“ของมันต้องมี” คือหนึ่งในวลีติดปากที่หมายความถึงสิ่งที่เราอยากได้อยากมีเป็นพิเศษในช่วงระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง หากมีจำนวนไม่เยอะและไม่บ่อยก็คงไม่มีปัญหาอะไรนัก แต่ถ้าหากของดังกล่าวมีมาให้เราอยากได้เรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด MenDetails อยากให้ลองตั้งสติและรู้เท่าทันคำ ๆ นี้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Hedonic Adaptation กันดูนะครับ
Hedonic Adaptation คืออะไร?
Hedonic Adaptation (เฮโดนิค อะแด๊ปเทชั่น) หรือบ้างก็เรียกว่า Hedonic Treadmill นั้น คำว่า “Hedonic” มีรากมาจากภาษากรีกโบราณ คือคำว่า “hedone” ซึ่งแปลว่า “ความสุขความรื่นรมย์”
เมื่อนำเอาคำว่า Adaptation หรือ “การปรับตัวปรับใจให้เหมาะสม” มาต่อท้าย จะทำให้คำว่า “Hedonic Adaptation” กลายเป็นชื่อเรียกสภาวะทางจิตใจที่โดยธรรมชาติแล้วนั้นเรามักจะปรับระดับความสุขและความทุกข์ภายในจิตใจของตัวเองอย่างอัตโนมัติให้กลับมาอยู่ในจุดที่ “เฉย ๆ” กับระดับความสุขและความทุกข์ดังกล่าวได้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ตัวอย่างของ Hedonic Adaptation เช่น ในวันที่เรารู้สึกอยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่สุดไฮเทคสักเครื่องหนึ่ง ความต้องการอยากได้อยากมีจะท่วมท้นและจดจ่อ และเมื่อเราซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นดังกล่าวได้สำเร็จ เราจะรู้สึกดีใจและมีความสุขถึงขีดสุด ซึ่งสภาวะดังกล่าวอาจจะอยู่ได้สั้นหรือนานก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคนแต่ละคน แต่สุดท้ายเมื่อช่วงระยะเวลาหนึ่งผ่านไป ความสุขสุดยอดของการได้เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่นี้ก็จะค่อย ๆ ลดระดับลงจนถึงจุดที่เรา “เฉย ๆ” ไปกับมันในที่สุดนั่นเอง
รู้เท่าทัน “ของมันต้องมี”
ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของ Hedonic Adaptation ก็คือ Hedonic Treadmill คำว่า Treadmill นั้นคือลู่วิ่งอัตโนมัติที่จะหมุนไปไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าเราจะกดปุ่มหยุดเครื่อง อุปมาเหมือนความต้องการอยากได้อยากมีของมนุษย์ที่หมุนวนอยู่ตลอดเวลาไม่มีสิ้นสุดเช่นกัน พอเราได้รับสิ่งที่ต้องการมาแล้ว ความสุขของการได้รับนั้นก็จะเริ่มลดลงจนรู้สึกเฉย ๆ แล้วจิตใจก็เปลี่ยนจะไปจดจ่อกับสิ่งอื่นที่เราอยากได้อีก เมื่อได้มาแล้วก็จะรู้สึกเฉย ๆ อีก ผลิตซ้ำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็น “กับดัก”
การรู้เท่าทัน Hedonic Adaptation ก็คือ “การมองข้ามช็อต” ว่าหลังจากที่เรามีความสุขกับสิ่งที่เเราอยากได้มาก ๆ แล้วนั้น สักวันหนึ่งความสุขดังกล่าวก็จะลดระดับลงจนเรารู้สึกเฉย ๆ หรืออาจจะไม่ชอบและเป็นทุกข์ไปกับมันด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ใช้ได้กับแทบทุกแง่มุมของชีวิตเลยทีเดียว ไล่ไปตั้งแต่วัตถุสิ่งของที่เราอยากได้อยากมี, ผู้หญิงในฝันที่เราหวังว่าจะจีบให้ติด, เงินทองเป็นสิบล้านที่เป็นเป้าหมายของเรา, ผู้ชายโสดที่อยากแต่งงาน, ผู้ชายแต่งงานแล้วที่อยากกลับไปเป็นโสด หากเรารู้เท่าทัน Hedonic Adaptation หรือ Hedonic Treadmill ก็จะเป็นการเตือนใจว่า สิ่งที่เราอยากได้มาก ๆ นั้น ส่วนใหญ่ก็จะให้ความสุขได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหละ
พุ่งเป้าไปที่คุณค่าที่แท้จริงของชีวิต
ผู้ที่รู้ทัน Hedonic Adaptation จะเข้าใจว่า สิ่งของมากมายที่ขึ้นชื่อว่า “ของมันต้องมี” นั้น มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นเพียงภาพลวงตา นั่นทำให้เขามีสติอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่มากขึ้น อย่างไรก็ดีในความเห็นของ MenDetails นั้น การรู้ทัน Hedonic Adaptation ไม่ใช่เพื่อที่จะให้เรา “ไม่ต้องการอะไรเลย” แต่พวกเราควรกลับมาทบทวนสิ่งที่เรากำลังต้องการอยากจะได้หรืออยากจะมีให้ละเอียดรอบคอบขึ้นกว่าเดิม ว่าสิ่งดังกล่าวตอบโจทย์คุณค่าที่แท้จริงของชีวิตของเราหรือไม่
ผู้ชายแต่ละคนย่อมให้คุณค่าของวัตถุสิ่งของหรือความสุขส่วนตัวและคนใกล้ชิดไม่เหมือนกัน การรู้ทัน Hedonic Adaptation จะทำให้ความต้องการของเราไม่สะเปะสะปะ เดี๋ยวอยากได้โน่น เดี๋ยวอยากได้นี่ แต่จะช่วยให้เราพุ่งเป้าไปสู่สิ่งที่เป็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตของเรา และไม่เอาทรัพยากรที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือเวลา ไปเสียให้กับอย่างอื่นที่เราอาจหลงอยากได้เพียงชั่ววูบเท่านั้น
ในฐานะที่เรายังคงเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา เราคงไม่อาจหลีกเลี่ยงความต้องการในสิ่งที่ขึ้นชื่อว่า “ของมันต้องมี” ให้หายไปอย่างหมดจดได้ แต่การมองข้ามช็อตโดยมี Hedonic Adaptation เป็นเครื่องเตือนใจ จะช่วยให้เราฉุกคิดอีกครั้งว่าสิ่งนั้นคือคุณค่าหลักของชีวิตเราหรือไม่ ผู้ชายคนไหนที่รู้ตัวเร็ว และฝึกฝนจิตใจกับเรื่องนี้ได้เร็ว ย่อมมีชีวิตที่มีหลักการให้ยึดถือ และมีความสุขที่เรียบง่ายขึ้นกว่าเดิมได้ครับ