พูดถึงอาหารที่เหล่าสาว ๆ และคนรักสุขภาพชื่นชอบ ที่เรามักจะเห็นการพูดถึงไปจนถึงการถ่ายรูปลงโซเชียล ก็หนีไม่พ้น Acai (อาซาอิ) หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ Acai Bowl อาหารที่ได้ชื่อว่าเป็น Superfood คล้ายสมู้ทตี้สีม่วง ตกแต่งด้วยผลไม้หลากสีสัน และโรยเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ ลงไปให้ดูน่ากิน และมีประโยชน์ต่อร่างกายมากยิ่งขึ้น แต่จริง ๆ แล้วอาซาอิเอง ไม่ใช่อาหารสำหรับคนที่ดูแลสุขภาพเท่านั้น เพราะถึงแม้เราจะไม่ใช่สายรักสุขภาพ เป็นคนทั่ว ๆ ไปก็สามารถอร่อยกับมันในฐานะของหวานแบบคนบราซิลได้เช่นกันครับ สำหรับบทความนี้ MenDetails จึงอยากมาแนะนำอาซาอิให้ทุกท่านรู้จักครับ
Acai ผลเบอร์รี่จากบราซิล
อาซาอิเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลปาล์ม สามารถเก็บเกี่ยวส่วนต่าง ๆ ของต้นได้หลากหลาย แต่สำหรับเมนูอาซาอิ ที่เราพูดถึงนั้น จะเป็นผลเบอร์รี่ของมันครับ โดยมันเป็นพืชพื้นเมืองที่พบได้ทางแถบตอนเหนือของบราซิล บริเวณที่มีป่าอะเมซอน ที่มีการปลูกและเก็บเกี่ยวกับเป็นธุรกิจ เพราะในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา มีความต้องการบริโภคสูงมาก แน่นอนว่าผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกก็หนีไม่พ้นบราซิล โดยที่มีรัฐ Pará กับ Amazonas เป็นผู้ผลิตหลักในประเทศ
ผลอาซาอิจะเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ สีออกม่วง ๆ ดำ ๆ หน้าตาคล้ายบลูเบอร์รี่ หรือองุ่น แต่อย่าได้ไปหาซื้อผลเบอร์รี่มันมากินนะครับ เพราะเขาไม่บริโภคผลแบบสด ๆ เนื่องจากตัวเบอร์รี่มีเมล็ดข้างในที่ใหญ่ 60 – 80% ของผลเบอร์รี่เลยทีเดียว (ผู้เขียนเคยไปดูเขาเก็บเกี่ยว แล้วไปหยิบมาใส่ปากเคี้ยวดูโดยไม่ถามก่อน ฟันแทบหัก) และส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นเมนูสุขภาพที่เรากินกัน ก็คือส่วนเนื้อด้านนอกของมัน ที่เขาจะมาผ่านกรรมวิธีแปรรูปเป็นผง เป็นน้ำ แบบต่าง ๆ
แม้คนพื้นเมือง ไปจนถึงชนเผ่าพื้นเมืองในแถบที่ราบลุ่มแม่น้ำอะเมซอน จะมีการบริโภคมานานแล้ว แต่มันเพิ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมทั่วโลก รวมถึงมีผลการวิจัยเกี่ยวกับสารอาหารของมันในช่วงกลางยุค 90s นี่เอง ก็ถือว่าเป็นอาหารที่ยังมีอายุไม่มาก แต่เพราะเทรนด์โลกที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้มันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ในฐานะอาหารที่คนรักสุขภาพคุ้นเคย
ส่วนสาเหตุที่มันได้ชื่อว่าเป็น Superfood และได้รับความนิยมจากสาว ๆ ที่ดูแลหุ่น ไปจนถึงคนรักสุขภาพทั้งหลาย มาจากสารอาหารของมันครับ เพราะมันมีทั้ง วิตามินเอ วิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าบลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และผลไม้ชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และกรดโอเลอิก มีเส้นใยอาหาร ในขณะเดียวกันมีน้ำตาลน้อย ไม่ทำให้อ้วน อิ่มท้อง และมีแคลลอรี่ต่ำ ทำให้ไม่แปลกใจที่คนรักสุขภาพจะชื่นชอบ
