่หลายคนนึกถึง แต่นอกจากฝรั่งเศสแล้วก็มีอีกหลายประเทศในยุโรปที่ให้กำเนิดแฟชั่นดีไซเนอร์ชั้นยอดขึ้นเช่นกันครับ อย่างเบลเยียมจะมีกลุ่มดีไซเนอร์ The Antwerp Six ดีไซเนอร์ 6 คนที่จบจากสถาบัน Royal Academy of Fine Arts ในช่วงปี 1980-1981 เริ่มเป็นถือรู้จักขึ้นมาจากการนำเสื้อผ้าไปโชว์ที่ลอนดอนแฟชั่นวีค ซึ่งตัวละครหลักจากภาพยนตร์สารคดี Dries คือ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนาม Dries Van Noten (ดรีส ฟาน โนเทน) นั่นเองครับ
ภาพยนตร์เล่าเรื่องโดยให้เห็นชีวิตของดรีส แวน โนเทน ตัวจริง โดยที่ผู้กำกับ Reiner Holzemer (ไรเนอร์ โฮลซ์เมอร์) ไปติดตามชีวิตของแฟชั่นดีไซเนอร์คนนี้อยู่ถึงหนึ่งปีเต็ม ปกติแล้วเราจะเคยชินกับความหวือหวาหรูหราของดีไซเนอร์ชื่อดังจำนวนมาก แต่ผู้คนรู้จักดรีสในฐานะแฟชั่นดีไซเนอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการไม่ตามเทรนด์ของตลาด ไม่โปรโมทตัวเอง ไม่ใช้คนดังให้มาสวมใส่เสื้อผ้าของเขา ไม่เน้นเรื่องไลน์สินค้าอื่น ๆ นอกจากเสื้อผ้า และตัวเขาเองก็ชอบแต่งตัวง่าย ๆ แค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงชิโน่สักตัว แต่กลับออกแบบเสื้อผ้าได้เป็นเอกลักษณ์ ประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันในวงการแฟชั่นครับ
“ผมไม่ชอบคำว่าแฟชั่น” นั่นเป็นคำพูดของดรีส เพราะเขามองว่าเมื่อไหร่ที่ใช้คำนี้ก็เหมือนสิ่งที่พร้อมจะตายไปภายในเวลา 6 เดือน ดรีสต้องการอะไรที่อยู่ยืนยงมากกว่านั้น
ผู้ชมจะได้เห็นสิ่งที่พาให้เขามาสู่ความสำเร็จ จากขั้นตอนการสร้างสรรค์งาน ตั้งแต่วิธีคิดงาน การหาผ้า การพิมพ์และปักลาย การหาโลเคชั่นสำหรับจัดแสดง เบื้องหลังของแฟชั่นโชว์ การทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่น โดยลงลึกถึงชีวิตประจำวันในบ้านของดรีสเลยทีเดียว และยังมีเนื้อหาส่วนตัวในเรื่องชีวิตรักให้ได้ชมกันด้วยครับ
Dior and I (2014)
Dior เป็นแบรนด์ที่สร้างขึ้นจาก Christian Dior (คริสเตียน ดิออร์) ที่ฉายแววเรื่องนักออกแบบมาตั้งแต่ยังเด็ก แม้ดิออร์จะเรียนในโรงเรียนรัฐศาสตร์ แต่ความสนใจของเขาก็ยังมุ่งไปที่แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า เขาก้าวเข้าวงการเต็มตัวด้วยการออกแบบหมวกและเสื้อผ้าให้ Haote Couture Houses และเริ่มเปิดห้องเสื้อของตัวเองขึ้นใน ปี 1946 The House of Dior และเปิดตัวคอลเลกชันแรกในชื่อ New Look ในปีถัดมา
แต่สำหรับภาพยนตร์ Dior and I ที่เลือกมาแนะนำกันนั้น เป็นภาพยนตรณ์สารคดีของแบรนด์ Dior ในยุคหลังครับ ไม่ใช่ในช่วงที่คริสเตียน ดิออร์ยังมีชีวิตอยู่ โดยจะเล่าถึงทิศทางของดิออร์ภายใต้การทำงานของ Raf Simons (ราฟ ซิมงส์) Artistic director ที่เข้ามาทำงานให้กับ Dior ตั้งแต่ปี 2012 ครับ เราจะได้เห็นดิออร์ยุคใหม่ผ่านมุมมองและวิธีการทำงานของซิมงส์ รวมถึงเหล่าช่างตัดเย็บที่มีฝีมือซึ่งทำงานร่วมกับแบรนด์มากว่า 40 ปีอีกด้วย
