หลังจากที่ในปีที่แล้ว ทางเครือโรงแรม Grande Centre Point ไปเปิดสาขาธีมอวกาศที่พัทยา อย่าง Grande Centre Point Space Pattaya สำหรับครอบครัวในวันหยุดไปแล้ว ในปีนี้ทางแบรนด์ ก็เดินทางกลับมาเปิดสาขาใหม่ในกรุงเทพกันบ้าง นั่นคือ Grande Centre Point Surawong ครับ โดยสาขานี้จะมีการผสมผสานโรงแรมให้เข้ากับวัฒนธรรมของพื้นที่ชุมชน เกิดเป็นการนำเสนอทั้งในแง่ของการตกแต่ง และอาหารของโรงแรม ที่น่าสนใจ ที่ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหรือคนไทย ไม่ว่าจะเข้ามาพักผ่อนค้างคืน มากินอาหาร ก็พร้อมจะมอบช่วงเวลาดี ๆ ให้
เช่นเคย MenDetails มีโอกาสได้ไปใช้บริการต่าง ๆ ของโรงแรม ก่อนที่จะเปิดต้อนรับผู้เข้าพักจริง และได้เก็บภาพ ข้อมูลต่าง ๆ มาฝากสำหรับใครที่มองหาสถานที่พักผ่อนในเมือง หรือแม้แต่การ Staycation ในโรงแรมที่สะดวกสบาย สาขาสุรวงศ์นี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามเรามาดูได้เลยครับ
Grande Centre Point Surawong ทำเลสำคัญ ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
การเลือกมาเปิดสาขาใหม่ในย่านสุรวงศ์ครั้งนี้ มาจากการที่ย่านนี้มีความสำคัญทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และทำเล เพราะสุรวงศ์ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญที่เชื่อมถนนสายธุรกิจหลายสายทั้งถนนสีลม สาทร และเจริญกรุง ทำให้เป็นย่านการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพ มีความหลากหลายทั้งผู้คนและสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างโครงสร้างไทยแบบดั้งเดิมและการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฝั่งยุโรปอย่างโดดเด่น มีความหลากหลายตั้งแต่ยุคนีโอคลาสสิก โคโลเนียล ไปจนถึงสมัยใหม่และหลังสมัยใหม่ ทำให้ที่นี่เป็นย่านที่ความเป็นตะวันออกมาพบเจอกับตะวันตก เกิดเป็นเสน่ห์ที่ยากจะเลียนแบบ
ในส่วนทำเลที่ตั้งของโรงแรม ก็อยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ เป็นย่านที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ครบทุกด้านของไลฟ์สไตล์และการเดินทางในย่านใจกลางเมือง ใกล้ทั้งแหล่งธุรกิจ แหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญ และย่านที่พักอาศัย เดินทางสะดวก สามารถเดินไปยังท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์ ประมาณ 550 ม. และห่างจากท่าเรือตากสิน 550 ม. นอกจากนี้ ยังมีรถ Shuttle Services ของโรงแรมที่จะพาไปยังย่านตลาดน้อย ท่าเรือตากสิน และถนนเจริญกรุง รวมถึงยังมีบริการรับ – ส่งถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ออกเป็นเวลาด้วย
ในด้านการออกแบบ ทางโรงแรมต้องการสะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาของย่านการค้าที่รุ่งเรืองผ่านสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล แต่มีความเงียบสงบ เป็นส่วนตัวเมื่อเข้ามาอยู่ด้านใน ตัวโรงแรมออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมตะวันตกแนวโคโลเนียล แฝงด้วยวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ผสานตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว ไฮไลท์อยู่ที่การตกแต่งภายในที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของย่านการค้าหลักของกรุงเทพ นำมาถ่ายทอดในชั้นต่าง ๆ ของโรงแรม ทั้งย่านสุรวงศ์ บางรัก เจริญกรุง พาหุรัด และเยาวราช
ห้องพักที่สะดวกสบาย เพื่อมอบช่วงเวลาที่ดี
