เชื่อว่าหลาย ๆ คน น่าจะมีวิสกี้เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มโปรด หรือมีติดบ้านเอาไว้ดื่มในโอกาสต่าง ๆ ซึ่ง MenDetails เคยพูดถึงเรื่องของวิสกี้และประเภทของมัน รวมถึงวิธีการดื่มแบบต่าง ๆ ไปหลายครั้งแล้ว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งและช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการดื่มให้ดียิ่งขึ้น ก็คือ แก้ววิสกี้ ที่เราเลือกใช้ในการดื่มนี่แหละครับ ในบทความนี้เราจึงหยิบแก้ววิสกี้ 4 ประเภทที่เราพบเห็นได้บ่อยและควรรู้จักไว้มาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักครับ แต่ละแก้วมีชื่อเรียกแบบไหน และเหมาะกับลักษณะการดื่มแบบไหนเป็นพิเศษ บทความนี้มีคำตอบแน่นอน
ส่วนประกอบของ แก้ววิสกี้
ในแก้ววิสกี้แต่ละประเภท จะมีลักษณะและโครงสร้างที่ต่างกันไป และความต่างเหล่านี้เองที่ทำให้แก้วแต่ละประเภทมีข้อดี – ข้อเสียที่ต่างกันไปครับ โดยโครงสร้างของแก้ววิสกี้หลัก ๆ จะมีอยู่ 3 ส่วน ที่ส่งผลต่อการรับรู้กลิ่นและรสของผู้ดื่ม ได้แก่
ส่วนปากแก้ว ส่วนนี้มีความสำคัญต่อการรับรู้กลิ่นของเครื่องดื่ม ยิ่งปากแก้วมีความแคบจะยิ่งทำให้กลิ่นของเครื่องดื่มกระจุกตัวกันมากขึ้น เวลาดมก็จะได้กลิ่นความหอมของเครื่องดื่มเข้มข้นขึ้น แต่ถ้าปากแก้วกว้างกลิ่นก็จะจางลงเพราะกลิ่นของเครื่องดื่มจะระเหยไปในอากาศทุกทิศทุกทาง
ส่วนตัวแก้ว ส่วนสำคัญที่ช่วยให้เรารับรู้ทั้งกลิ่นและรสของเครื่องดื่มได้ดีขึ้น อย่างเช่น แก้วที่เป็นทรงโค้งจะช่วยเวลาเราหมุนแก้วก่อนดื่ม ทำให้เราสัมผัสกลิ่นของเครื่องดื่มได้มากขึ้น และทำให้แก้วทรงนี้เป็นทรงที่พบเห็นเป็นปกตินั่นเอง
ส่วนฐานแก้ว ส่วนนี้ช่วยในการจับแก้วเพื่อหมุนแก้วให้หมุนถนัดขึ้น ง่ายขึ้น และยังช่วยไม่ให้มือของคนดื่มไปจับแก้วใกล้กับส่วนปากแก้วมากเกินไป ซึ่งอาจจะมีรบกวนต่อกลิ่นของเครื่องดื่มเวลาเราดมกลิ่น
Old fashioned glass แก้ววิสกี้ ทรงคลาสสิก
แก้วทรงคลาสสิกที่หลายคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี มันมีชื่อเรียกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น แก้ว Old fashioned (Old fashioned glass), แก้วร็อค (Rocks glass) หรือแก้ว lowball ซึ่งชื่อเรียกเหล่านี้ก็เป็นชื่อที่สอดคล้องกับวิธีการใช้งานของมันนั่นเอง
แก้วแบบนี้เป็นแก้วที่มีปากกว้าง ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้สัมผัสกลิ่นของวิสกี้และเครื่องดื่มอื่น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้กลิ่นเสียทีเดียว แค่กลิ่นจะบางเบามากแค่นั้นเองครับ เรียกว่าไม่ต้องให้วิสกี้แนะนำตัวเองผ่านกลิ่นกันนาน ดื่มแล้วทำความรู้จักกับมันอย่างลึกซึ้งเลยง่ายและเร็วกว่า
นี่เป็นแก้วที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะดื่มแบบ Neat (ไม่ผสมอะไรเลย), ใส่น้ำแข็งเล็กน้อยแบบ On the rocks หรือพวก cocktail คลาสสิกต่าง ๆ ก็นิยมเสิร์ฟในแก้วแบบนี้ครับ เป็นแก้วอเนกประสงค์ที่สายดื่มทุกคน ไม่ใช่แค่คนที่ชอบวิสกี้ ต้องมีติดบ้านไว้อย่างแน่นอนครับ
Highball แก้วทรงสูงใส่น้ำแข็งเย็นชื่นใจ
รู้จัก Lowball ไปแล้ว เรามารู้จักพี่น้องของมันอีกตัวอย่าง Highball ไปด้วยเลยครับ เชื่อว่าใครที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มเหล้าของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะมีเพื่อน ไปเที่ยว ไปบาร์ ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่น เคยดูในซีรีส์ ภาพยนตร์ การ์ตูน น่าจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง นั่นเพราะชื่อของเครื่องดื่มแบบนั้นส่วนหนึ่งมีที่มาจากการใช้แก้ว Highball นี่แหละครับ