Halston (2021) ฮาลสตัน แฟชั่นระบือโลก
หากเอ่ยชื่อ Halston ขึ้นมาในยุค Seventy ก็คงไม่มีใครไม่รู้จักเขาอย่างแน่นอนครับ Roy Halston (รอย ฮาลสตัน) คือ ดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าของอเมริกาที่เป็นที่รู้จักในด้านฝีมือการออกแบบที่เน้นความสะดวกสบายให้ผู้สวมใส่ นำสมัย และหัวสร้างสรรค์ครับ ซึ่งมินิซีรีส์ 5 ตอนนี้จะพาให้เราไปสู่ชีวิตของฮาลสตันตั้งแต่เริ่มตัดสินใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ได้เห็นชุดที่ทำให้แบรนด์เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาจนได้เป็นเจ้าของสตูดิโอใหญ่ในอเมริกา จากจุดสูงสุดในวงการแฟชั่นที่เหล่าคนมีชื่อเสียงทั้งหลายต่างยอมรับและอยากใส่ชุดที่ฮาลสตันออกแบบ เป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่พลิกโฉมวงการแฟชั่น ไปจนถึงจุดต่ำสุดที่ฮาลสตันตัดสินใจเรื่องธุรกิจผิดพลาดจนกระทั่งเสียแบรนด์ที่ตัวเองสร้างมากับมือไป เป็น หนังแฟชั่น ที่ไม่ควรพลาดเลยครับเรื่องนี้
Lagerfeld Confidential (2007)
อีกหนึ่งดีไซเนอร์ที่มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นของฝรั่งเศสที่ทั้งเคยร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ไปจนถึงมีแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองอย่าง Karl Lagerfeld (คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์) ที่หลายคนชอบเรียกว่าปู่คาร์ล เขาเริ่มต้นเข้าวงการจากการชนะการแข่งขันประกวดออกแบบเสื้อผ้า The International Wool Secretariat ในหมวดเสื้อคลุม เริ่มต้นเข้าทำงานที่ห้องเสื้อ Balmain เป็นแห่งแรก
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ไม่ได้จะพาเราย้อนกลับไปดูที่มาของความสำเร็จแต่อย่างใดครับ แต่จะเป็นเรื่องราวชีวิตที่สำเร็จแล้วของลาเกอร์เฟลด์ โดยถ่ายแบบตามติดชีวิตประจำวันในทุกเวลา ตัดสลับกับบทสัมภาษณ์บ้างเป็นครั้งคราวครับ
ได้ตามไปดูถึงอพาร์ทเมนต์ในกรุงปารีส การเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว การออกงานสังคม การติดต่อสื่อสารกับโมเดล คนที่ทำงานร่วมกันก่อนขึ้นแฟชั่นโชว์ ใครที่ชื่นชอบในผลงานของลาเกอร์เฟลด์นี่ก็เป็นโอกาสดี ๆ ที่จะได้รู้ว่ามุมส่วนตัวที่แสน Confidential ของลาเกอร์เฟลด์ ดีไซเนอร์ผู้กุมบังเหียนแห่ง Chanel ว่าเป็นอย่างไรนั่นล่ะครับ
The Assassination of Gianni Versace (2018)
ซีรีส์ภาค 2 ของ American Crime Story โดยมีชื่อซีซั่นว่า The Assassination Of Gianni Versace ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวฆาตกรรมที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของ Gianni Versace (จานนี่ เวอร์ซาเช่) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Versace ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในยุค 90s แม้ว่าเขาจะจากไปด้วยเหตุสะเทือนใจคนทั้งวงการแฟชั่น แต่เวอร์ซาเช่ก็ยังเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่ได้รับการรำลึกถึงอยู่เสมอ
