สำหรับความสัมพันธ์และ ความรักวัยทำงาน นั้นเป็นเรื่องที่ต้องให้เวลา ใช้พลังงานและเพิ่มความใส่ใจมากขึ้นกว่าตอนเด็ก ๆ หลายเท่าตัวเลยทีเดียว หลายคนคงเคยได้ยินคนเขาบอกว่าให้มีความสัมพันธ์เมื่อตอนที่เราพร้อมและแน่ใจแล้วว่าเราจะรับผิดชอบความรู้สึกและแชร์ชีวิตร่วมกับใครอีกหนึ่งคนได้ วันนี้ MenDetails.com อยากมาแชร์วิธีรักษาความสัมพันธ์ ความรักวัยทำงาน ให้มั่นคงอยู่ แม้ในวันที่ต่างฝ่ายต่างเหนื่อยจากเรื่องงานและปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตก็ตามครับ
การเป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟัง คือ รากฐานของ ความรักวัยทำงาน
ต้องบอกว่าการสื่อสารสองทางนั้น จำเป็นในทุกภาคส่วนของสังคมจริง ๆ ครับ และมันยังเป็นสิ่งที่จะสร้างความแข็งแรงให้กับ ความรักวัยทำงาน ได้อีกด้วย เพราะในแต่ละวันที่เราและแฟนแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง เราย่อมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเผชิญกับเรื่องอะไรอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ในวัยทำงานของคนส่วนใหญ่ มักจะเป็นการแบ่งเวลาอย่างชัดเจน ทำงานให้เต็มที่ในเวลางาน ซึ่งช่วงนี้ก็อาจจะไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่นัก แล้วค่อยหันมาให้เวลากันในช่วงหลังเลิกงานแทนครับ ใช้เวลาส่วนตัวนั้นเล่าให้ฟังว่าตลอดวันหรือช่วงที่ไม่ได้เจอกันนั้นทำอะไรมาบ้าง เจอปัญหาในที่ทำงาน หรือติดขัดอะไรกับใครหรือไม่
ซึ่งช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน การสื่อสารกันสำคัญที่สุดครับ เราควรจะแชร์เรื่องราวของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้ และอย่าลืมฟังเรื่องที่คนรักอยากจะเล่าให้เราฟังด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเพื่อระบายหรือเล่าเพื่ออยากให้อีกฝ่ายร่วมกันคิดช่วยแก้ปัญหาก็ตามครับ เพราะหลายครั้งปัญหาเล็ก ๆ น้อยๆ ในความสัมพันธ์ เกิดจากการไม่สื่อสารกันนั่นล่ะครับ เมื่อไม่พูดก็ไม่รู้ว่าไม่พอใจอะไร มีเรื่องทุกข์ร้อนตรงไหน หรืออยากให้เราทำอะไรให้
ในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์ มักจะเริ่มต้นกันด้วยการที่เราอยากรู้เรื่องของอีกฝ่าย อยากจะฟังว่าเธอมีทัศนคติต่อเรื่องไหนอย่างไรบ้าง อยากให้เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง เมื่อไม่ได้อยู่หรือเจอกันทุกวัน การที่อีกฝ่ายแชร์เรื่องส่วนตัวมาก็ช่วยกระชับช่องว่างให้ความสัมพันธ์ได้ แต่ว่าเมื่อคบกันไประยะหนึ่ง มักจะเกิดปัญหา มีคนไม่อยากพูดไม่อยากอธิบายขึ้นมา อาจด้วยความเหนื่อยล้าหรืออะไรต่าง ๆ ที่รุมเร้าอยู่แล้ว โดยลืมไปว่า หากไม่พูดกัน ต่างฝ่ายก็ต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเผชิญกับอะไร
