หลังจากที่เราได้ทำการวัดตัวและผ่านขั้นตอนทั้ง First Fitting และจบที่ Second Fitting กับคุณโนริยูกิ ฮิงาชิ จาก Sartoria Raffaniello ไปเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ ก็มาถึงตอนสุดท้ายของซีรี่ส์บทความการตัดเสื้อแจ็คเก็ตในโปรแกรม “บีสโป๊ค”(Bespoke) กับ Sartoria Raffaniello จากญี่ปุ่น โดยร้าน The Decorum ในประเทศไทย
Standeven Dark Grey Bespoke Jacket
ทีมงาน MenDetails มีกางเกงอยู่ตัวหนึ่งที่เราชอบใส่อยู่แล้ว โดยเป็นกางเกงที่ตัดเย็บด้วยผ้าจาก Standeven Explorer สีเทาเข้ม (Charcoal Grey) เราจึงตัดสินใจที่จะตัดเสื้อแจ็คเก็ตบีสโป๊คกับทาง Sartoria Raffaniello ด้วยผ้าชนิดเดียวกันและสีเดียวกัน เพื่อให้สามารถนำมาใส่เข้าคู่กันเป็นชุดสูทได้ด้วยนั่นเอง
ถือว่าโชคดีที่ผ้า Standeven เป็นผ้าที่ คุณ โนริยูกิ ฮิงาชิ คุ้นเคยและสั่งใช้งานอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาแต่อย่างใด เคล็ดลับที่ MenDetails อยากฝากไว้คือให้เราจดชื่อยี่ห้อและรุ่นของผ้า รวมถึงหมายเลขรหัสสีของผ้าที่เราใช้งานเก็บไว้ เผื่อเวลาที่อาจมีชิ้นใดชิ้นหนึ่งและเราอยากจะตัดชุดใหม่แต่อยากได้สีเดิม จะได้ใช้ข้อมูลที่เราจดไว้ได้เลยโดยไม่ต้องสืบเสาะค้นหาให้วุ่นวาย
Double Breasted “6×1”
หลายคนคงเคยเห็นและคุ้นเคยกับ เสื้อสูทจาก Sartoria Raffaniello ในแบบกระดุมแถวเดียว สไตล์ 3 Roll 2 กันดีอยู่แล้ว แต่ในครั้งนี้ MenDetails สนใจสไตล์ Double Breasted ของฮิงาชิซังเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้ศึกษาและลองดูตัวอย่างงานบีสโป๊คในรูปแบบเสื้อกระดุมสองแถวมาอย่างละเอียดรอบคอบ เราจึงตัดสินใจสั่งตัด Double Breasted Jacket ในรูปแบบกระดุม 6×1 หมายถึงมีกระดุมให้เห็นด้านนอกทั้งหมด 6 เม็ด แต่จะกลัดเม็ดล่างสุดทางด้านขวาเพียง 1 เม็ดเท่านั้นนั่นเอง
โดยเปรียบเทียบแล้วนั้น เสื้อสูท DB แบบ 6×1 เป็นสไตล์ที่มีความลำลองมากกว่า เสื้อสูทแบบ Single Breasted หรือ DB แบบ 6×2 ตามปกติทั่วไป ด้วยจุดกลัดกระดุมที่อยู่ต่ำกว่าจะสร้างเส้นแนวเฉียงที่ยาวกว่า 6×2 และเมื่อมองผ่านจะดูไม่รัดกุมเป็นทางการแบบ 6×2 นอกจากนี้ประโยชน์ของแนวเฉียงยาว จากเสื้อ DB แบบ 6×1 ทำให้ช่วงลำตัวดูยาวขึ้น เสื้อ DB แบบ 6×1 จึงเหมาะกับผู้ชายที่ไม่สูงนัก หรือผู้ชายที่เจ้าเนื้อหน่อยก็ใช้ได้ดีเช่นกัน
เราได้แจ้งคุณฮิงาชิให้ปรับขนาดของปกสูทเป็นขนาดใหญ่ที่สุดตามแบบของเขา ปกสูทของ Sartoria Raffaniello จะเป็นแบบตัดตรง (straight cut) (ต่างจาก DB ของ ASSISI Bespoke ที่จะมีความโค้งตรงช่วงกลางของปก หรือที่เรียกว่า “Belly Lapel”) จุดนี้ทำให้สไตล์โดยรวมของเสื้อตัวนี้ดูเฉียบคมและภูมิฐานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใครที่ชอบเสื้อแจ็คเก็ตแบบ Power Suit Jacket ที่ดูแล้วจริงจังไม่มีล้อเล่น เราเชื่อว่าคุณจะชอบขนาดปกสูทและสไตล์การตัดปกสูทแบบนี้แน่นอน
อีกสิ่งที่หนึ่งที่เราชื่นชอบเป็นอย่างยิ่งคือแนวบ่าจรดปลายไหล่ที่ ฮิงาชิซัง ทำได้อย่างยอดเยี่ยมถูกใจ MenDetails ยิ่งนัก แม้ไหล่ของทีมงานคนนี้จะมีลักษณะไหล่ตั้งและเหลี่ยม แต่เส้นบ่าของเสื้อสูทตัวนี้ลาดลงจากต้นคอได้สวยงามเป็นธรรมชาติไปจนถึงปลายไหล่ได้อย่างน่าประหลาดใจ ในแบบที่ทำให้เรานึกสงสัยว่า “ทำได้ไงเนี่ย?”