ซีรีส์เริ่มเล่าเรื่องด้วยจังหวะที่เวอร์ซาเช่ถูกฆาตกรรม แล้วค่อยย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีตของเขา รวมถึงตัวละคร Andrew Cunanan (แอนดรูว์ คูนาแนน) ที่เป็นฆาตกรนั่นเองครับ นอกจากให้เห็นชีวิตของเวอร์ซาเช่แล้วก็ยังมีการเล่าถึงจุดยืนของแบรนด์ Versace หลังจากผู้ก่อตั้งจากไปด้วยว่าจะเป็นอย่างไร โดยได้น้องสาว Donatella Versace รับช่วงสานต่องานตั้งปแต่ปี 1997 มาจนถึงปัจจุบัน
โดยซีรีส์ The Assassination of Gianni Versace 9 ตอนนี้ หลายเสียงบอกว่าสามารถดูได้ 2 วิธี ทั้งจากหน้าไปหลัง หรือหลังไปหน้าก็ได้ครับ เพื่อที่จะได้เห็นไทม์ไลน์ทั้งสองแบบ ระหว่างการเกิดเรื่องราวทั้งหมดก่อนแล้วค่อยย้อนความ หรือดูจากสุดท้ายที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นก่อนว่าทำไมตัวละครคูนาแนนถึงกลายเป็นฆาตกรได้
ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องอื่นที่เราหยิบมาแนะนำสักหน่อยตรงที่คาแรคเตอร์ที่โดดเด่นอาจหนักไปทางคูนาแนน ที่รับบทโดย Darren Criss (ดาร์เรน คริส) ครับ การแสดงโดดเด่นถึงขนาดได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Emmy Award เลยทีเดียว แต่ก็ยังนับว่ามีเรื่องราวในมุมของโลกแสงสีของแฟชั่นให้เราได้ชมอยู่เช่นกัน
เนื้อหาในซีรีส์ที่ต่างกับความเป็นจริง คือ ฆาตกรที่สังหารดีไซเนอร์หนุ่ม ไม่อาจระบุได้ว่าแท้จริงแล้วมีความข้องเกี่ยวกันหรือไม่ ในรูปคดีจริงที่เกิดขึ้นในปี 1997 ตำรวจสรุปเอาไว้ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ต่อกันครับ แต่ตัวซีรีส์เสนอออกมาในมุมที่สองตัวละครมีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งทางผู้สร้างจะระบุเอาไว้ว่ามีการเสริมแต่งเรื่องราวเพิ่มเติม ไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่สำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างน้องสาวและแฟนหนุ่มของเวอร์ซาเช่ ก็มีเนื้อหาบางส่วนที่ทำให้ความไม่พึงพอใจเกิดขึ้นเช่นกัน คงต้องไปลองชมกันผ่านทาง Netflix ครับว่าผู้กำกับถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของเวอร์ซาเช่อย่างไรออกมาผ่านซีรีส์เรื่องนี้
The Return (2013)
หนึ่งในดีไซน์เนอร์หญิงที่ถูกจารึกชื่อไว้ในวงการของแฟชั่นในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา คงจะต้องมี Coco Chanel (โคโค่ ชาเนล) อยู่อย่างแน่นอนครับ โดยชีวิตของชาเนลถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง มีทั้งเรื่องที่เล่าตั้งแต่เด็ก เรื่องที่เลือกเล่าเฉพาะช่วงเวลาครับ ในส่วนของ The Return ที่เราเลือกมานั้น เป็นภาพยนตร์สั้น 25 นาที ฝีมือกำกับของ Karl Lagerfeld (คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์) ที่เปิดตัวพร้อมคอลเลกชัน Métiers d’Art ประจำปี 2013/2014 นั่นเองครับ