ต่อให้บางคนอาจจะมีนิสัยชอบแก้ปัญหาเอง ขี้เกียจอธิบายหรือคิดว่าไม่อยากเอาเรื่องหนักใจไปโยนให้กับคนรักก็ตาม แต่การแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ให้รู้ร่วมกันนั้นเป็นเรื่องที่จะส่งผลต่อการคบกันระยะยาวได้จริง ๆ ครับ การไม่สื่อสารอาจส่งผลไปถึงการเริ่มมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตัวอีกฝ่าย จนเกิดการไม่ใส่ใจ ทำร้ายจิตใจกันและกันไปโดยไม่ตั้งใจ อย่างร้ายกาจอาจลามไปถึงการดึงคนอื่นเข้ามาในความสัมพันธ์ แน่นอนว่าการประคับประคองความรักให้คงอยู่นานได้ไม่ได้พึ่งพาแต่การพูดคุยอย่างเดียวครับ การกระทำก็สำคัญ แต่สำหรับเบื้องต้น รากฐานของความสัมพันธ์ก็มาจากการเป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟังกันทั้งสองฝ่าย โดยไม่ลืมคิดถึงสภาพจิตใจและความพร้อมของอีกฝ่ายด้วยนั่นล่ะครับ
เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่ามองข้ามเรื่องเล็ก ๆ
ความสัมพันธ์ที่ดีเกิดขึ้นได้อีกส่วนเพราะความใส่ใจ ความเข้าใจครับ เพราะมันคือช่วงเวลาที่เราจะมีอีกคนมาอยู่ในวงโคจรชีวิต โดยจะมีคำพูด ความคิดและการกระทำส่งผลต่อความรู้สึกของกันและกันไม่มากก็น้อย ถ้าได้มองไปในความสัมพันธ์คู่รักวัยทำงาน ก็มีทั้งคู่รักที่ช่วยซัพพอร์ตกันให้หายเหนื่อย แต่ก็มีคู่ที่นอกจากไม่ใช่ที่พึ่งพิงทางใจแล้วยังจะทำให้เกิดปัญหาทะเลาะกันเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน โดยอย่างหลังนั้นมักจะเกิดขึ้นจากการที่มองเห็นแต่ตัวเอง ไม่เห็นความสำคัญของอีกฝ่ายครับ
เมื่อเรามีวันที่เหนื่อยจากงานมาก เธอก็คงมีวันที่เหนื่อยจากงานมากเช่นกัน แต่สิ่งที่จะช่วยทำให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันได้ คือ คิดถึงอีกฝ่ายไปด้วยนอกจากคิดถึงตัวเองครับ ซึ่งข้อนี้ก็เป็นสเต็ปต่อการจากเป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟังนั่นแหละครับ ฟังว่าเธอสุขทุกข์กับอะไร ยินดีไปกับเธอ เป็นห่วงหรือพยายามช่วยเหลือในเวลาเธอเจอปัญหา อย่ามองว่าเรื่องใหญ่ของเธอ เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยของเรา และแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายต้องทำให้กันครับ ไม่ใช่มีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาใจใส่อยู่ฝั่งเดียว มิเช่นนั้นสุดท้ายก็จะนำมาสู่ปัญหาการทะเลาะกันได้อยู่ดี
คำว่าเรื่องเล็กน้อยนั้น เล็กได้แค่ไหน? ยกตัวอย่างจากภาพยนตร์เกาหลี Sweet and Sour เมื่อพระเอกไม่เปลี่ยนหลอดไฟให้นางเอก ยังกลายเป็นคำถามในใจจนพาไปสู่การทะเลาะกันภายหลัง ในความจริงเมื่อคู่รักได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นก็จะกระทบกระทั่งกันด้วยเรื่องเล็กน้อยนี่แหละครับ ยกตัวอย่าง การไม่เดินไปซื้อของเป็นเพื่อน กินข้าวก่อนโดยไม่รออีกฝ่าย เล่นเกมจนไม่ได้ตั้งใจฟังเธอเล่า หรือการใช้คำพูดไม่ถูกหูกันเพียงประโยคเดียวก็สามารถเป็นประเด็นให้ทะเลาะกันขึ้นมาได้ทั้งหมด
สร้างความไว้วางใจในความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับความสัมพันธ์ คือ การมีความไว้วางใจ เชื่อใจในตัวอีกฝ่าย ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นไว้ใจในทางความสามารถ ในคำพูดว่าทั้งหมดเป็นความจริงเชื่อถือได้ วางใจกับการปล่อยให้อีกคนตัดสินใจเรื่องอะไรสักเรื่องหนึ่ง หรือกระทั่งเวลาใครสักคนมีปัญหาก็มั่นใจได้ว่าคนรักจะสามารถแบ่งเบาอะไรไปได้บ้าง อาจเป็นความรู้สึกทางใจหรือกระทั่งช่วยแก้ปัญหาจริงๆ ไปจนกระทั่งการไว้ใจทั้งที่ต้องอยู่ห่างไกลกัน ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องมือที่สามหรือคนอื่นตลอดเวลาครับ