แรกเริ่มเดิมที Highball เป็นเครื่องดื่มที่เกิดจากการผสมกันของเครื่องดื่มอย่างบรั่นดี หรือวิสกี้ กับโซดา ก่อนจะพัฒนามาตามยุคสมัย มาเสิร์ฟในแก้วทรงสูงทำให้เกิดคำว่า Highball ขึ้น แล้วมันก็เดินทางจากยุโรปมายังเอเชียและได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น ในฐานะเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเหล้าและโซดา ดื่มแล้วชื่นใจ
แก้วแบบนี้โดยปกติจะใช้ในการเสิร์ฟ cocktail และมักจะใส่น้ำแข็งให้เต็มแก้ว ออกมาเป็นเครื่องดื่มให้ความสดชื่น ดื่มแล้วเย็นชื่นใจ ส่วนวิสกี้ที่จะดื่มในแก้วแบบนี้ก็มักจะเป็นแบบผสมโซดา น้ำมะนาว หรือ ginger ale ครับ
Glencairn แก้วที่เกิดมาเพื่อคู่กับวิสกี้
ถ้าจะมีแก้วสักชนิดที่เรียกได้เต็มปากว่าเกิดมาคู่กันกับวิสกี้ ก็ต้องเป็นแก้ววิสกี้ของ Glencairn นี่ล่ะครับ เกิดขึ้นจากการคิดค้นและพัฒนาของบริษัท Glencairn Crystal ในสกอตแลนด์ เริ่มต้นมาจากความคิดที่ว่า เครื่องดื่มอื่น ๆ อย่างแชมเปญ ไวน์ บรั่นดี ล้วนมีแก้วที่ออกแบบมาให้ใส่เครื่องดื่มนั้น ๆ และสามารถรับรสและกลิ่นได้เต็มที่ แต่สำหรับวิสกี้ยังไม่มีแก้วแบบนั้นเลย ในการดื่มก็จะใช้แก้วหลายแบบต่างกัน
ตัวแก้วเริ่มการผลิตในปี 2001 โดยดีไซน์ดั้งเดิมได้รับการออกแบบโดย Raymond Davidson ตำแหน่ง Managing director ของบริษัท ที่ออกแบบไว้ 25 ปีก่อนหน้านี้ นำมาปรับปรุงใหม่ด้วยการร่วมมือกับเหล่า Master blenders จากบริษัทวิสกี้ที่ใหญ่ที่สุด 5 แห่ง จนออกมาเป็นแก้วใบนี้ครับ
แก้วนี้ได้รับการคิดค้นมาแล้วว่าจะช่วยให้เราได้รับรู้กลิ่นของวิสกี้ที่ไม่แรงและไม่บางเบาจนเกินไป มีฐานที่สั้นแต่มั่นคงช่วยให้หมุนแก้วง่ายขึ้น ดีไซน์ที่ทำให้ดื่มง่ายและปากแก้วที่ทำให้วิสกี้ไหลลงบนลิ้นให้เราได้รับรู้รสอย่างสมบูรณ์แบบ และนี่เป็นแก้วสำหรับวิสกี้แบบแรกที่ได้รับการยอมรับจาก Scotch Whisky Association อีกด้วย แม้ในปัจจุบันจะมีแก้วสำหรับวิสกี้โดยเฉพาะอีกหลายดีไซน์ แต่คอวิสกี้ก็ยังชื่นชอบแก้ว Glencairn อยู่ รวมถึงแก้วนี้ยังเป็นแก้วที่โรงกลั่นวิสกี้ในสกอตแลนด์และไอร์แลนด์ต่างเลือกใช้ครับ
แก้ว NEAT จากความผิดพลาดสู่หนึ่งในแก้ววิสกี้ที่ให้ประสบการณ์ยอดเยี่ยม
แก้วลักษณะนี้เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก แต่ก็เป็นหนึ่งในแก้วที่โรงกลั่นหลายเจ้า ไปจนถึงบาร์หลายที่เลือกใช้ เวลาเสิร์ฟวิสกี้แบบ Neat
แก้วนี้แม้ว่าจะชื่อ Neat แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำว่า Neat ของการดื่มวิสกี้แบบไม่ผสมอะไรเลยโดยตรงสักเท่าไหร่ เพราะมันย่อมาจาก Naturally Engineered Aroma Technology ครับ เป็นแก้วที่มีดีไซน์เพื่อให้เราสามารถรับรู้กลิ่นของวิสกี้ได้ดีที่สุดจากคอแก้วที่แคบแล้วไปบานออกตรงปากแก้ว แต่อาจจะดื่มยากสักนิดสำหรับใครที่ไม่ชิน
แก้วนี้แม้ว่าจะมีการใช้หลักวิทยาศาสตร์ทำให้เรารับรู้กลิ่นได้ดีที่สุด แต่มันไม่ได้เกิดมาจากผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันออกแบบแบบแก้ว Glencairn แต่มันเกิดจากความผิดพลาดของโรงงานเป่าแก้วในปี 2002 ทำให้เกิดการต่อยอดไอเดียมาเป็นแก้ว Neat แบบนี้ครับ และความต่างอีกอย่างของแก้ว Neat กับ Glencairn คือ แก้ว Neat นั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อวิสกี้โดยเฉพาะ เพราะมันสามารถใส่เหล้าอื่น ๆ ลงไปเพื่อให้สามารถสัมผัสกลิ่นของมันได้เช่นกัน
จริง ๆ แล้วแก้วสำหรับใส่วิสกี้ยังมีอีกมากมาย โดยเฉพาะแก้วที่บริษัทผลิตแก้วหรือโรงกลั่นต่าง ๆ คิดค้นขึ้นมาอีก แต่แก้ว 4 แบบที่เรายกมานี้ พบเห็นได้บ่อยที่สุด และเรามองว่าผู้ชายควรรู้จักเอาไว้มากที่สุดครับ ครั้งหน้าเวลาดื่มเราจะได้รู้ว่าทำไมบาร์ถึงเลือกใช้แก้วลักษณะนี้และให้เราสัมผัสทั้งกลิ่นและรสของวิสกี้ได้ดียิ่งขึ้น หรือถ้าใครดื่มที่บ้านก็จะได้เลือกแก้วให้เหมาะกับวิธีที่เราอยากจะดื่มครับ