ปัจจัยภายนอกและภายในล้วนส่งผลให้เราหน้าแก่ขึ้น ดูโทรมลงอย่างเห็นได้ชัดครับ ไม่ว่าจะเป็นอายุ ความเครียด ระยะเวลาในการพักผ่อน อาหารการกิน ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ซึ่งปัญหาผิวบางอย่างเราสามารถรักษาด้วยตัวเองได้ แต่ปัยหาหลาย ๆ อย่างก็ควรไปรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญครับ MenDetails.com ขอแนะนำ 4 ปัญหาผิวที่ควรไป หาหมอผิวหนัง ตามสถาบันโรคผิวหนัง โรงพยาบาล หรือ คลินิกความงามที่น่าเชื่อถือ เห็นผลกว่าการรักษาด้วยตัวเองครับ
กระ บนผิวหน้าที่เกิดมากขึ้นตามอายุ
กระ คือ จุดด่างดำบนใบหน้าที่มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลหรือสีดำ มีทั้งที่มีลักษณะนูน ใช้มือลูบแล้วรู้สึกถึงความไม่เรียบเนียน กับ ลักษณะแบนราบ ขึ้นอยู่กับประเภทของกระว่าเป็นกระตื้น กระลึก กระแดด หรือกระเนื้อ ส่วนใหญ่จะกระจายตามใบหน้าและลำคอ ไปจนถึงบริเวณนอกร่มผ้า
ซึ่งกระเกิดขึ้นจากพันธุกรรม อายุที่เพิ่มขึ้นและปริมาณแสงแดดที่ได้รับเข้าไปครับ เป็นปัญหาผิวที่ไม่รุนแรง เพราะดูเผิน ๆ จะเห็นไม่ชัด แต่หากหันหน้าเข้าแสงหรืออยู่กลางแดดก็จะเห็นจุดกระอย่างชัดเจน อาจสร้างความรำคาญใจให้หลายคนได้ครับ
ใครที่อยากรักษากระด้วยตัวเอง ต้องใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนประกอบของอาร์บูติน, Hydroquinone, AHA หรือวิตามินซีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวครับ ครีมเหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยให้กระหลุดไปเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นไปได้ยากมาก ๆ ที่กระจะหายจากการทาครีม อย่างมากที่สุดความเข้มของกระอาจจางลงเท่านั้น
‘ทำอย่างไรกระถึงจะหาย?’ เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแบบนี้ วิธีที่ดีและเห็นผลชัดที่สุด คือ เลเซอร์ออกครับ อาจใช้เลเซอร์ประเภท Q-Switched, IPL ยิงจุดกระแต่ละจุดครับ หลังเลเซอร์แล้วผิวบริเวณที่ยิงจะตกสะเก็ดราว 5-7 วันและหลุดลอกออกไปเอง ผิวจะเรียบเนียนขึ้นทันที
ข้อดีของการเลเซอร์กระ คือ กระหลุดออกแน่นอน แต่ผลไม่ได้คงทนถาวรนะครับ หากไม่ทากันแดดและอยู่กลางแดดบ่อย ๆ หรืออายุเพิ่มมากขึ้นหลายปี ก็มีโอกาสที่กระจะกลับมาขึ้นอีกครั้ง
ปัญหาสิวเรื้อรังที่เป็นมาแรมปี
สิว เป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคน ซึ่งมีหลายปัจจัยของการเกิดสิวครับ หลัก ๆ มาจากฮอร์โมนเพศและลักษณะการใช้ชีวิตบางประการ โดยสิวแต่ละประเภทก็ต้องมีวิธีและยารักษาแตกต่างกันไป แบ่งง่าย ๆ ออกเป็นสิวอักเสบ (inflammatory acne) และ สิวไม่อักเสบ (non-inflammatory acne) อย่างสิวอุดตัน สิวเสี้ยน สิวหัวขาว
จริง ๆ แล้วสิวเป็นปัญหาผิวที่เราสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง หากเราทราบสาเหตุที่แน่ชัดของสิวเม็ดนั้น ๆ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกกับมัน แต่ปัญหา คือ เราได้แต่อนุมานว่าสิวนั้นเกิดจากอะไรและซื้อยารักษาเอาเองตามการคาดการณ์และคำแนะนำจากคนรู้จัก หรือเภสัชในร้านขายยา ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่วิธีที่ถูกนัก มีโอกาสที่จะแพ้ผลิตภัณฑ์และสิวเห่อกว่าเดิม
หากเกิดจากอักเสบและอุดตันจำนวนมาก หรือเป็นมานานและไม่ยุบเสียที เราจำเป็นต้องไป หาหมอผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิว รู้จักประเภทของสิว และค่อย ๆ รักษาไปตามลำดับครับ โดยส่วนใหญ่จะเริ่มจากการเจาะสิวเพื่อเอาเชื้อไปตรวจ ระบุสาเหตุของการเกิดสิวให้ได้ก่อน
สิวอุดตันหรือสิวไม่มีหัว มักจะรักษาด้วยการใช้เข็มกดสิว หรือทายาที่ช่วยละลายหัวสิว ทำให้สิวปรากฏขึ้นมาแล้วค่อยกดออกหรือทายาแต้มสิวให้ยุบไปในที่สุด ในขณะที่สิวที่อักเสบแล้วจะฉีดสเตียรอยด์เข้าไปเฉพาะเม็ดสิวที่อักเสบ เพื่อให้ยุบเร็วขึ้น นอกจากนั้นก็อาจมีการมาสก์สิวและให้ยารักษาไปตามอาการครับ
