สำหรับคนในวัยทำงาน “กาแฟ” น่าจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อนของใครหลาย ๆ คน เพราะมันทำให้รู้สึกสดชื่น มีพลัง จากสารคาเฟอีนในกาแฟ จนทำให้หากไม่ได้ดื่มกาแฟแล้วจะรู้สึกไม่สดชื่น ทำงานไม่ได้ หัวไม่แล่น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นคนทำงานทั่ว ๆ ไป ต้องมีแก้วกาแฟติดมือทุกเช้าเวลาทำงาน บางครั้งก็อาจจะถึงสองสามแก้วในแต่ละวัน แต่วิธีที่เราดื่มกาแฟกันทุกวันนี้ มันถูกต้องจริง ๆ แล้วหรือเปล่า? เรากำลังได้รับประโยชน์ของกาแฟเต็มที่โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่? วันนี้ MenDetails จึงมี วิธีดื่มกาแฟ ให้ได้ประโยชน์จากกาแฟสูงสุดรวมถึงไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมาฝากกันครับ
อย่าเพิ่งดื่มกาแฟหลังตื่นนอน
หลายคนเมื่อตื่นนอนสิ่งแรกที่ทำ คือ การไปชงกาแฟดื่มเพื่อให้สดชื่น ก่อนจะเริ่มอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน หรือบางคนหลังอาบน้ำเสร็จก็อาจจะเริ่มต้นวันด้วยกาแฟทันที แต่จริง ๆ แล้วการดื่มกาแฟหลังตื่นนอนใหม่ ๆ นั้นส่งผลเสียต่อระดับพลังงานและฮอร์โมนในธรรมชาติของมนุษย์มากกว่าที่คิด เพราะเมื่อเราตื่นนอนร่างกายของเราจะผลิตฮอร์โมนที่มีชื่อว่า “คอร์ติซอล” ออกมา เจ้าฮอร์โมนนี่จะไปลดระดับความเครียดหลังตื่นนอน ทำให้เรารู้สึกสดชื่น และจะมีปริมาณสูงสุดช่วง 30 นาทีหลังตื่นนอน
ถ้าหลังตื่นนอนเราดื่มกาแฟทันที คาเฟอีนจะไปรบกวนการทำงานของคอร์ติซอลในร่างกาย ทำให้เราได้ประโยชน์จากคาเฟอีนน้อยลง แถมร่างกายยังถูกรบกวนการผลิตฮอร์โมนตามธรรมชาติด้วย ดังนั้นจากการวิจัยของหลาย ๆ สำนักพบว่า เวลาที่ควรดื่มกาแฟแก้วแรกของวันควรเป็นหลังตื่นนอน 60 – 90 นาที เพราะการผลิตฮอร์โมนไม่ถูกรบกวน และเราจะได้ใช้ประโยชน์จากคาเฟอีนได้เต็มที่
ลองใช้วิธี Nappuccino ช่วงพักเที่ยงให้ร่างกายสดชื่นในช่วงบ่าย
หลังจากมื้อเที่ยงเป็นปกติที่หลาย ๆ คนจะเริ่มรู้สึกเฉื่อยชาหรือง่วงนอน ไม่มีแรงทำงาน แม้จะดื่มกาแฟเข้าไปแล้วแต่ก็ไม่ช่วยอะไรเพราะเรารับคาเฟอีนเพื่อมากระตุ้นช้าไป ถ้าใครเป็นแบบนั้นเราขอแนะนำ Nappuccino ที่มาจากการรวมกับของคำว่า Nap ที่แปลว่างีบ กับ Cappuccino ที่เป็นรูปแบบหนึ่งของกาแฟมารวมกัน
อธิบายง่าย ๆ คือ ให้เราดื่มกาแฟสักแก้ว แล้วไปงีบสัก 15 – 20 นาที เมื่อเราตื่นขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่น พร้อมลุยงานหรือทำกิจกรรมช่วงบ่ายต่อ สาเหตุมาจากเวลาที่เราเหนื่อยล้า ง่วงนอน มาจากการสะสมของสารเคมีในร่างกายที่ชื่อว่า “อะดีโนซีน” เวลาที่เราดื่มกาแฟแล้วงีบ คาเฟอีนจากกาแฟจะเข้าไปช่วงลดอะดีโนซีนในร่างกาย โดยจะใช้เวลาออกฤทธิ์ราว ๆ 15 – 20 นาที ทำให้เมื่อเรางีบแล้วตื่นมาปริมาณอะดีโนซีนจะลดลงแล้วทำให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น นี่เป็นวิธีที่ได้รับการวิจัยมาว่าดีกว่าการงีบหรือดื่มกาแฟในช่วงบ่ายเพียงอย่างเดียว
ช่วงบ่ายไม่ควรดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนเข้มข้นเกินไป
เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่าย เราไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่ให้ปริมาณคาเฟอีนสูง แต่ควรเลือกดื่มชาเขียว ชาดำ ที่มีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าราว ๆ 1 ใน 3 แทน (หรือเลือกกาแฟคั่วที่มีปริมาณคาเฟอีนน้อย) มันจะส่งผลดีต่อร่างกายมากกว่าเพราะมันทำให้ปริมาณคาเฟอีนในร่างกายของเราไม่พุ่งขึ้นลงมากเกินไป ส่วนใครที่อยากได้กาแฟแก้วใหญ่ ๆ ด้วยความคิดว่ายิ่งดื่มเยอะยิ่งตาสว่างก็ไม่แนะนำเช่นกัน แต่เราขอแนะนำเป็นกาแฟแบบ Espresso ช็อตเดียวแทน แค่นี้ก็ได้คาเฟอีนมากพอแล้วครับ
และมีผลการวิจัยว่า เราไม่ควรดื่มกาแฟก่อนนอนเป็นเวลา 5 – 6 ชั่วโมง เพราะผลของคาเฟอีนในร่างกายยังคงอยู่ และ 5 – 6 ชั่วโมงเป็นช่วงเวลาที่คาเฟอีนในร่างกายของเราจะลดลงครึ่งหนึ่งทำให้เราไม่รู้สึกตาสว่างจนนอนไม่หลับ ดังนั้น เวลาจะดื่มกาแฟแก้วสุดท้ายของวันก็ให้คิดเผื่อเวลาที่เราจะนอนเอาไว้ด้วยครับ
นี่เป็น วิธีดื่มกาแฟ ให้ร่างกายเราสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้สูงสุดและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายด้วยครับ แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยย่อย ๆ อีกมากที่เราควรระวังเกี่ยวกับกาแฟ เช่น ไม่ควรดื่มวันละหลาย ๆ แก้ว เพราะจะได้รับคาเฟอีนมากเกินไป หรืออาจส่งผลต่อการเกิดโรคบางอย่าง โดยเฉพาะมะเร็ง ไปจนถึงคนที่แพ้คาเฟอีนควรระวัง แต่ในทางกลับกันการดื่มในปริมาณที่เหมาะสมก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราได้ ดังนั้นมาดื่มกาแฟให้ถูกวิธีเพื่อให้เราได้ประโยชน์จากมันมากที่สุดนะครับ