“เคยเป็น ผู้ชายอกหัก กันบ้างไหม?”
บางคนคงสงสัยว่ามาถามอะไรแปลกๆ ผู้ชายทุกคนต้องเคยอกหักกันทั้งนั้น แต่คำว่าอกหักที่ MenDetails กำลังพูดถึงนั้น ไม่ใช่อาการผิดหวังจากความรักแบบเล็กๆน้อยๆ ประเภทว่าแอบรักเขาแต่เขาไม่รักตอบ, จีบไม่ติด, โดนเธอหมางเมินใส่, คบไม่ทันไรก็เลิกกัน หรืออะไรแบบนั้นหรอกนะครับ
แต่เรากำลังหมายถึงอาการ “อกหักอย่างรุนแรง” ประเภทที่ทำคุณกินไม่ได้นอนไม่หลับ, ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานทำการอะไรทั้งนั้น, ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่เป็นเดือนๆ แถมไม่ว่าเพื่อนฝูงจะปลอบโยนยังไงก็ไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น ซึ่งถ้าคุณเคยผ่านประสบการณ์แบบนั้นมาได้สำเร็จ เราขอแสดงความยินดีด้วยครับ แต่ถ้าคุณยังไม่เคยล่ะก็ MenDetails อยากให้คุณลองโดนดูสักครั้งครับ และนี่คือ 4 เหตุผลว่าทำไมผู้ชายทุกคนควรเจอประสบการณ์ “อกหักอย่างรุนแรง” สักครั้งหนึ่งในช่วงชีวิตของคุณครับ
ผู้ชายอกหัก จะเข้าใจสัจธรรมของความรัก
วลีที่บอกว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” ฟังดูเป็นวลีเท่ๆ ที่ไร้ความหมายสำหรับผู้ชายที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์อกหักอย่างรุนแรง พวกเขาจะ “ติดประมาท” และมีความสุขอยู่กับความรักสีชมพูหวานแหววอยู่ตลอดเวลา แต่กับผู้ชายที่เคยอกหักจังๆมาแล้วนั้น เขาจะเข้าใจความจริงเรื่องนี้กับตัวเองได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะความรักมักจะมาพร้อมกับความทุกข์เช่นนั้นจริงๆ ยิ่งถ้าเรามีความสุขและรู้สึกคาดหวังมุ่งมั่นกับความรักมากเท่าไหร่ ความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นจากความผิดหวังก็จะยิ่งพุ่งตามมาเป็นเงาตามตัวมากเท่านั้น ประสบการณ์การอกหักแรงๆสักครั้งหนึ่งในชีวิตจะช่วยดึงสติของผู้ชายไม่ให้หลงระเริงไปกับความสุขที่เกิดจากความรักจนละเลยว่าความทุกข์มันแอบอยู่ข้างหลังไม่ไกลจากจุดนั้นเลยนั่นเอง
ผู้ชายอกหัก จะรู้จักรักตัวเองมากขึ้น
ในวันที่คุณอกหักอย่างรุนแรงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ คุณจะรู้สึกอยากจะทรมานตัวเอง, อยากจะทำให้ตัวเองน่าสงสารที่สุด, น่าเศร้าและน่าเห็นใจที่สุด อารมณ์ของคุณจะหดหู่จนพาลทำให้คนอื่นๆที่อยู่ใกล้รู้สึกหดหู่ตามไปด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไปและคุณค่อยๆฟื้นจากความทรมานที่เกิดจากอาการอกหัก คุณจะพบว่าการทรมานตัวเองและทำให้ตัวเองดูหดหู่แบบที่ผ่านมา มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย และพวกเราส่วนใหญ่ก็ไม่อยากที่จะกลับไปอยู่ในสภาพนั้นอีก ผลที่ตามาก็คือคุณจะให้เกียรติตัวเองมากขึ้น รักตัวเองมากขึ้น และรู้จักรักคนอื่นอย่างมีสติมากขึ้นในโอกาสต่อไปครับ
ทำให้ผู้ชายเห็นคุณค่าของคนที่คอยอยู่ข้างเราและรักเราเสมอ
