หากพูดถึงประเทศที่มีหลักปรัชญาการดำเนินชีวิตที่น่าสนใจ นอกจากญี่ปุ่นที่เราเคยเขียนถึงไปแล้ว ประเทศแถบสแกนดิเนเวียเองก็มีหลักปรัชญาการดำเนินชีวิตที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย และอาจเป็นเพราะปรัชญาเหล่านี้นี่เอง อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศแถบสแกนดิเนเวียสงบสุข ประชาชนโดยรวมมีค่าความสุขสูง และคุณภาพชีวิตของประชากรดี โดยปรัชญาที่เราอยากมาพูดถึงในวันนี้คือ “ลากอม” หรือ Lagom จากประเทศสวีเดนครับ
มันคืออะไร ความเชื่อนี้มีต้นกำเนิดมาจากไหน มีหลักปฏิบัติอย่างไร รวมถึงทำไมเราอยากให้ผู้ชายได้รู้จักและนำไปใช้ MenDetails จะพาทุกท่านไปรู้จักและหาคำตอบ เผื่อใครที่รู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้ “ล้น” เกินไป แนวคิดนี้ล่ะครับที่จะมาช่วยคุณ
Lagom คืออะไร
ลา-กอม เป็นภาษาสวีดิช ที่สามารถจำกัดความโดยรวม ๆ ว่า “ความพอดี สมดุล ไม่มากไม่น้อยไป” เป็นแนวคิดสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและวัฒนธรรมของคนในประเทศสวีเดน โดยจะมีความแตกต่างจาก Hygge (ฮุกกะ) ซึ่งเป็นแนวคิดของชาวเดนมาร์ก เพราะ Hygge จะเน้นไปที่ความสุขเรียบง่ายในชั่วเวลาขณะหนึ่ง ในขณะที่ลากอมจะเน้นที่ความพอดี มากกว่าความเรียบง่าย
มีความเชื่อว่าคำนี้มาจากคำว่า “Laget om” ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในยุคสมัยของชนเผ่าไวกิ้ง สื่อถึงการที่แต่ละคนควรจะดื่มเหล้า Mead จากแก้วเท่าไหร่ จึงจะมีเหล้าเพียงพอที่จะส่งต่อให้ทุกคนได้ดื่ม แต่ในความจริงดูเหมือนว่ามันจะมีจากรากของคำว่า Lag ที่แปลว่ากฎหมาย ซึ่งจะสื่อไปทางกฎของสามัญสำนึกเสียมากกว่า
มีสุภาษิตของชาวสวีดิชว่า Lagom är bäst แปลได้ว่า ความพอดีคือดีที่สุด การดำเนินชีวิตด้วยแนวคิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การทำงาน การใช้เงิน ชีวิตส่วนตัว ไปจนถึงเรื่องจิปาถะอื่น ๆ ในชีวิต ล้วนมีความพอดีของมันที่ไม่น้อย แต่ไม่ล้นจนเกินไป เพราะเมื่อชีวิตสมดุลแบบพอดี เมื่อนั้นเราก็จะมีความสุข
ความพอดี กับการใช้ชีวิตของผู้ชายไทย
ในชีวิตผู้ชายไทยที่เร่งรีบ เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ทำให้ชีวิตของใครหลายคนหนักไปในทิศทางใดทางหนึ่ง บางคนอาจทุ่มเรื่องของงานจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น บางคนอาจใช้จ่ายเงินซื้อทุกอย่างที่อยากได้ และ Lagom นี่ล่ะครับที่เป็นอีกหนึ่งแนวทางการดำเนินชีวิตที่น่าสนใจในวิถีชีวิตแบบไทย ๆ ที่ทุกอย่างเร่งรีบเช่นนี้
หัวใจหลักของ Lagom คือ “ความสมดุล” ซึ่งเป็นแนวคิดที่เมื่อราว ๆ 5 – 6 ปีก่อน ต่างถูกนิตยสารไลฟ์สไตล์หลายหัวหยิบมานำเสนอ ไม่ต่างจาก Hygge ทำให้แนวคิดของประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ที่ขึ้นชื่อว่าประชากรมีความเป็นอยู่ดี ชีวิตมีความสุข กลายเป็นที่โด่งดัง เพราะใคร ๆ ก็โหยหาความสุขในโลกที่วุ่นวายเช่นนี้ และพวกแนวคิดจีน ญี่ปุ่น หรือตะวันตก อเมริกาอื่น ๆ ถูกใช้จนพรุนหมดแล้ว
หากเราอยากจะมีความสุข ก็จงมองโลกในแง่บวก เพราะทุกสิ่งย่อมมีด้านบวกและลบเสมอ เป็นความ “สมดุล” ของสรรพสิ่ง และหากเราจะบอกว่ามันสนับสนุนแนวคิดเรื่อง Work-Life Balance ไปในตัวก็คงไม่ผิดนัก เพราะแนวคิดนี้จะบอกว่า เราอย่ามัวแต่ทำงานอย่างเดียว การทำงานหนักเกินไปนั้นไม่ดี เราต้องหาเวลาพักให้ตัวเองบ้าง อย่างที่ชาวสวีดิชจะมีช่วงพักเบรกระหว่างทำงานที่เรียกว่า Fika (ฟิ-ก้า) ซึ่งเป็นการพักเพื่อดื่มกาแฟ กินของว่าง พักสมองจากงาน อยู่กับปัจจุบัน และสนทนากับคนอื่น ๆ โดยชาวสวีดิชให้ความสำคัญกับ Fika มาก ขนาดที่ว่าบริษัทใหญ่ ๆ ต้องมีช่วงพัก Fika ระบุไว้อย่างเป็นทางการให้เลยทีเดียว
