หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่จะช่วยให้เรานอนหลับสนิทสบายและถูกสุขลักษณะ คือ เลือกหมอนให้ถูกวิธี ครับ ซึ่งถ้าลองสังเกตคนรอบตัวก็คงจะเจอทั้งคนที่ใช้เวลานานกว่าจะเจอหมอนที่เหมาะกับตัวเอง และคนที่ไม่ว่าจะซื้อหมอนแบบไหนมาก็นอนได้หมดแบบสบาย ๆ แต่ที่จริงแล้ว MenDetails.com แนะนำว่าหากจะซื้อหมอนสักใบ โดยเฉพาะหมอนใบหลักที่ไว้หนุนตลอดคืน ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ทั้งจากตัวหมอนและพฤติกรรมของเราประกอบร่วมครับ
เลือกหมอนให้ถูกวิธี ควรดูวัสดุของหมอนเป็นอย่างแรก
สิ่งแรกที่เอาไว้ใช้พิจารณาในการเลือกหมอนสักหนึ่งใบ คือ เช็กว่าหมอนนั้นทำจากวัสดุอะไร เนื่องจากวัสดุแต่ละชนิดก็จะส่งผลให้ความนุ่ม การพองตัว-คืนรูปทรงและการระบายอากาศของหมอนให้ออกมาไม่เหมือนกันครับ มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันไป สามารถแบ่งประเภทวัสดุได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ วัสดุจากธรรมชาติ และวัสดุสังเคราะห์ครับ
เปลือกสีน้ำตาลเข้ม คือ เปลือกโซบะ ที่อยู่ในหมอนธัญพืช
หมอนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ มีทั้งหมอนขนสัตว์ที่ทำมาจากขนสัตว์ เช่น ขนเป็ด ขนห่าน ขนนก จะให้สัมผัสที่ฟูและนุ่มนิ่ม แต่จะมีกลิ่นเฉพาะตัว ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือหอบหืด และราคาค่อนข้างสูง ส่วนหมอนใยธรรมชาติ เช่น ใช้นุ่นหรือฝ้ายแท้ 100% เป็นหมอนที่ปรับให้เข้ากับสรีระของคนนอนได้ ราคาไม่แพง แต่หากใช้ไประยะยาวแล้วจะไม่คืนตัวครับ และสุดท้ายหมอนที่ทำจากธัญพืช เช่น เมล็ดข้าว เปลือกถั่วงอก ใบชาเขียว ไม้ฮิโนกิ มีข้อดีตรงปรับเปลี่ยนรูปทรงให้รองรับกับท่านอนเฉพาะคน แต่ข้อเสียคืออาจจะเกิดเสียงเวลาขยับตัวขณะที่กำลังหลับได้
ส่วนหมอนจากวัสดุสังเคราะห์ จะประกอบด้วยหมอนใยสังเคราะห์อย่างหมอนโพลีเอสเตอร์ (หมอนใยบอล) ที่กระจายน้ำหนัก ระบายอากาศได้ดี แต่ต้องระวังเลือกนิ่มเกินไปจนนอนแล้วปวดคอ หรือพวกหมอนขนห่านเทียมที่ทำจากไมโครไฟเบอร์/ไมโครเจล จะนุ่มและให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับหมอนขนสัตว์ ไม่มีไรฝุ่น แต่ก็จะมีอายุการใช้งานที่ไม่ยาวนานเท่าหมอนขนสัตว์ครับ
ถัดมา หมอน Latex ที่ทำจากยางพารา เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาปวดคอ ปวดหลัง เพราะออกแบบมาให้อยู่ในรูปทรงที่รองรับกับสรีระและปัญหาที่เกิดจากการนอนของคน แต่เป็นหมอนที่แข็งกว่าประเภทอื่น ๆ มาก หากเพิ่งใช้นอนแรก ๆ อาจจะไม่ชินครับ
สุดท้ายคือหมอนเมมโมรี่โฟม ทำมาจากวัสดุโพลียูรีเทนที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นดี ทำให้เป็นหมอนที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องปวดคอ เพราะนอนแล้วหมอนจะกระจายตัวอย่างทั่วกัน รองรับช่วงคอบ่าไหล่อย่างดี โดยหมอนเมมโมรี่โฟมของบางแบรนด์ก็มีการนำไปทำเป็นหมอนเย็นเพื่อช่วยปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมด้วยครับ ใครที่รู้สึกร้อนมาก ๆ เวลานอนหลับก็อาจจะลองหมอนเย็นเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ใช้ท่านอนประเมินความสูงของหมอนที่เหมาะกับตัว
ความสูงของหมอน ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องหยิบมาพิจารณาร่วมด้วยเวลาซื้อหมอนครับ เพราะการเลือกหนุนหมอนที่ไม่พอดีกับตัวเอง หมอนสูงหรือต่ำเกินไป จะทำให้เกิดจากเกร็งกล้ามเนื้อเพราะร่างกายไม่อยู่ในระนาบเดียวกัน ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อขึ้นมาได้ครับ และในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรังตามบริเวณคอลงไปจนถึงหลัง ฉะนั้นเราควรเลือกหมอนที่รองรับและจัดวางศีรษะ คอ บ่า ไหล่และหลังของเราในระดับความสูงที่พอดี