ในส่วนของปลายไหล่เรายังคงชอบวิธีการเย็บหัวแขนแบบ Spalla Camicia ของฮิงาชิซังที่เย็บช่วงรอยต่อดังกล่าวให้เห็นรอยจีบผ้าแบบพอดี ๆ โดยไม่ตั้งใจให้เห็นรอยจีบมากเกินไปจนหัวแขนดูพองเป็นแขนตุ๊กตาบาร์บี้ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจึงกลมกล่อมและสวมงานอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ถัดมาเป็นแขนเสื้อสูทที่มีขนาดกำลังดี ลู่ไปตามแนวแขนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนบริเวณช่องรักแร้ที่เคยเป็นประเด็นว่าแน่นและสูงเกินไปเล็กน้อย ทางฮิงาชิก็ปรับแก้ได้ลงตัวพอดี กลายเป็นเสื้อสูทแบบ High Armhole ที่ใส่สบายไม่มีอึดอัดอีกต่อไป
ทรงของเสื้อสูท DB จาก Sartoria Raffaniello ตัวนี้ของค่อน “Drape” กล่าวคือมีโครงที่พองออกตรงช่วงอก สร้างแนวของลำตัวที่ดูภูมิฐานมากขึ้น เสื้อสูทตัวนี้จึงดูจะเหมาะกับการใช้งานแบบทางการหรือกึ่งทางการ มากกว่าที่จะเอาไปใส่กับกางเกงยีนส์แบบลำลองอย่างเสื้อ sport jacket ทั่วไป ว่าที่จริงก็เข้ากันได้ดีกับสีเทาชาโคลเข้ม ๆ แบบนี้ของผ้า Standeven อยู่แล้ว MenDetails ตั้งใจว่านอกจากจะใส่กับกางเกงสีเดียวกันเป็นชุดสูทเต็มตัว ก็จะเลือกหยิบใส่คู่กับกางเกงสีเทาเฉดอื่น ในแนวโมโนโทน เพื่อให้ใช้งานได้ในหลากหลายโอกาสตามแต่ระดับความเป็นทางการว่าจะมากน้อยเพียงใด
Indescribable Value of Bespoke Craftmanship
เสื้อสูทแบบ Bespoke ทุกตัวของ Sartoria Raffaniello จะมีโครงสร้างแบบ Full Floating Hand-Sewn Canvas และเป็นงาน Hand Made ที่ทางคุณ Noriyuki Higashi ลงมือเย็บด้วยตัวของเขาเองในทุกฝีเย็บของตัวเสื้อ งานมือทั้งหมดทำได้อย่างประณีตบรรจงด้วยความใส่ใจ เราได้เห็นถึงความซับซ้อนและท้าทายในการทำงานเพื่อตัดเย็บเสื้อสูทที่ประณีตบรรจงขนาดนี้ จนอดทึ่งไม่ได้ว่า ฮิงาชิซัง จะต้องใช้ความพยายามที่แรงกล้าแค่ไหน กว่าจะนำพาตัวเองให้มีฝีมือเป็นที่ประจักษ์ในจุดนี้ได้
สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าที่แฝงอยู่ในรายละเอียดของ เสื้อสูทแบบ Bespoke ของ Sartoria Raffaniello ที่ไม่ว่าเทคโนโลยีของเครื่องจักรตัดเย็บเสื้อผ้าสมัยใหม่จะพัฒนาก้าวหน้าไปมากแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถจะมีมูลค่ามากพอทดแทนจิตวิญญาณที่อยู่ในฝีมือของช่างตัดเสื้อที่เคี่ยวกรำฝึกฝนตัวเองมาเป็นเวลานาน เพื่อสร้างสรรค์งานที่มีชิ้นเดียวในโลกแบบนี้ได้อย่างแน่นอน
คุณ Noriyuki Higashi ในนามของร้านสูท Sartoria Raffaniello จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น จะแวะเวียนมาเปิด Trunk Show ในไทยอย่างเป็นประจำที่ร้าน The Decorum ประเทศไทย ใครที่สนใจและรู้สึกชื่นชอบสไตล์ของเขา อีกทั้งมีแนวความคิดที่ให้มูลค่าของงานฝีมือและความเอาใจใส่ของช่างตัดสูทแบบตัวต่อตัวเช่นนี้ สามารถติดตามร้าน The Decorum เพื่อรับทราบกำหนดการของ Sartoria Raffaniello ในครั้งต่อไปได้เลยนะครับ