ผู้ชายยุคใหม่กับการดูแลผิวเป็นเรื่องที่ต้องไปด้วยกันครับ อย่าคิดว่า ขี้เกียจทาครีม หรือไม่ชอบครีมเพราะมันเหนอะหนะผิว เพราะการมีผิวหน้าดีมีชัยไปกว่าครึ่งจริง ๆ นอกจากจะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีแล้วยังเป็นตัวพิสูจน์ว่าเราดูแลตัวเองได้ดีอีกต่างหาก MenDetails มีขั้นตอนการบำรุงผิวง่าย ๆ เพียง 3 ขั้นตอนกับ Aesop มาฝาก รับรองไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีแน่นอนครับ
Do men really need skincare ?
ยังมีคนจำนวนมากที่คิดว่า ผู้ชายจำเป็นต้องทาครีมบำรุงด้วยจริง ๆ หรือ ? คงต้องบอกว่ากาลเวลา อายุที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมปัญหาผิวนับไม่ถ้วนนั้น น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดว่าสกินแคร์จำเป็นต่อผิวผู้ชายไหม ลองนึกภาพว่า ทุก ๆ วันที่เราออกจากบ้านไปเจอแสงแดด ฝุ่น มลภาวะด้วยผิวหน้าเปลือยเปล่า เท่ากับมีตัวการทำร้ายผิวเราอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่ตอนกลับมาบ้านเราไม่เคยได้บำรุงหรือปกป้องอะไรกับผิวเลย เมื่อถึงวันหนึ่งปัญหาผิวต่าง ๆ ก็จะเกิดและสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ในช่วงวัยเลข 2 อาจยังไม่เห็นปัญหาผิวชัด ๆ จากการไม่ใช้สกินแคร์บำรุง เพราะยังอายุน้อย ร่างกายยังคงผลิตสารตามธรรมชาติ แต่เมื่อแตะเข้าเลข 3 ไปสักพัก เราจะเริ่มสัมผัสได้ถึงความหยาบกร้านของผิว และเห็นปัญหาผิวได้ด้วยสายตาเลยทีเดียว เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นนำไปสู่การดูเป็นผู้ชายหน้าแก่และโทรมกว่าวัยครับ
ฉะนั้นผู้ชายจำเป็นต้องทาครีม ใช้สกินแคร์บำรุงผิวต่าง ๆ เป็นอย่างยิ่ง ต้องเลือกประเภทผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของเรา เพื่อป้องกันปัญหาผิวใหม่ ๆ ที่อาจจะเกิด ลดเลือนปัญหาผิวที่มีอยู่ ไม่ให้ผิวร่วงโรยก่อนวัยด้วยครับ
การทำความสะอาดผิวเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญ
ก่อนจะไปยังขั้นตอนการบำรุงผิว มีขั้นตอนหนึ่งที่เราต้องทำอย่างพิถีพิถัน คือ ขั้นตอนการ ล้างหน้า ทำความสะอาดผิว เมื่อเราออกไปเจออากาศข้างนอกมาทั้งวัน เราต้องล้างหน้าให้สะอาดหมดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคราบความสกปรกติดค้างอยู่ตามผิวหน้าครับ
บางคนอาจทาครีมกันแดดและครีมบำรุงบางตัวในช่วงเช้า ในขณะที่บางคนก็ออกจากบ้านหน้าสด ไม่ได้ลงอะไรบนผิว แต่ไม่ว่าเราจะทาอะไรก่อนออกจากบ้านหรือไม่ หลังกลับมาก็ต้องล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าอยู่ดีครับ อย่าล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวเพราะไม่สามารถชะล้างความมันบนผิวออกได้หมด อาจเป็นบ่อเกิดของสิวและปัญหาต่าง ๆ ในภายหลังได้
หากใครลงเมคอัพบนผิว ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ Cleansing เช็ดออกก่อนที่จะล้างหน้านะครับ แต่ถ้าทาเพียงกันแดดกับครีมบำรุงก็สามารถล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ประเภท Cleansing Foam หรือ Cleanser ในการล้างหน้าทำความสะอาดได้เลย