ช่วงเวลาที่ผู้ชายอกหักเป็นวรรคเป็นเวร เก็บตัวหมกตัวร้องไห้อยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมพบปะใคร อย่าคิดว่ามีแต่คุณที่มีความทุกข์อยู่คนเดียวนะครับ เพราะคนที่เป็นทุกข์แทบไม่ต่างจากคุณเลย แถมเผลอๆ จะมากกว่าคุณด้วยซ้ำไป นั่นก็คือพ่อแม่ของคุณเอง, พี่น้อง, รวมถึงเพื่อนสนิทใกล้ชิดที่ต่างก็เป็นห่วงคุณและไม่มีใครอยากจะเห็นคุณทรมานตัวเองแบบนี้ แต่ในช่วงเวลาแห่งการอกหักอย่างรุนแรงนั้น ใจของเราจะจดจ่ออยู่แต่กับผู้หญิงคนที่ทำคุณเจ็บ จนลืมไปว่า พ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนที่อยู่ข้างๆคุณ ที่คอยดูแลสอบถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยนั้นต่างหากที่เป็นคนที่คุณควรให้ความสนใจและ “ขอบคุณ” ในความรักความห่วงใยที่เขามีให้ ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้วนั่นแหละที่จะทำให้คุณเข้าใจเรื่องนี้ และจะเห็นคุณค่าของคนที่อยู่ข้างเรา และรักเราเสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในแบบที่คนที่ไม่เคยอกหักอย่างรุนแรงจะไม่มีวันเข้าใจได้เลย
ทำให้ผู้ชายรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีผู้หญิงแค่คนเดียว
วันที่เรามีความรักที่แสนมีความสุข โลกทั้งใบเราจะให้เธอที่เป็นที่รักของเราคนเดียวเท่านั้น และในวันที่เราอกหักช้ำรักอย่างรุนแรง ผู้หญิงคนเดียวที่เราต้องการก็คือเธอคนนั้นเท่านั้น ไม่ว่าจะมีผู้หญิงคนอื่นอีกกี่คนมาให้เลือกคุณก็ไม่เอา แต่นั่นเป็นการดื้อดึงแบบขาดสติของคุณเองคนเดียว เพราะความเป็นจริงนั้นโลกเราใบนี้ช่างกว้างใหญ่และยังมีผู้หญิงดีๆอีกมากมายที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเธอคนนั้นที่หักอกคุณไป แต่อย่างว่าแหละครับ วันที่เรามีความสุข ใครจะพูดอย่างไรก็คงไม่ฟัง จนกว่าจะถึงวันที่คุณผ่านประสบการณ์การอกหักอย่างจังแบบรุนแรงสุดๆเท่านั้นนั่นแหละที่จะทำให้คุณเข้าใจเรื่องนี้ได้เองโดยไม่ต้องให้ใครบอกซ้ำอีกเลย
บทสรุป
ที่ MenDetails เขียนบทความชิ้นนี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะเราเป็นผู้ชายซาดิสม์ที่ชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวดทรมานกับการอกหักแบบแทบเป็นแทบตายแต่อย่างใด แต่เพราะเรารู้ว่าการอกหักอย่างรุนแรงมันก็เหมือนเหรียญที่ไม่ได้มีแค่ด้านเดียว แม้การอกหักจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดทรมาน แต่ยามใดที่ผู้ชายผ่านมันไปได้ มันจะสอนบทเรียนสำคัญให้กับตัวคุณเอง ทำให้คุณมีสติมากขึ้น รู้จักยับยั้งชั่งใจ และรู้จักที่จะคาดหวังจากความรักแบบพอดีๆ ในโอกาสต่อๆไปที่ความรักจะผ่านเข้ามาในชีวิต อย่างไรก็ตามคำแนะนำแบบนี้ไม่ว่าใครจะมาบอกมาสอนเรา เราก็คงไม่ฟังเท่าไหร่หรอกครับ มันต้องเจ็บเอง ช้ำเอง รู้เองแบบนี้นี่แหละ ผู้ชายอย่างเราถึงจะจำกัน
จริงไหมล่ะครับ?