โดยเล่าเรื่องย้อนกลับไปในปี 1953 ตอนที่ชาเนลเริ่มออกแบบชุดสำหรับคอลเลกชันแรก เริ่มตั้งแต่การนำผ้าไปเทียบบนตัวแบบและสร้างสรรค์ชุดที่ดีที่สุดออกมา โดยโอร์กูตูร์ในตอนนั้น มีเดรสที่แหวกแผ่นหลังครึ่งหนึ่งและเปิดช่วงหัวไหล่ เป็นคอลเลกชันที่ชาแนลและเพื่อนของเธอชอบมาก แต่กลับกลายเป็นว่าสื่อมวลชนของฝรั่งเศสไม่ถูกใจเสียเท่าไหร่ บางคนออกความเห็นว่าน่าเบื่อ แต่สื่อฝั่งอเมริกากลับมาว่านี่เป็นก้าวใหม่ของแฟชั่นชั้นสูง โดยสาเหตุที่ภาพยนตร์ได้ชื่อว่า The Return นั้นเพราะครึ่งเรื่องหลังจะเล่าถึงเหตุการณ์ 5 ปีให้หลังที่ชาแนลกลับฝรั่งเศสมาในฐานะดีไซเนอร์ชื่อดังแล้วนั่นเองครับ
Saint Laurent (2014) แฟชั่นเขย่าโลก
photo from : esquiresg | ภาพของ Yves Saint Laurent ตัวจริง
ถ้าพูดถึงแบรนด์แฟชั่นระดับโลกของฝั่งฝรั่งเศส เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องนึกถึง Saint Laurent ขึ้นมาเป็นชื่อแรก ๆ อย่างแน่นอนครับ แบรนด์ที่มีโปรดักส์ครบครันทั้งไลน์เสื้อผ้าผู้หญิงผู้ชาย รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับไปจนถึงน้ำหอมและเครื่องสำอาง โดยมีเจ้าของแบรนด์ คือ Yves Saint Laurent (อีฟ แซงต์ โลรองต์) ดีไซเนอร์ที่หลายคนขนานนามว่า ศาสดาของวงการแฟชั่น
ภาพยนตร์เรื่อง Saint Laurent เป็นภาพยนตร์ฝรั่งเศส สร้างขึ้นมาจากเรื่องราวของ อีฟ แซงต์ โลรองต์ ในปี 1965-1989 ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นที่เพิ่งจับงานออกแบบเสื้อผ้าให้ผู้ชมได้เห็นขั้นตอน วิธีการทำงาน ช่วงวัย 25 ปีที่โลรองต์เพิ่งสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้น ไปจนถึงช่วงขึ้นสู่สูงสุดของศิลปินและการสร้างสรรค์แบรนด์ว่าในช่วงนั้นต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนักหนาอะไรบ้าง
ซึ่ง Saint Laurent แสดงนำโดย Gaspard Ulliel (กัสปาร์ อุลลิแอล) เป็นอีกเรื่องที่เลือกนักแสดงนำมาได้มีเสน่ห์และตีบทบาทของความเป็นศิลปินได้แตกกระจุยครับ เพราะทำให้ได้เห็นถึงความทะเยอทะยานทั้งในด้านอาชีพการทำงานรวมถึงเรื่องส่วนตัว ตัวภาพยนตร์จะเล่าไทม์ไลน์สลับไปมาในช่วงแรกให้เห็นช่วงที่รุ่งเรืองแล้วค่อยพาย้อนกลับไปช่วงเวลาของการสร้างสรรค์ผลงานในช่วงแรก เป็นภาพยนตร์ที่ควรจะรู้จักประวัติคร่าว ๆ ของอีฟ แซงต์ โลรองต์ก่อนเริ่มชมครับ
หวังว่า 7 หนังแฟชั่น ที่เราเลือกมานี้ จะทำให้ทุกคนได้เห็นเบื้องหลังของวงการนี้มากขึ้น ทั้งในแง่การสร้างสรรค์ผลงาน การทำงานในสไตล์ของดีไซเนอร์แต่ละคน การทำงานร่วมกับผู้อื่น การมีชีวิตอยู่ในแสงสี และยังช่วยสอนให้เราได้ตระหนักว่าควรวางตัวอย่างไรเมื่อชีวิตประสบความสำเร็จไปในจุดสูงสุดด้วยครับ