ความสูงของหมอนที่พอดี คือ หมอนที่นอนหนุนแล้ว กระดูกสันหลังและกระดูกต้นคออยู่ตรงในระนาบเดียวกัน หากเลือกหมอนสูงหรือต่ำเกินไปก็จะส่งผลให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
สามารถใช้พฤติกรรมของเราเข้ามาช่วยประเมินด้วยครับ โดย เช็กว่าท่านอนของตัวเองเป็นอย่างไร หากเป็นคนชอบนอนตะแคง จะมีร่างกายฝั่งหนึ่งที่แบกรับน้ำหนักมากกว่าอีกฝั่งตลอดคืน โดยอาจจะมีทั้งคนที่ตะแคงข้างเดียวไปเลย หรือมีการพลิกตัวระหว่างหลับ แต่ก็เป็นท่าที่ต้องเลือกหมอนเพียงรองรับช่วงไหล่และคอให้เต็มที่เพื่อป้องกันการเกิดคอเคล็ดหรือการบิดองศาตัวผิดจนกระทบต่อร่างกาย ฉะนั้นใครที่ชอบนอนตะแคง ควรจะเลือกหมอนที่ไม่นิ่มมากนัก มีความสูงเท่าหรือใกล้เคียงกับไหล่ของเราเวลานอน เพื่อให้ศีรษะตอนนอนอยู่ระนาบเดียวกับลำตัวจะได้ไม่ปวดคอหรือกระทบการคดงอของกระดูกสันหลังครับ
หากเป็นคนชอบนอนหงาย ควรจะเลือกหมอนที่นุ่มแต่แน่นและความสูงไม่สูงมากนัก เพื่อให้หมอนรองรับพอดีกับส่วนเว้าตรงช่วงคอ หากความสูงพอดี คางจะไม่เชิดขึ้นหรือกดลงครับ ท่านอนหงายจะทำให้น้ำหนักจากศีรษะ คอและไหล่ทิ้งลงไปบนหมอนอย่างเท่า ๆ กัน ไม่เหมือนกันท่านอนตะแคง ส่วนท่านอนคว่ำ ถือท่านอนที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเพราะทำให้หายใจไม่สะดวกครับ เป็นท่านอนที่ต้องพยายามปรับเปลี่ยนให้กลับมาในทิศทางนอนหงายจะดีกว่าครับ
เมื่อไหร่ที่ต้องเปลี่ยนหมอนใบใหม่
และสุดท้ายจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อไหร่ที่เราควรจะเปลี่ยนหมอนใบใหม่ เรามีวิธีสังเกตง่าย ๆ 4 ข้อมาฝากครับ เริ่มจากดูจากระยะเวลาที่ซื้อหมอนมาใช้ โดยอายุการใช้งานเฉลี่ยของหมอนนั้น จะอยู่ที่ 2-3 ปีครับ บางคนก็แนะนำให้เปลี่ยนทุก 1 ปีเพื่อประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ที่สุดในการใช้งาน ซึ่งโดยรวมแล้วหมอนใยสังเคราะห์จะมีอายุสั้นกว่าหมอนที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติครับ
ถัดมา สังเกตการคืนรูปทรงของหมอน ถ้าทดสอบด้วยการพับหมอนครึ่งหนึ่งแล้วหลังปล่อยมือออกหมอนไม่คืนสภาพเดิม แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วครับ เพราะหากวัสดุด้านในยังคงคุณภาพอยู่หมอนจะต้องเด้งกลับคืนรูปเองอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะสังเกตความสูงและความนุ่มแน่นของหมอนด้วยสายตาและการสัมผัสเองก็ได้ครับ หากหมอนฟีบแบนลงไปกว่าเดิมมาก เวลานอนไม่รับกับต้นคอแล้ว นั่นก็เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนหมอนแล้วเช่นกัน
สาม คือ สังเกตสภาพภายนอกของหมอน หากมีรอยคราบสกปรกอย่างคราบน้ำลาย คราบเหงื่อเป็นดวงจำนวนมาก หรือหมอนเปลี่ยนเป็นสีเหลือง บ่งบอกถึงอายุของหมอนที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ช่วยบอกว่าควรซื้อหมอนใหม่แล้วครับ แม้ว่าจะมีปลอกหมอนคลุมอยู่ เรามองไม่เห็นหมอนด้านในก็จริง แต่เมื่อใช้มาเป็นระยะเวลานานตัวหมอนก็อาจมีแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่ฝังลึกสะสมลงไปจนซักทำความสะอาดไม่ออกแล้ว
และสุดท้ายดูจากปฏิกิริยาจากร่างกายเราเองครับ หากรู้สึกว่านอนหลับไม่สบาย ระหว่างคืนมีการขยับไปมาเพราะหมอนไม่พอดีกับช่วงคอและไหล่บ่อย ๆ รวมถึงตื่นขึ้นมายังมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวล่ะก็อาจจะเกิดจากการนอนหนุนหมอนที่เกินอายุการใช้งานแล้วก็เป็นได้ครับ
การนอนหลับเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับเราทุกคนครับ เพราะเวลา 1 ใน 3 ของหนึ่งวันนั้นจะต้องแบ่งไว้สำหรับนอนหลับ ซึ่งถ้าจะให้เป็นการหลับที่มีคุณภาพนั้นต้องเข้านอนในเวลาที่เหมาะสม ทิ้งห่างจากเวลาที่กินอาหารหลายชั่วโมง มีสิ่งแวดล้อมที่สะอาดส่งเสริมการนอน และยังมีเรื่องของ เลือกหมอนให้ถูกวิธี นี่แหละครับที่จะช่วยให้การนอนหลับของเรามีคุณภาพครบรอบด้าน