ห้องพักของที่นี่ มีความกว้างขวาง เรียบง่าย มีความทันสมัย ผสมกันอายลวดลายแบบไทย ๆ เห็นวิวของเมืองที่สวยงาม เพื่อให้การพักผ่อนของเราสบายที่สุด ทั้งเตียงนุ่ม ๆ ห้องน้ำที่มีทั้งฝักบัวอาบน้ำและอ่าง พร้อมให้เราพักผ่อนเติมพลัง โดยมีให้เลือกหลัก ๆ 3 ประเภท คือ Deluxe, Premium และ Executive ซึ่งสามารถเลือกแบบเป็นห้อง Connecting ได้ เป็น Deluxe Connecting, Premium Connecting และ Family Executive
ห้อง Deluxe กับ Premium จะมีดีไซน์การตกแต่งต่าง ๆ เหมือนกัน คือ ห้องสำหรับพักสูงสุดสองคน เตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่ ขนาดเท่ากันที่ 44 ตร.ม. ต่างที่ Deluxe จะอยู่ชั้น 9 – 11 ส่วน Premium จะอยู่ชั้น 12 – 28 ทำให้ห้อง Premium จะได้เห็นวิวของเมืองที่ส่วนกว่า กว้างไกลกว่า จากหน้าต่างบ้านใหญ่ในห้อง ในครั้งนี้เราได้มาลองเข้าพักในห้อง Premium และต้องบอกว่าประทับใจไม่แพ้ตอนไปสาขาที่พัทยาเลย ในเรื่องของความสบาย แต่สาขานี้จะไม่มีลูกเล่นให้เราเปิดไฟแสงออโรร่าเหมือนอยู่ท่ามกลางอวกาศนะครับ สาขานี้จะมีกลิ่นอายความเป็นไทยชัดขึ้นมาหน่อย
ส่วนห้อง Executive จะมีแค่ชั้นละ 2 ห้อง พื้นที่ 62 ตร.ม. สำหรับพักสูงสุดสองคน เนื่องจากมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น จึงมีเฟอ์นิเจอร์มากขึ้นมาอีกนิด และในห้องอาบน้ำยังมีอ่างจากุซซี่มาแทนอ่างอาบน้ำปกติ
ห้องพักจะใช้ระบบคีย์การ์ด แตะคีย์การ์ดเพื่อเข้าห้อง รวมถึงต้องใช้คีย์การ์ดในการกดลิฟต์ เราไม่สามารถขึ้นไปชั้นอื่นที่ไม่ใช่ชั้นที่เราพักได้ ก็เป็นการรักษาความปลอดภัยแบบหนึ่ง ในแต่ละชั้นจะมีตู้กดน้ำและขนมไว้คอยบริการสำหรับใครที่อยากกินอะไรจุบจิบตอนดึก แต่ไม่อยากลงไปซื้อที่ร้านนอกโรงแรม ส่วนในห้องก็มีของ complimentary อย่างชา กาแฟ ขนม น้ำ น้ำหวานนิด ๆ หน่อย ๆ ไว้จำนวนหนึ่งแล้ว
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สำหรับการพักผ่อนในเมือง
นอกเหนือจากห้องพักที่แสนสบายแล้ว โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ ไว้คอยบริการ ตอบโจทย์ความต้องการไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นไฮไลท์อย่างสระว่ายน้ำแบบเปิดที่สามารถชมทิวทัศน์กรุงเทพ ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน และในชั้นเดียวกันยังมีโซนฟิตเนสและห้องเกมส์รูมที่มีเกมให้เล่นหลากหลายประเภท เครื่องเกม Playstation 5 ไปจนถึง Board Game ให้ยืม ไม่ว่าจะมาพักคนเดียว หรือมาพักกับเพื่อน ครอบครัว ก็สามารถชวนมาผ่อนคลายที่ห้องนี้ได้
หรือใครที่ชอบอบไอน้ำ โรงแรมมีห้องสตรีมซาวน่า ให้ใช้บริการ มีทั้งห้องซาวน่าแบบญี่ปุ่น และห้องอบไอน้ำ พร้อมส่วนอาบน้ำครบ ทางโรงแรมยังมีผ้าเช็ดตัวเตรียมไว้ให้ เราแค่ไปแจ้งพนักงานด้านหน้าเคาร์เตอร์ ลงชื่อเพื่อรับผ้าเช็ดตัวและน้ำหนึ่งขวดเพื่อดื่มหลังเข้าใช้ ถ้าใครมาตอนค่ำจะเปลี่ยนเป็นชุดนอนก็สามารถถือเสื้อผ้าเราที่จะเปลี่ยนเข้าไปได้เลย ทั้งหมดนี้เปิดตั้งแต่หกโมงเช้า ยาวไปจนถึงสี่ทุ่ม นอกจากนี้ยังมี Let’s Relax Spa ที่เป็นพันธมิตรกันมาเปิด เพื่อให้ใครที่อยากผ่อนคลายกับบริการนวดแผนไทยได้เข้าใช้บริการ
