Mercedes-Benz ยังคงเป็นแบรนด์ที่ทำการบุกตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง จากที่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเราเห็นวิสัยทัศน์ของแบรนด์อย่าง Ambition to Lead และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าให้สอดรับทิศทางของแบรนด์ที่ตั้งเอาไว้ และในครึ่งปีหลังเองก็พร้อมจะบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการเปิดตัวรถ Mercedes Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic รถ SUV ขนาดกลาง รุ่นยอดนิยมที่เดินทางมาถึงรุ่นที่ 3 พร้อมแนวคิด “READY FOR IT” ที่โดดเด่นด้านการออกแบบที่หรูหราและมีสไตล์ รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เพื่อตอบโจทย์รถยนต์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการรถระดับ Luxury แต่ในขณะเดียวกันนอกจากขับในเมืองได้แล้ว ยังลุย Off road ได้ด้วย
ในบทความนี้ MenDetails จึงหยิบสิ่งที่น่าสนใจของ Mercedes-Benz GLC มาฝากครับ เผื่อใครที่กำลังมองหารถ SUV ขนาดกลางอยู่ จะได้รับ GLC รุ่นใหม่นี้ไว้พิจารณาครับ
กว่าจะมาถึง The new GLC
GLC เป็นรถเอสยูวีขนาดกลางที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จของ Mercedes-Benz โดยพัฒนามาจาก Mercedes-Benz GLK ที่เป็นรถ SUV ขนาดกลางรุ่นแรก เปิดตัวในปี 2008 ถูกนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะปี 2015 จะต่อยอดเป็น GLC ที่มีความหรูหรา ความสปอร์ตและดีไซน์ที่ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงจุดเด่นในการเป็นรถที่เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On Road และ Off Road ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ทำให้ GLC ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรวมกว่า 2,600,000 คันทั่วโลก เป็นรุ่นขายดีที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
และในปีนี้ The new GLC ก็ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 3 ในชื่อรุ่น GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic รถ SUV ที่ใช้ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด มาภายใต้แนวคิด“READY FOR IT” ที่ชูความโดดเด่นด้านการออกแบบที่หรูหราและมีสไตล์ นำเสนออีกขั้นของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเข้ากับยุคแห่งดิจิทัล สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มองหารถ SUV แบบ Luxury ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการด้านต่าง ๆ เพื่อต่อยอดความสำเร็จต่อจาก GLC รุ่นเดิม
Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic
Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic เป็นรถปลั๊กอินไฮบริด ที่ติดตั้งเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 ของแบรนด์ ยกระดับการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้มีสมรรถนะที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น แรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.7 วินาที มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูง ทำให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าล้วนได้ไกลมากกว่า 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง การชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรงสูงสุด 60 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 10 – 80% เพียง 20 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับรองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 45 นาที
รถทั้งคันยังใช้ปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่ผสานความสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัว มีการดีไซน์พื้นที่บรรทุกสัมภาระใหม่แบบ Flat trunk floor ทำให้มีความจุสูงถึง 470 – 1,530 ลิตร ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling มาพร้อมไฟหน้าความละเอียดสูง 1.3 ล้านพิกเซล ติดตั้งเทคโนโลยียกระดับความปลอดภัยขั้นสูงแบบ DIGITAL LIGHT และ ULTRA RANGE Highbeam ที่สามารถส่องสว่างไกลถึง 650 เมตร ที่มีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และระบบปรับไฟหน้าตามองศาการเลี้ยวรถ ทำงานร่วมกันเพื่อให้ความปลอดภัยเวลาขับรถกลางคืน และยังมีช่วงล่างแบบ Comfort Suspension ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล
ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบ AMG Interior Package ให้ความสปอร์ตแต่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Seats ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อม memory seat 3 ตำแหน่ง และระบบดันหลัง 4 ทิศทาง แบบ Lumbar support หรือจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันเจเนอเรชั่นที่ 5 ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ พร้อมหุ้มด้วยหนัง Nappa นอกจากนี้ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester 3D surround sound system ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ระบบฟอกอากาศแบบ ระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละออง PM 2.5 ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือ Wireless charging เรียกได้ว่าหรูหราและสะดวกสบายในทุกการเดินทาง
รถ SUV ปลั๊กอินไฮบริด ที่ขับในเมืองก็ได้ Off road ก็ดี
ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใส่มา ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือการขับขี่ระยะทางไกล ทั้งบนถนนในเมืองหรือ Off Road Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic สามารถตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ ของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะการปรับให้รูปแบบการใช้งานมีความเป็น Digital มากยิ่งขึ้น โดยมีการดีไซน์การใช้งานในรูปแบบ Digital cockpit พร้อมการติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Digital Instrument cluster ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอตรงกลางความละเอียดสูงขนาด 11.9 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัส ทำงานคู่กับ MBUX7 ที่สามารถเรียนรู้ผู้ใช้งานด้วยระบบ AI และปรับระบบการใช้งานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมถึงการประเมินสถานการณ์ต่างๆ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างระบบกับคนขับและคนนั่งมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีระบบ Mercedes me connect รองรับการสั่งงานด้วยเสียงถึง 27 ภาษา ปลอดภัยด้วยการเข้าใช้งาน User profile แบบยืนยันลายนิ้วมือ พร้อมระบบแผนที่นำทางแบบ Hard-disc navigation แสดงผลแบบ 3 มิติ พร้อมระบบ MBUX Augmented Reality ใช้เทคโนโลยี AR แสดงภาพสัญลักษณ์การนำทางบน Navigation display ที่แสดงภาพถนนจริง เพิ่มความแม่นยำในการนำทาง ไปจนถึงระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานของแบรนด์ เช่น ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา และอีกมากมาย
และสำหรับใครที่ชื่นชอบการขับขี่แบบ Off road ทางแบรนด์มี OFF-ROAD Engineering Package ที่ตอบโจทย์ความต้องการของสายลุย เป็นการปกป้องตัวถังรูปแบบใหม่ที่แข็งแรงทนทานด้วยโครงสร้างแบบ underbody protection และหน้าจอแสดงผลที่สามารถรายงานทุกข้อมูลภายนอกตัวรถ จากกล้องรอบคันแบบ 360 องศา แสดงผลแบบ Transparent bonnet ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นภาพจริงในจุดอับสายตาบริเวณหน้ารถด้วยครับ
Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic จึงเป็นก้าวต่อไปของ SUV ขนาดกลางจากค่ายดาวสามแฉก ที่จะมาบุกตลอดไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และยังเป็นการแสดงถึงการให้ความสำคัญกับรถยนต์พลังงานทางเลือกในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริดสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% แต่ในขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ มุ่งหน้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่องจาก 2 รุ่นแรกอย่าง EQS และ EQB ในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้
สำหรับใครที่สนใจ GLC รุ่นใหม่ ที่ออกแบบมาให้ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายคันนี้ สนนราคาเริ่มต้นที่ 4.18 ล้านบาท สามารถสอบถามร้านละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของ Mercedes-Benz ทั่วประเทศครับ