ดังนั้นการนำหลักคิดแบบ “ลากอม” มาใช้ในการดำเนินชีวิต จะทำให้เราต้องรู้ตัวเองว่าตอนไหนทำงาน และตอนไหนคือช่วงพัก เราต้องมีเวลาพักผ่อนให้ตัวเอง อาจจะเป็นการหางานอดิเรก ออกกำลังกาย ทำสิ่งที่ชอบ เพื่อให้ชีวิตมีความสมดุล
นอกจากเรื่องการทำงานและการพักแล้ว เรื่องเกี่ยวกับการใช้จ่ายก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นเดียวกัน ด้วยการที่เราต้องรู้ตัวเองว่าเรากำลังใช้จ่ายอะไร ของแต่ละอย่างจำเป็นหรือไม่ เลือกซื้อของที่จำเป็น อะไรที่จำเป็นน้อยกว่า หรือพอจะซ่อมแซม ทดแทนได้ก็ทำ และในขณะเดียวกันก็มีส่วนที่ซื้อของเป็นความสุขให้ตัวเองด้วย อาจจะซื้อเกม เติมเกมบ้าง ซื้อของสะสมบ้าง แต่ก็ต้องดูว่าอะไรที่มีความสำคัญมากกว่า หากมีของที่จำเป็นก็ต้องซื้อก่อน เป็นต้น การที่เรารู้จักว่าอะไรคือความพอดี จะช่วยทำให้เราควบคุมแผนการเงินได้ไปในตัวด้วยครับ
สรุปง่าย ๆ ก็คือ อะไรที่เรารู้สึกว่ามันหนักเกินไป ก็ต้องปรับให้เกิดสมดุล เพื่อให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นครับ เพราะเรามีความสุขจากการที่เรารู้ตัวว่าตรงไหนที่ควรพอ หรือเหมาะสม ไม่ได้ทำอะไรอย่างหนึ่งมากไป ไม่ได้คิดที่จะมีมากขึ้นกว่าตอนนี้ เพราะความพอดี มันดีพอที่ทำให้เรามีความสุขกับชีวิต
…แต่คำว่าพอดีของเราไม่เท่ากัน
สำหรับหัวข้อสุดท้ายนี้ ก็เป็นสิ่งที่เราอยากบอกในอีกแง่มุมหนึ่งของแนวคิดนี้ เพราะหากคิดดูแล้วจะพบว่ามันเป็นอะไรที่สัมผัสได้ยาก เพราะว่าเมื่อเราพูดถึงความ “พอดี” มันเป็นนามธรรมเกินไป ไม่มีอะไรที่มาขีดเส้นว่านี่คือความพอดี การรับรู้ว่าตรงไหนคือความพอดีของแต่ละคนจึงต่างกัน แม้แต่ชาวสวีดิชเจ้าของแนวคิดนี้เองก็ให้คำจำกัดความที่ไม่เหมือนกัน 100%
Lagom จึงเป็นมากกว่าแค่ความพอดี แต่มันสามารถตีวงออกไปได้กว้างกว่านั้น ทั้งการไม่ฟุ้งเฟ้อ ความพอเพียง ความยั่งยืน ไปจนถึง ความมีสามัญสำนึกที่เป็นรากศัพท์ดั้งเดิมของมัน ทำให้คำจำกัดความของคำ ๆ นี้สำหรับแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างเรื่องการใช้จ่าย แต่ละคนมีเงินไม่เท่ากัน ความพอดีก็ต่างกัน เป็นต้น
ชาวสวีดิชบางส่วน ก็มีกลุ่มที่ไม่ชอบแนวคิดนี้อยู่ด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าเป็นแนวคิดที่สุดโต่ง เหมือนลัทธิบางอย่าง และความพอดี หรือความเป็นกลางนี้เองที่หยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมและนิสัยใจคอของชาวสวีดิช ทำให้เป็นคนที่ไม่กล้าเผชิญหน้า เป็นกลางมากเกินไปจนไม่กระตือรือร้นหรือไม่มีความทะเยอทะยานมากเท่าที่ควร
แต่นี่ก็เป็นอีกด้านหนึ่ง เหมือนที่ตัวแนวคิด ลากอม เองบอกว่าทุกอย่างมีความพอดีของมัน ดังนั้นการนำแนวคิดนี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน ก็ต้องดูว่าความพอดีของเรานั้นอยู่ตรงไหน และเราทำอะไรได้บ้าง โดยใช้ลากอมมาเป็นตัวครอบอีกทีหนึ่ง ซึ่งก็อาจฟังดูย้อนแย้งในตัวเองเช่นกันเพราะถ้า ลากอม แปลว่า “ความพอดี” นั่นอาจหมายความว่า แม้แต่การนำ Lagom ไปปรับใช้ในชีวิตนั้น ก็ต้องรู้จักใช้แบบ ลากอม คือใช้อย่างพอดี ๆ ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ “ลากอม” ไปเสียทั้งหมดเช่นกัน
นี่คิดแนวคิดที่เรามองว่าน่าสนใจอีกแนวคิดหนึ่งจากสวีเดนครับ เชื่อว่าหากนำไปปรับใช้ให้ถูกต้อง และตรงกับความพอดีของเรา มันจะช่วยทำให้ชีวิตวุ่น ๆ ของเรามีความสมดุลมากขึ้นอย่างแน่นอน