สำหรับ Skincare Routine ในครั้งนี้ เราแนะนำให้ใช้ประเภท Cleanser เพื่อที่ผิวหลังล้างหน้ายังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ด้วย Aesop Parsley Seed Facial Cleanser ครับ สำหรับแบรนด์ Aesop นั้นเป็นแบรนด์สกินแคร์จากออสเตรเลียที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ ไลน์ Parsley Seed ทุกตัวล้วนมีส่วนผสมของเมล็ดพาร์สลีย์เป็นหลักครับ
คลีนเซอร์ตัวนี้ยังมีส่วนผสมของ Lactic Acid ที่จะช่วยทำความสะอาดผิวได้หมดจด ไม่รู้สึกแห้งตึงหลังล้างเสร็จ และยังช่วยปรับสภาพผิวให้สมดุลด้วยครับ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวผสม – ผิวมัน หรือมีปัญหาสิวที่ต้องเผชิญสภาพแวดล้อมที่เจอมลภาวะสูง
วิธีใช้เพียงแค่เทผลิตภัณฑ์ลงบนฝ่ามือที่เปียก ถูให้เกิดฟองแล้วค่อย ๆ นวดลงบนใบหน้าก่อนจะล้างออกด้วยน้ำเปล่า ควรจะใช้เวลาสัก 30 วินาที ถึง 1 นาทีขณะนวดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ช่วยขจัดความมัน สิ่งสกปรกบนใบหน้าได้ก่อนนะครับ ไม่ควรถูหน้าแล้วล้างออกทันทีใน 5 – 10 วินาที
อย่ามองข้ามขั้น การเตรียมผิว ก่อนบำรุง
หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้วก็เป็นขั้นของการปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นต่อไป เตรียมผิวด้วยการใช้โทนเนอร์ เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่าสรุปแล้วเจ้าโทนเนอร์นี้เป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่ ทำความเข้าใจง่าย ๆ กันก่อนว่า โทนเนอร์ มีคุณสมบัติในการปรับสมดุลผิว (pH Balance) สภาพความเป็นกรดด่างของใบหน้า ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่จากขั้นตอนล้างหน้า ทำให้เพื่อพร้อมสำหรับทาครีม ดึงประสิทธิภาพของสกินแคร์ออกมาได้ดีขึ้น
ฉะนั้น โทนเนอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ในหมวดที่ ไม่ใช้ก็ไม่ถึงกับทำให้หน้าพัง แต่ถ้าใช้โทนเนอร์ก็จะมั่นใจได้ว่าผิวหน้าสะอาดหมดจด ไม่มีความสกปรกตกค้าง ลดปัญหาการอุดตันบ่อเกิดสิว ช่วยรักษาสมดุลในผิวได้ และยังทำให้ผิวได้รับผลลัพธ์การบำรุงที่ดีที่สุดครับ
เตรียมผิวกันด้วยโทนเนอร์ Aesop Parsley Seed Anti-Oxidant Facial Toner ที่มีส่วนผสมของสารสกัดเมล็ดพารส์ลีย์ Lavender และ Camomile ครับ เทโทนเนอร์ลงบนสำลีหรือฝ่ามือ แล้วเช็ดทั่วผิวหน้า โทนเนอร์จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมกับปรับสมดุลผิวให้ค่า pH Balance อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย ตัวนี้จัดเป็นสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายไปจนถึงผิวธรรมดา
ทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นสักหน่อย เกี่ยวกับการปรับระดับความสมดุลของผิว โดยทั่วไปในวัยเด็กผิวของเราจะมีค่า pH ค่อนข้างสูง ค่อนไปทางเป็นกรด และเมื่ออายุมากขึ้น ค่า pH ก็จะค่อย ๆ ลดลง กลายมาอยู่ที่ราว 5.7 ในช่วงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ แสงแดด มลภาวะต่าง ๆ ฝุ่นควัน หรือปัจจัยภายในอย่างผิวเป็นสิว มีพฤติกรรมการล้างหน้าบ่อย ก็ส่งผลทำให้ผิวเสียสมดุลได้ครับ
หากผิวมีสภาพเป็นด่างมากเกินไป จะเกิดปัญหาผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย เป็นบ่อเกิดของริ้วรอยต่าง ๆ ไปจนกระทั่งปัญหาฝ้า กระ และหากผิวมีสภาพเป็นกรดมากเกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาผิวอักเสบ เป็นสิว บวมแดง เป็นต้นครับ ฉะนั้นการที่จะรักษาระดับความสมดุลในผิวจึงสำคัญครับ
จบขั้นตอนด้วยการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งกร้าน
ขั้นตอนสุดท้ายของ Skincare Routine คือ เติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว ซึ่งเราสามารถทาครีมได้ตั้งแต่ 1 ชั้นไปจนถึง 3 – 4 – 5 ชั้นเลยทีเดียวครับ แต่สำหรับ Basic Step ครั้งนี้ แนะนำให้เลือกครีมบำรุงที่ตัวเดียวที่ทาจบแล้วนอนได้เลยจะดีที่สุด
เมื่อผิวหน้ามีความชุ่มชื้นที่เพียงพอ จะทำให้ผิวหน้าไม่แห้ง ไม่หยาบกร้าน ไม่หมองคล้ำ ไม่ระคายเคือง รวมถึงไม่เกิดปัญหาผิวง่าย ๆ ครับ ฉะนั้นการรักษาความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิวจึงสำคัญมาก เราแนะนำให้ลอง Aesop B&C Facial Balancing Gel ที่เนื้อมีความเข้มข้นและสามารถเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างดีเยี่ยมครับ
สำหรับ B&C Facial Balancing Gel มีส่วนประกอบของวิตามินบีที่ช่วยบำรุงให้ผิวมีความสมดุลและซีที่ช่วยเรื่องความกระจ่างใส เหมาะสำหรับคนที่มีผิวธรรมดาไปจนถึงผิวมัน เนื้อผลิตภัณฑ์จะมีความเข้มข้นคล้าย ๆ น้ำผึ้ง ต้องเทลงบนฝ่ามือเพื่อวอร์มก่อน ใช้นิ้วนวดเจลให้เนื้อคลายความเข้มข้นแล้วค่อยทาลงบนผิวหน้า เนื้อเจลจะซึมเข้าผิวได้เร็วและไม่ทิ้งความเหนอะหนะเอาไว้เลยครับ
ถ้าต้องทาสกินแคร์มากกว่า 1 ตัว มีหลักการง่าย ๆ คือ ให้ทาสกินแคร์เนื้อที่เหลว/มีความเข้มข้นน้อยที่สุดก่อน แล้วค่อยไล่ไปยังเนื้อที่มีความเข้มข้นมากขึ้นครับ
หากเป็นช่วงที่ต้องเผชิญสภาพอากาศหนาวจัดหรือเจอปัญหาหน้าแห้งลอกก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ moisturizer ที่มีความเข้มข้นมากขึ้น มอบความชุ่มชื้นที่สูงขึ้นอย่าง Aesop Sublime Replenishing Night Masque ถือเป็นตัวเลือกที่ดีครับ ใช้เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้งก็เพียงพอ
ขั้นตอนการดูแลผิวง่าย ๆ เพียง 3 สเต็ป เริ่มต้นด้วยการล้างหน้าให้สะอาด เตรียมผิวด้วยการเช็ดโทนเนอร์ และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยการทาครีมที่มีคุณภาพดีก่อนนอน ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีอย่างแน่นอนครับ และผลิตภัณฑ์จาก Aesop Skincare ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติก็สามารถตอบโจทย์ได้ทุกสภาพผิว เท่านี้เราก็มั่นใจได้ว่าจะสามารถรักษาผิวหน้าให้ดูดีได้แล้วครับ