ซึ่งการรักษาเหล่านี้ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ ไม่งั้นอาจจะอักเสบกว่าเดิม และไม่แนะนำให้กดสิวด้วยตัวเอง
หลุมสิว ร่องรอยจากสิวอักเสบที่ทำให้หน้าไม่เรียบเนียน
ปัญหาสิวนับว่าเป็นปัญหาผิวที่กวนใจอย่างมากจริง ๆ นอกจากจะเกิดการอักเสบ ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนขณะที่เป็นแล้ว หลังจากสิวยุบไปก็อาจทิ้งแผลเป็นอย่างหลุมสิวไว้บนใบหน้าเราอีก ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายสร้างเซลล์ผิวมาทดแทนบริเวณเดิมน้อยจนเกินไปครับ
ใครที่ประสบปัญหาเรื่องสิวหนัก ๆ กดหรือบีบสิวเอง หรือปล่อยให้อักเสบโดยที่ไม่ได้รักษาก็มีโอกาสจะเจอปัญหาต่อมาอย่างหลุมสิวได้ง่ายครับ ซึ่งรักษายากกว่าสิวอักเสบเสียอีก
โดยประเภทของหลุมสิวจะแบ่งเป็น Rolling Scar ผิวจะดูย่น ๆ ไม่เรียบเนียน แต่ไม่ถึงกับเป็นหลุมลึก Boxed Scar มีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อมากกว่าอีกแบบ และ Ice Pick Scar เป็นหลุมสิวที่เป็นรูลงไปรักษายากที่สุดครับ
หลุมสิวที่เป็นหลุมตื้น ไม่ลงลึกถึงชั้นผิวจนเป็นรู สามารถทายาจำพวกกรดวิตามินเอรักษาด้วยตัวเองได้ แต่จะใช้เวลานานครับ เช่น 3 – 6 เดือนขึ้นไป สำหรับคนที่มีหลุมสิวลึก หรืออยากให้หลุมสิวหายไว ๆ เราแนะนำไปหาหมอผิวหนังหรือเข้าคลินิก จะเห็นผลที่ชัดเจนกว่าครับ
หลุมสิว สามารถรักษาได้หลายวิธีครับ อาจจะใช้วิธีการ subsicion ใช้เข็มเลาะพังผืดใต้ผิวหนังออก ให้มีพื้นที่ในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นเอง หรือรักษาด้วยการกรอปรับสภาพผิว และวิธีที่ได้ผลชัดที่สุด คือ เลเซอร์หลุมสิวครับ ซึ่งคนนิยมทำเลเซอร์แบบมีแผลน้อย (Fractional Laser Resurfacing) นั่นเองครับ
ผมร่วงและผมบาง หาหมอผิวหนัง เห็นผลชัดเจนสุด
ผมร่วงเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ชายหลายคนเผชิญครับ แม้ไม่ใช่ปัญหาผิวหน้า แต่ก็เป็นปัญหาที่ต้องไปพบแพทย์ผิวหนังเช่นกัน ซึ่งสาเหตุของการเกิดผมร่วงมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกเช่นกันครับ หลัก ๆ คือกรรมพันธุ์ ซึ่งผู้ชายมีโอกาสประสบปัญหาผมร่วงเยอะจากฮอร์โมนเพศชายที่มีความไวต่อฮอร์โมน Androgen ซึ่งส่งผลให้เส้นผมมีอายุสั้น
นอกจากนั้นยังเกิดได้จากฮอร์โมน ความเครียด วิธีการกินอาหารที่ทำร้ายเส้นผม เช่น ลดน้ำหนักผิดวิธี ขาดสารอาหารบำรุงผม ทานอาหารรสจัดเกินไป มาจากพฤติกรรมบางอย่าง การขยี้ผมแรง ๆ ตอนสระผมหรือหวีผมตอนผมเปียกก็อาจทำให้ผมร่วงเยอะขึ้นได้เช่นกัน
หากรักษาด้วยตัวเอง หลายคนมักใช้สมุนไพรในการรักษาหรือเลือกใช้แชมพูลดผมร่วง แต่ถ้าอยากให้เห็นผลที่สุด ควรดูแลด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเข้าคลินิกครับ ซึ่งจะมีการรักษาโดยการปลูกผมด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น ผ่าตัดปลูกถ่ายรากผมแบบ FUT, ย้ายเซลล์ผมแบบเจาะ FUE, ฉายแสงเลเซอร์ LED, รักษาด้วยการทานยา เป็นต้น
ผิวหน้าเป็นอะไรที่บอบบางกว่าที่เราคิดครับ อย่าปล่อยให้เกิดปัญหาเรื้อรัง และลองใช้ผลิตภัณฑ์รักษาไปเองโดยไม่ได้ศึกษาให้ดี การใช้หน้าตัวเองไปลองผิดลองถูก อาจจะทำให้ผลลัพธ์แย่กว่าเดิมก็ได้
ลองไป หาหมอผิวหนัง บ้าง เข้าคลินิกสักครั้งเพื่อให้รู้จักผิวหน้าและเข้าใจปัญหาผิวที่ตัวเองมีเสียหน่อยอาจจะทำให้กลับมาดูแลตัวเองง่ายขึ้นครับ เพราะบางอย่างต้องใช้เครื่องมือตรวจสอบ ควรมีผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแล เมื่อวิเคราะห์ปัญหาได้ตรงจุด จะได้แก้ไขถูกต้อง
แต่ไม่แนะนำให้หาหมอหรือเข้าคลินิกไปตลอด ต้องระวังการโดนขายคอร์สเกินความจำเป็น เรายังคงต้องบำรุงผิวหน้าด้วยตัวเองอยู่ ควบคู่กับกาารพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ดูต่อสุขภาพ เพราะผิวเราก็มีการ recover ตามธรรมชาติ ฟื้นฟูและซ่อมแซมด้วยตัวเองอยู่ครับ