หากเป็นความสัมพันธ์ที่จะต้องพัฒนาขึ้นไปในสเต็ปต่อไปได้ ความไว้วางใจถือเป็นหนึ่งประเด็นที่ฝ่ายหญิงมักหยิบมาเป็นตัวตัดสินใจในความสัมพันธ์อยู่บ่อยครั้งเลยล่ะครับ หากเธอรู้สึกว่าเราเป็นผู้ชายที่พึ่งพาไม่ได้ ทั้งในด้านหน้าที่การงานและการดูแลเธอในฐานะคนรัก เราก็อาจจะไม่ผ่านด่านตั้งแต่ด่านจีบแล้วก็ได้ หรือถ้าในช่วงแรกทำได้ แต่พอคบกันไปนาน ๆ แล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากแต่งงาน อยากมี Commitment ในขณะที่อีกคนไม่เคยออกปากพูดถึงอนาคตร่วมกัน ก็อาจทำให้ความไว้วางใจ ความมั่นใจในตัวอีกฝ่ายลดลงได้จนกระทบความสัมพันธ์ได้เลยทีเดียว
หรืออย่างเวลาสาวคนพิเศษเจอปัญหา หากความสัมพันธ์อยู่ในจุดที่ดี เราควรจะเป็นคนแรก ๆ ที่เธอนึกถึงครับ ทำให้เธอมั่นใจว่าไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไร เราอยู่ข้างเธอเสมอ ซึ่งบางครั้งประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ต้องช่วยแก้ไขปัญหาให้ได้ แต่เป็นการที่ทำให้คนรักรู้สึกว่า เราไม่ได้ทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาอยู่เพียงคนเดียว
คงต้องบอกว่าความวางไว้ใจนั้นเป็นเรื่องนามธรรมมาก ๆ เลยล่ะครับ ไม่ได้มีวิธีที่ชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้เธอไว้วางใจในตัวเราขึ้นมาได้ แต่หลายคนก็มักจะหยิบยกประโยคที่ว่า ‘ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน’ มาใช้อธิบายว่าการอยู่ด้วยกันและคบกันไปนาน ๆ หากเรารักษาความสม่ำเสมอกับเธอไว้ได้ เราก็จะได้รับความไว้วางใจมากขึ้นเองครับ
ความรักวัยทำงาน ควรทำให้การอยู่ด้วยกันเป็น Quality Time
สำหรับ ความรักวัยทำงาน ที่ต่างฝ่ายต่างต้องแบ่งสันปันส่วนเวลาให้ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว เรื่องความสัมพันธ์ของคนรัก ครอบครัวไปจนถึงเพื่อน เป็นเหมือนการพิสูจน์ว่าเราจะสามารถบาลานซ์สัดส่วนและจัดลำดับความสำคัญเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตได้ดีแค่ไหนครับ คู่ที่อยู่ด้วยกันแล้วก็อาจจะไม่มีปัญหาเรื่องไม่มีเวลามาเจอกัน แต่ต้องระวังเรื่องไม่อยู่ใกล้จนละเลยความสุขง่าย ๆ ของคนรัก ส่วนคู่ที่ต้องรอนัดกันหลังเลิกงาน หรือรอเจอแค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันให้มากขึ้น
ทำให้การอยู่ด้วยกันเป็น Quality time นั้น คือ อีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ในวัยทำงานเอาไว้ให้ดีได้ครับ คู่ไหนที่มีงานอดิเรกหรือสิ่งที่ ‘อิน’ ไปในทิศทางเดียวกันอยู่แล้วนั้นก็ควรจะแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมนั้นบ่อย ๆ เพื่อช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ออกไปหากาแฟดี ๆ ดื่ม ไปออกกำลังกายด้วยกัน หรือคู่ไหนที่เหนื่อยจากการออกไปทำงานตลอดแล้วชอบนอนพักอยู่ห้องมากกว่าก็ลองซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารร่วมกันเพื่อให้มีกิจกรรมที่ทั้งสองคนร่วมกันทำได้ก็ไม่เลวเหมือนกันครับ
