หากกล่าวถึงภาพยนตร์ที่มีอิทธิพลด้านการแต่งกายของ สุภาพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวเดินทางไปยังประเทศเขตร้อน / นั่งโต๊ะเล่น Poker หรือ ชุดทักซิโด้ร่วมงานสังคมระดับสูง MenDetails คาดว่าหนึ่งในภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราย่อมต้องมี สายลับชาวอังกฤษอย่าง James Bond รหัสลับ 007 เพราะไม่ว่าจะเป็นชุดสูท รถยนต์ หรือแม้แต่ รองเท้าหนัง ล้วนแล้วแต่เลือกสรรค์มาเป็นอย่างดี เฉกเช่นเดียวกับ นาฬิกา ข้อมือ คู่ใจ ที่มักถูกหยิบใช้ในเวลาคับขัน และนี่คือ 7 แบรนด์ นาฬิกา ประจำกายสายลับ James Bond ที่ปรากฏอยู่บนจอเงิน ที่ไม่ได้มีแค่ Rolex เพียงอย่างเดียว
Rolex
ถือเป็นแบรนด์ที่มีความผูกพันกับสายลับรหัส 007 มาตั้งแต่ Ian Fleming แต่งนวนิยายเกี่ยวกับสายลับคนนี้ในปี 1953 ซึ่งตัว Ian Fleming เอง ก็เลือกใส่นาฬิกา Rolex Explorer บนข้อมือ จนในปี 1962 ภาพยนตร์เรื่องแรกของรหัส 007 ก็ได้ออกฉายในนาม Dr. No นำแสดงโดย Sean Connery และนาฬิกาที่ปรากฏอยู่บนข้อมือของเขาก็คือ Rolex Submariner Ref. 6538 พร้อมสายหนัง อันเป็นสมบัติส่วนตัวของ Sean Connery เองเสียด้วยซ้ำ ณ และได้กลายเป็นนาฬิกาคู่ใจมาอีกหลายต่อหลายภาค คู่กับสาย Nato สีเฉพาะ ขนาด 16mm อันโด่งดังจากตอน Godfinger ในปี ค.ศ. 1964 นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ Rolex Sport นั้นเป็นที่ต้องการในท้องตลาดมากจนถึงทุกวันนี้ก็ได้นะครับ
Breitling
ในปี ค.ศ. 1965 สายลับ James Bond กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับนาฬิกาคู่ใจของเขา Rolex Submariner แต่ในภาค Thunderball ครั้งนี้ นักประดิษฐ์ประจำองค์กร MI6 นาม Q ได้ให้นาฬิกาอีกเรือนหนึ่งกับ Bond พร้อม Function พิเศษที่สามารถใช้งานได้ในยามคับขัน ซึ่งแบรนด์ดังกล่าวคือแบรนด์นาฬิกา Breitling รุ่น Top Time ซึ่งถือเป็นแบรนด์นาฬิกาแบรนด์ที่ 2 ที่ได้ปรากฏบนข้อมือของ James Bond นั่นเอง
นาฬิกาเรือนดังกล่าว ถูกพบวางขายที่ตลาดใจกลางกรุงลอนดอน ในปี 2013 และขายในราคาเพียง 25 ปอนด์สเตอร์ลิง ภายหลัง ผู้ซื้อได้นำไปประมูลและสามารถประมูลขายได้ในราคา 100,000 ปอนด์สเตอร์ลิง เรียกว่า กำไรเห็น ๆ เลยครับ
Gruen
ก้าวเข้าสู่ปี ค.ศ. 1967 กับชื่อตอน You Only Live Twice นาฬิกาบนข้อมือของสายลับ James Bond ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นแบรนด์ Gruen รุ่น Precision 510 โดยมีการคาดเดากันไปต่าง ๆ นา ๆ บ้างก็เดาว่า ทางแบรนด์นาฬิกา Gruen นั้นมีสัมพันธ์อันดีกับผู้สร้าง แต่สันนิษฐานที่ดีที่สุดเลยคือ Gruen Precision 510 นั้น เป็นนาฬิกาของ Sean Connery แล้วเขาเอง ที่เลือกใส่เข้าฉากถ่ายทำ ดังที่เคยเกิดขึ้นในภาค Dr. No นั่นเอง แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แบรนด์ Gruen ก็กลายเป็นที่จับตามองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งได้ปรากฏกายอีกครั้งในปี ค.ศ. 1971 กับภาค Diamonds Are Forever