ที่โรงแรมสาขานี้ ใช้ระบบ Tokens เพื่อแลกรับบริการเหมือนกับที่พัทยา เป็นสาขาที่สองในเครือที่ปรับมาใช้ระบบนี้ เมื่อเราจองห้องพักผ่านเว็บไซต์โรงแรม เราจะได้รับ Tokens ขึ้นอยู่กับประเภทห้อง และจำนวนคือที่พัก Tokens เหล่านี้เราสามารถนำไปแลกของที่ระลึกจากร้านของฝาก หรือนำไปแลกเครื่องดื่มและของกินเล่นที่ร้านอาหารของโรงแรมได้ด้วย Tokens สาขาใช้ร่วมกับที่สาขาพัทยาได้ ดังนั้นหากใช้ไม่หมดในการเข้าพักก็สามารถเก็บไว้เพื่อนำมาแลกรับการบริการในภายหลังแม้ไม่ได้มาพัก หรือหากไปพักที่สาขาพัทยาก็สามารถเก็บ Tokens เพิ่มเพื่อแลกรับของที่ใช้ Tokens มากขึ้นได้ ซึ่งสาขาสุรวงศ์กับพัทยาก็จะมีการบริการและสินค้าสำหรับใช้ Tokens ต่างกัน
ห้องอาหาร 2 ห้อง ที่นำเสนออาหารรสชาติเยี่ยม 2 สไตล์
Grande Centre Point Surawong ยังได้รับการสนับสนุนด้านอาหารจากทางเครือสีฟ้าเช่นเคย ที่มาออกแบบเมนูต่าง ๆ สำหรับห้องอาหารของโรงแรมให้ และสาขานี้ไม่ได้มีแค่ห้องอาหารห้องเดียว แต่มีถึง 2 ห้อง ที่มาในสไตล์ที่ต่างกันอย่างชัดเจน
ห้องอยู่ที่ชั้นล่างของโรงแรม เป็นทั้งห้องอาหาร และห้องอาหารเช้า ชื่อว่า Huá ที่แปลว่าดอกไม้ ห้องอาหารนี้ นำความอร่อยจากวัฒนธรรมสตรีทฟู้ดฮ่องกงและเยาวราช มารังสรรค์เป็นเมนูสุดโปรดของหลาย ๆ คน และหลายจานแม้จะเป็นจานเด็ดของเครือสีฟ้ามายาวนาน แต่ก็ถูกนำมาทวิสเล็กน้อยให้เกิดความแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นเมนูเป็ดย่างเนื้อนุ่มหอม หมูแดงและหมูกรอบสูตรเฉพาะ โจ๊กสไตล์ฮ่องกง เนื้อเนียนละเอียด หอมน้ำมันงา และอีกหนึ่งไฮไลท์คือเมนูบะหมี่ ที่ทางเราชอบมาก ๆ และสำหรับใครที่ชื่นชอบเมนูหม้อดิน ที่ห้องอาหารนี้ก็ทำเมนูหม้อดินได้อร่อยมาก ๆ โดยเฉพาะราดหน้าหม้อดิน ตัวร้านตกแต่งในสไตล์จีนร่วมสมัยเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมในย่านนี้ครับ
ส่วนอีกห้องอาหารจะอยู่ที่ชั้น 30 ที่เราจะเห็นวิวมุมสูงจากห้องอาหารได้อย่างขัดเจน และในห้องอาหารนี้ก็จะเปลี่ยนสไตล์ไปเป็นอาหารตะวันตกครับ กับห้องอาหาร Bangrak Grill สำหรับคนที่หลงรักสเต๊ก ที่ใส่ใจตั้งแต่การเลือกแหล่งวัตถุดิบและเครื่องปรุงท้องถิ่น มีให้เลือกทั้งเมนูเนื้อวัว ไก่ หมู และอาหารทะเล ไม่ว่าจะมากินตอนกลางวันหรือจะมาดินเนอร์ก็ได้ทั้งนั้น
สำหรับเมนู Signature ของร้านอย่าง Bangrak Angus Tomahawk Florentine Style เป็นเนื้อเข้าจากสหรัฐอเมริกา ย่างด้วยกรรมวิธีเฉพาะเพื่อคงรสชาติเข้มข้นพร้อมความนุ่มและฉ่ำของเนื้อไว้ และถ้าพูดถึงบางรักที่เป็นชื่อของห้องอาหาร ก็ต้องนึกถึงเมนูขึ้นชื่ออย่างขาหมูนุ่ม ๆ ที่เคี่ยวจนรสชาติเข้าเนื้อ เชฟของ Bangrak Grill ก็นำเมนูมาทวิสใหม่ เป็น Bangrak Pork Knuckle Pot Pie ขาหมูนุ่ม ๆ จับคู่ความอร่อยกับแป้งพายกรอบ เสริมรสด้วยผักดองและน้ำพะโล้ ส่วนเมนู Beef Wellington ก็จัดว่าเด็ดสำหรับเรา เนื้อนุ่ม ๆ ห่อด้วยแป้งพาย กับซอสรสเข้มข้น แต่แอบขัดใจ Texture ของถั่วในชั้นระหว่างแป้งกับเนื้อไปสักหน่อย ส่วนเมนูของหวาน ลูกแพรเชื่อมน้ำกระเจี๊ยบก็ถือว่าแปลกแต่เป็นความแปลกที่ชื่นใจปิดท้ายมื้อได้อย่างดีครับ
Grande Centre Point Surawong จึงเป็นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวในยุคใหม่ ที่ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมในท้องที่ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือใครที่ต้องการพักผ่อนแบบสบาย ๆ เปลี่ยนบรรยากาศจากบ้าน หรือต้องการ Staycation สำหรับคนที่ปัจจุบัน WFH นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เดินทางสะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ โดยโรงแรมพร้อมเปิดต้อนรับผู้เข้าพักจริงในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2023 นี้ครับ