แต่แม้จะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากขนาดไหน ก็ยังไม่มีผลทางการแพทย์ออกมารับรองการกินอาหารเสริมจากอาซาอินะครับ ดังนั้นควรกินมันเป็นอาหารจะดีกว่า ที่สำคัญการทำ Acai Bowl ด้วยตัวเองยังทำง่ายด้วย ถ้ามีผงอาซาอิก็สามารถเอาไปปั่นเอง แล้วตกแต่งตามใจชอบได้เลย แถมยังถ่ายรูปสวย ๆ มาลงโซเชียลได้อีกด้วย
ในฐานะของหวาน ที่คนบราซิลหลงรัก และเราอยากให้ลอง
การกินอาซาอิครั้งแรกของเรา เรามีโอกาสได้ไปกินถึงถิ่นเมื่อสิบกว่าปีก่อนสมัยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน คือ ที่ประเทศบราซิลเลยครับ คนที่นั่นเขาไม่ได้กินมันในฐานะอาหารเพื่อสุขภาพอย่างเดียว แต่เราจะสามารถพบมันขายได้ตามร้านทั่วไปทั้งร้านข้างทางหรือร้านในห้าง ไปจนถึงตามร้านไอศกรีมก็จะมีที่กดอาซาอิแบบ Frozen Yogurt แล้วให้ตักท็อปปิ้งเอง ก่อนไปชั่งน้ำหนักคิดเงิน โดยจะเป็นในฐานะของหวานแทน ในชื่อ Acai na tigela (แต่คนทั่วไปก็จะเรียกอาซาอิเพราะการเรียกแบบนี้ในบราซิลก็จะหมายถึงของหวานอยู่แล้ว) ก็จะเป็นการเอาอาซาอิ ไปปั่นกับน้ำแข็งให้คล้ายสมู้ทตี้ และใส่ท็อปปิ้ง คล้ายเมนูของคนรักสุขภาพ แต่ใส่ท็อปปิ้งได้ตามใจกว่า มีรสหวานกว่า เพราะเป็นของหวาน แต่ก็ยังได้สารอาหารด้วยเช่นกัน เป็นที่มาของการที่เราบอกว่าถึงจะไม่ใช่คนรักสุขภาพก็อร่อยกับมันได้
ใครที่ไม่เคยกินแล้วสงสัยในรสชาติ จริง ๆ อาซาอิเป็นของหวานที่อธิบายรสชาติได้ลำบากมากครับ แม้แต่คนบราซิลเองก็ยังอธิบายไม่ได้เหมือนกัน บอกแค่ว่าถ้าคนชอบก็จะชอบ ไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย ส่วนเรากินแล้วจัดอยู่ในหมวดชอบ แม้จะอธิบายชัดเจนไม่ได้ แต่ก็บอกได้ว่ามันจะมีความเปรี้ยวอยู่ แล้วที่เหลือก็แล้วแต่ท็อปปิ้ง ส่วนตัวผู้เขียนชอบใส่ผลไม้อย่างกีวี่ สตรอเบอร์รี่ กล้วย บางที่ก็จะมีแตงโม องุ่น โรยกราโนล่า นมผง แล้วราดด้วยไซรัปต่าง ๆ เช่น ช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่ไซรัป นมข้น หรือน้ำผึ้ง ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีท็อปปิ้งที่ต่างกันไปมากมาย อันนี้สุดแล้วแต่ความชอบและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนครับว่าจะใส่อะไรบ้าง
ในประเทศไทยเองก็มีร้านขายอาซาอิจำนวนไม่น้อย ทั้งร้านที่ขายโดยเฉพาะหรือเป็นแบบร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีเมนูอาซาอิ รวมถึงร้านใหม่ ๆ ที่กำลังก่อตั้งขึ้นอีกจำนวนมาก เพื่อรองรับความต้องการของคนยุคใหม่ และในร้านเหล่านั้นหลาย ๆ ร้านก็ขายอาซาอิในลักษณะของของหวานเช่นกัน ถ้าหากใครไม่เคยลอง เราก็ขอแนะนำให้ไปลองดูครับ จะในฐานะอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ หรือของหวานก็ได้ทั้งนั้น เผื่อจะติดใจ!