ในประเทศแถบยุโรปเราอาจเคยเห็นหรือเคยได้ยินเกี่ยวกับวัฒนธรรมการกินอาหาร ที่ก่อนและหลังกินจะมีเครื่องดื่ม (ที่โดยปกติจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) มาเสิร์ฟให้ดื่ม โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในยุคนี้ก็น่าจะเป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่มีเครื่องดื่มที่ชื่นชอบที่ต้องดื่มก่อนและหลังอาหารเสมอ ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า Apéritif กับ Digestif
แม้ในประเทศไทยเราจะไม่มีวัฒนธรรมการดื่มเครื่องดื่มลักษณะนี้แบบยุโรป แต่ MenDetails คิดว่าอย่างน้อย ๆ ผู้ชายก็ควรรู้จักคำสองคำนี้เอาไว้ว่าคืออะไรและที่มีมาอย่างไร เผื่อในอนาคตเราอาจได้ไปร่วมโต๊ะหรือร่วมงานที่มีเครื่องดื่มแบบนี้เสิร์ฟจะได้ไม่เกิดอาการงง ว่าแล้วเราก็ไปรู้จักเครื่องดื่มสองประเภทนี้กันเลยครับ
Apéritif
Apéritif เป็นชื่อเรียกของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะเสิร์ฟก่อนมื้ออาหารครับ ด้วยความเชื่อว่าเป็นการกระตุ้นความอยากอาหาร เรียกน้ำย่อย เครื่องดื่มที่เสิร์ฟก่อนอาหารนี้ปกติจะไม่ใช่เครื่องดื่มรสหวาน แต่จะเป็นพวกเครื่องดื่มที่มีรสชาติแบบ Dry อาจจะเสิร์ฟแบบไม่ผสม หรือจะเสิร์ฟเป็น Cocktail ก็ได้ เครื่องดื่มที่สามารถเป็น Apéritif ได้ ตัวอย่างเช่น Gin, Vermouth, ไวน์ที่ไม่หวาน, Champagne, ไวน์สมุนไพรที่ไม่หวาน เป็นต้น ส่วนถ้าเป็น Cocktail พวก Gimlet, Manhattan หรือ Dry Martini ก็เป็นตัวเลือกเบสิกที่ดี
คำว่า Apéritif เป็นศัพท์ภาษาฝรั่งเศสที่มีรากมาจากภาษาละตินว่า aperire ที่แปลว่า “การเปิด” นี่จึงหมายถึงการดื่มเพื่อเปิดกระเพาะ หรือเรียกน้ำย่อยนั่นเอง
เวลาเสิร์ฟ Apéritif นี่ โดยปกติจะไม่ได้มาแค่เครื่องดื่มอย่างเดียว แต่จะมีของกินคู่กันเสิร์ฟมาด้วย มีชื่อเรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสเท่ ๆ ว่า Hors d’oeuvre กับ Amuse-bouche ส่วนถ้าให้เรียกแบบไทย ก็จะเป็นหมวดหมู่อาหารเรียกน้ำย่อยที่มีความเค็มนิด ๆ มีตั้งแต่มันฝรั่งทอด ถั่ว มะกอกดอง ไปจนถึงพวกเนื้อ Cold cut กับชีส ส่วน Amuse-bouche จะต่างจากอาหารเรียกน้ำย่อย เพราะมันจะเป็นอาหารขนาดพอดีคำที่เชฟตั้งใจทำในวันนั้น ๆ และจะเสิร์ฟฟรีให้แขก / ลูกค้า เพื่อเรียกน้ำย่อยและเพื่อเป็นการให้เราได้ทำความรู้จักสไตล์อาหารของเชฟในเบื้องต้น
วัฒนธรรมการดื่มก่อนอาหารสามารถย้อนกลับไปได้ถึงศตวรรษที่ 5 หรือราว ๆ 1500 ปีที่แล้ว จากหลักฐานจำพวกบันทึก แต่กว่าที่มันจะกลายมาเป็นที่นิยมในวัฒนธรรมการกินของคนยุโรปก็เป็นช่วงศตวรรษที่ 18 – 19 ในอิตาลีกับฝรั่งเศส ประกอบกับในยุคนั้นมีการคิดค้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ ๆ ออกมามากมาย ทำให้การดื่มก่อนอาหารค่อย ๆ หลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมการกินของยุโรปมาจนถึงปัจจุบัน และทางอเมริกาเองก็มีการหยิบวัฒนธรรมการกินนี้ไปใช้เป็นครั้งคราว
Digestif
เมื่อมีการดื่มก่อนอาหาร ก็ต้องมีการดื่มปิดท้าย และ Digestif คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะเสิร์ฟปิดท้ายมื้ออาหารครับ หากมื้อนั้นมีการเสิร์ฟกาแฟปิดท้าย Digestif ก็จะเสิร์ฟหลังกาแฟไปอีก โดยปกติเครื่องดื่มจำพวกนี้จะมีความหวานกว่าเครื่องดื่ม Apéritif และมีปริมาณแอลกอฮอล์มากกว่า รวมถึงอาจจะมีความขมกว่าด้วย ส่วนใหญ่ Digestif จะดื่มแบบไม่ผสม แต่ก็จะมี Cocktail บางประเภทที่จัดเป็น Digestif ได้เช่นกัน
Digestif ที่เราพบเห็นได้ทั่วไป จะมีบรั่นดี, ไวน์หวาน หรือไวน์สมุนไพรที่มีรสหวาน, Cognac, Cocktail ที่มีส่วนผสมของเหล้า liqueur เช่น Black Russian (Vodka ผสม coffee liqueur) เป็นต้น การดื่ม Digestif เชื่อกันว่าจะช่วยในการย่อยอาหารที่เรากินเข้าไปในมื้อนั้น ๆ
แม้ Apéritif จะมีต้นกำเนิดย้อนไปถึงศตวรรษที่ 5 แต่ Digestif กลับไม่ได้มีต้นกำเนิดที่ย้อนไปไกลหรือมีความเป็นมาที่พิเศษอะไรนัก เพราะเดิมทีมันมีจุดประสงค์ในด้านการแพทย์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สูงเหล่านี้จะถูกสั่งให้กับผู้ป่วยทั่ว ๆ ไป เพื่อใช้ในรักษาอาการตั้งแต่ปวดท้องไปจนถึงอาหารต่าง ๆ แต่ในช่วงศตวรรษที่ 17 มันก็เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารในฐานะเครื่องดื่มที่ช่วยย่อยอาหารมาจนถึงปัจจุบัน
และนี่คือเรื่องราวของเครื่องดื่มก่อนและหลังอาหารที่เรียกว่า Apéritif กับ Digestif ครับ หากในอนาคตไปร่วมงานเลี้ยงแล้วเจอเขาเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบนี้จะได้เข้าใจถึงหน้าที่และที่มาของมันในทันที เป็นเรื่องที่เราคิดว่าหากรู้ไว้สักนิดก็ไม่เสียหายครับ