Hamilton
ภาค Live and Let Die ถือเป็นภาคที่มีการเปลี่ยนตัวแสดงหลักอย่าง Sean Connery มาเป็น Roger Moore ในปี ค.ศ. 1973 นาฬิกาหลักที่อยู่บนข้อมือ Bond ยังคงเป็น Rolex Submariner เช่นเดิม แต่เพิ่มเติมคือนาฬิกาคลื่นลูกใหม่ที่มาในระบบ Quartz อย่างแบรนด์ Hamilton Pulsar LED Digital Watch ถือเป็นนาฬิกาที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับโลกของเรือนเวลา รวมถึงภาพลักษณ์นาฬิกาประจำกาย James Bond อีกด้วย
Seiko
ในช่วงกลางของยุค 70s เป็นช่วงนี้นาฬิกาหน้าปัด Digital กำลังมากแรงครับ เหมือนเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ก้าวเข้ามาเปลี่ยนวงการเรือนเวลาอันยึดมั่นด้วยระบบกลไกเป็นหลัก ซึ่งในปี ค.ศ. 1977 ภาค The Spy Who Loved Me นั้น ทางผู้สร้างก็เลือกหยิบนาฬิกา Seiko 0674 LC เป็นนาฬิกาที่สามารถพิมพ์ข้อความสั้น ๆ ออกจากตัวเรือนได้ ซึ่งต้องขอบคุณ Q คนเดิม นอกจากนั้น Bond เองยังเลือกใส่ Rolex GMT Master ด้วยเช่นกัน เพื่อความ Classic With Style ที่ไม่เหมือนใคร
Seiko ถือเป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น ที่อยู่กับ James Bond สูงถึง 5 ภาคด้วยกัน โดยเริ่มต้นที่ The Spy Who Loved Me (1977) / Moonraker (1979) / For Your Eyes Only (1981) / Octopussy (1983) และ A View to a Kill (1985)
TAG Heuer
ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงนักแสดงจาก Roger Moore เป็น Timothy Dalton กับภาค The Living Daylights และก็ได้เปลี่ยนแบรนด์นาฬิกาจาก Seiko ซึ่งผูกพันกับ Bond มายาวนานเกือบ 10 ปี มาเป็น TAG Heuer ซึ่งยังคงเลือกเป็นทรง Sport รุ่น Professional Night-Dive ซึ่งเป็นนาฬิกา Quartz และน่าจะเป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่เราได้เห็นแบรนด์ TAG Heuer ขึ้นข้อมือ James Bond เพราะในภาคต่อมาอย่าง Licence to Kill (1989) ก็ได้กลับไปใช้ Rolex เช่นเดิม
OMEGA
ก้าวเข้าสู่ยุคของ Pierce Brosnan หนุ่ม Irish ที่ได้รับบทนักแสดงนำชายเสียทีในปี 1995 ภาค Goldeneye หลังจากพ่ายแพ้ให้กับ Timothy Dalton เมื่อปี ค.ศ. 1987 ซึ่งในครั้งนี้ ผู้สร้างก็ได้ปรับเปลี่ยนแบรนด์นาฬิกาข้อมืออีกครั้ง โดยปรับมาใช้แบรนด์ OMEGA ซึ่งถือเป็นแบรนด์นาฬิกาประจำกองทัพอังกฤษในช่วงปี ค.ศ. 1967-1971 จึงกลายเป็นเหตุผลให้ James Bond สายลับอังกฤษ หันมาใช้แบรนด์ OMEGA รุ่น Seamaster Professional 300M และยังคงเลือกใช้แบรนด์นี้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
นี่คือ 7 แบรนด์ นาฬิกา ที่ปรากฏอยู่บนข้อมือของ James Bond ตั้งแต่มีการสร้างเป็นภาพยนตร์จอเงินและออกฉายทั่วโลก หลาย ๆ ท่านอาจมีภาพจำของ Bond ที่ต้องคู่กับแบรนด์ Rolex แต่จริง ๆ แล้ว James Bond มีแบรนด์นาฬิกาที่ผ่านมือเขาในภาพยนตร์ค่อนข้างมาก เราจึงอยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันครับ ส่วนใครกำลังเล็งเรือนไหนอยู่ บอกเลยว่าดีหมดทุกเรือนจริง ๆ