หรือบางครั้ง ลองหากิจกรรมใหม่ ๆ มาเรียนรู้ไปพร้อมกันตั้งแต่ต้นก็คงจะเป็นการเติมความหวานได้ดีทีเดียว เมื่อเราและเธอไม่เคยทำกิจกรรมนั้น ๆ ก็คงง่ายที่จะสนุกไปกับเรื่องที่ไม่คุ้นเคยด้วยกันทั้งคู่ เช่น ไปเข้าร่วม Workshop คลาสสั้น ๆ อย่างงานปั้นเซรามิก เพ้นท์รูป ทำน้ำหอม เป็นต้น หรือจะเลือกเป็นกิจกรรมที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถนัด แล้วชวนให้อีกฝ่ายได้ลองทำบ้างก็ได้ครับ การพยายามเข้าใจและลองเข้าไปในโลกที่เธอหลงใหลก็เป็นวิธีที่จะทำให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเช่นกัน
อย่าลืมว่าต้องเหลือพื้นที่ส่วนตัวให้กันและกันบ้าง
ถึงจะเพิ่งบอกไปข้อบนว่าการใช้เวลาอยู่ด้วยกันนั้นสำคัญมาก แต่ไม่ได้แปลว่าต้องทำให้ความสัมพันธ์กลายเป็นคู่รักปาท่องโก๋นะครับ การที่ใช้ชีวิตตัวติดกันเกือบ 24 ชั่วโมง อาจส่งผลให้เกิดปัญหามากขึ้นแทนก็ได้ครับ การรักษาระยะในความสัมพันธ์ก่อนจะแต่งงานให้พอดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรจะใช้เวลาด้วยกันให้มากพอในการเรียนรู้ตัวตนอีกฝ่าย แต่ก็ไม่มากเกินไปจนทั้งสองคนไม่เหลือพื้นที่ส่วนตัวให้ตัวเองเลยครับ
ซึ่งการเหลือพื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ควรจะมากน้อยเท่าไหร่ก็ต้องขึ้นอยู่กับนิสัยและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนครับ สำหรับคู่ที่อยู่ด้วยกันแล้วก็คงไม่มีปัญหามากนัก เพราะสามารถแยกกันทำอะไรของตัวเองได้สบาย ๆ เพราะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่สำหรับคู่ที่ยังอยู่บ้านอยู่คอนโดของตัวเองก็ต้องดูว่าปกติเธอชอบใช้เวลาหลังเลิกงานหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ไปไหน
ยกตัวอย่างเช่น ช่วงเวลาก่อนนอน บางคนอาจจะชอบใช้เวลานั้นดูหนัง อ่านหนังสือ ทำอะไรของตัวเองไป แค่ Text ข้อความหากันก็พอ ในขณะที่บางคนอาจจะชอบคุยโทรศัพท์เพื่อเล่าเรื่องราวทั้งวันที่ผ่านมามากกว่า ตรงส่วนนี้ก็ควรจะสื่อสารกันครับว่าคนรักสบายใจกับแบบไหนมากกว่า แล้วหาตรงกลางของทั้งสองให้เจอ
ทั้งนี้พื้นที่ส่วนตัวไม่ได้หมายถึงแค่ Private Zone ของเจ้าตัวคนเดียว แต่หมายรวมถึงการไปพบปะสังสรรค์ของสังคมอีกฝ่ายด้วยครับ บางครั้งหากกลุ่มเพื่อนนัดกันแล้วอยากให้เป็น Girl Talk / Boy Talk เราก็ควรจะให้พื้นที่แฟนในการใช้เวลาอยู่กับเพื่อนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องไปด้วยทุกครั้งครับ
ทั้งหมดที่ MenDetails กล่าวมานั้น เป็นเพียงบางส่วนในการช่วยรักษาความสัมพันธ์ของคู่รักวัยทำงานให้ประคับประคองกันไปได้ในระยะยาวครับ ยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ อีกมากที่ทุกคนจะทราบได้จากการแลกเปลี่ยนทัศนคติกับคนรัก โดยหัวใจของทุก ๆ ข้อที่เราแนะนำไปนั้นล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคิดถึงกันและกัน มากกว่าการนึกถึงแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งนั่นเองครับ